posttoday

ทส.แจงปลด "ชัยวัฒน์"ออกจากราชการยึดกม. ชี้ช่องอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค. ได้

27 มีนาคม 2564

"ปลัดทส."แจงปลด "ชัยวัฒน์"ออกจากราชการยึดกฎหมาย หลัง ปปท.ชี้มูลความผิด กรณีเผาบ้านปู่คออี้ เมื่อปี 54 ชี้ช่อง อุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค. ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้ หากไม่ได้รับความเป็นธรรม

เมื่อวันที่27 มี.ค. 64 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงกรณี คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีมติให้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (จังหวัดอุบลราชธานี) ออกจากราชการ ว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้วหน่วยงานต้นสังกัด ได้พิจารณาโทษทางวินัยตามฐานความผิดที่คณะกรรมการ ป.ป.ท. ได้มีมติชี้มูลภายใน 30 วัน หากกระทรวงทรัพย์ฯละเลยไม่ดำเนินการจะเป็นการกระทำความผิดทางวินัยด้วยเช่นกัน ถือเป็นการพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย เมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) มีมติชี้มูลความผิด นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญาในขณะที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในข้อกล่าวหา เผาบ้านของ นายคออี้ มีมิ หรือ ปู่คออี้ ผู้นำจิตวิญญาณของชาวบ้านบางกลอย และบ้านของชาวบ้านอีก 98 หลังในพื้นที่บ้านบางกลอยบนเมื่อปี 2554 โดยนายคออี้ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีนายชัยวัฒน์และพวกซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานต่อพนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน แล้วต่อมานายคออี้ ได้ฟ้องเป็นคดีขึ้นสู่ศาลปกครองและคดีได้ถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ซึ่งศาลได้วินิจฉัยแล้วว่า นายชัยวัฒน์ กับพวก ใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่กระทำความผิดในการรื้อถอนเผาทำลายทรัพย์สินและสิ่งปลูกสร้าง แล้วสำนวนได้ถูกส่งต่อไปยัง คณะกรรมการ ป.ป.ท. จนมีมติชี้มูลความผิดและได้ส่งรายงานพร้อมความเห็นให้กับหน่วยงานต้นสังกัด ทั้งนี้ ที่ผ่านมา นายชัยวัฒน์ฯ เป็นบุคลากรที่มีความตั้งใจทำงาน มีผลงานโดดเด่น และมีความดีความชอบในการปฏิบัตงานด้านทรัพยากรธรรมชาติอย่างต่อเนื่องเสมอมา จึงมีมติให้ปลดออกจากราชการและยังมีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญเสมือนว่าผู้นั้นลาออกจากราชการ

ปลัดทส. กล่าวอีกว่า ถือเป็นความสูญเสียบุคลากรที่มีศักยภาพ มีความมุ่งมั่น และทุ่มเทในการทำงาน จึงขอฝากถึงข้าราชการทุกคนทั้งที่ปฏิบัติหน้าที่ในส่วนกลางและในพื้นที่ ขอให้มีความอดทนอดกลั้น ทำงานโดยนึกถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ศึกษาระเบียบปฏิบัติข้อกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานให้ชัดเจน และประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างจริงใจ เพื่อป้องกันไม่ให้ต้องสูญเสียบุคคลากรที่มีคุณภาพอย่างเช่นกรณีนี้อีก

ทั้งนี้ หากนายชัยวัฒน์ฯ เห็นว่ามติดังกล่าวไม่เป็นธรรมในระบบราชการพลเรือนสามัญมีการพิทักษ์ระบบคุณธรรมในราชการ โดยสามารถอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ได้ หรือสามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้เช่นกัน