posttoday

กองทุนสื่อฯ ผลิตรายการ “ทำอะไรก็ธรรม” หวังใช้พลังโซเชียลเผยแพร่ด้านพุทธธรรม

25 มีนาคม 2564

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จับมือ LINE ประเทศไทย และมูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส ผลิตรายการ “ทำอะไรก็ธรรม” หวังใช้พลังโซเชียลเผยแพร่ด้านพุทธธรรมเข้าถึงชุมชน

งานทำบุญ 10 ปี สวนโมกข์กรุงเทพ และพิธีลงนามความร่วมมือในการผลิตรายการ “ทำอะไรก็ธรรม” ระหว่าง กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ LINE ประเทศไทย และมูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ ณ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ (สวนโมกข์กรุงเทพ)

ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย ประธานกรรมการจัดตั้งหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ กล่าวสุนทรกถา โดยขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนจนครบ 10 ปีในวันนี้ซึ่งเจตจำนง อยากให้นำคำสอนของพระพุทธเจ้าและท่านพุทธทาสมาใช้ในการดำเนินชีวิต

“เมื่อก่อนการสื่อสารเป็นรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ วันนี้ทั้งโลกเปลี่ยนไปมีสื่อที่เราเรียกว่าโซเชียลมีเดีย ซึ่งเข้าไปถึงทุกช่วงอายุคนตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงผู้สูงวัย เป็นเรื่องที่ท้าทายที่จะใช้สื่อนำเอาพุทธธรรมให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดได้อย่างไร ผมเชื่อมั่นว่า 3 ภาคีจะทำได้ และหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านอีกครั้ง ทำอย่างไรจะถ่ายทอดของขวัญชีวิตของรุ่นเราไปยังรุ่นต่อไปได้อีก เป้าหมายหนึ่งก็ต้องไปที่ชุมชน ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล ชุมชนต้องการศาสนธรรมมาก คุณธรรม จริยธรรม ชุมชมถูกกดดันจากวัตถุนิยม รวมทั้งอบายมุขต่างๆ ทำให้สถาบันที่เข้มแข็งของไทยถูกวัตถุนิยมสมัยใหม่กระแทกให้เปราะบาง”

ขณะที่ นพ.บัญชา พงษ์พานิช กรรมการและเลขานุการมูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ กล่าวว่าสมัยท่านอาจารย์พุทธทาส เป็นพระรูปแรกที่ซื้อกล้องถ่ายรูปที่ดีที่สุดเพื่อเก็บภาพมาประกอบธรรม ส่งสารและเผยแพร่ รวมถึงได้บันทึกเสียงออกอากาศทุกวันอาทิตย์ผ่านกรมประชาสัมพันธ์

กองทุนสื่อฯ ผลิตรายการ “ทำอะไรก็ธรรม” หวังใช้พลังโซเชียลเผยแพร่ด้านพุทธธรรม

“10 ปีที่แล้วเราเกิดหอจดหมายเหตุ จะทำอย่างไรที่จะให้คลิปดีๆ ได้ส่งสารไปหาผู้คนบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนที่ช่วยเผยแพร่ผลงานธรรมะสู่สาธารณชน ก่อนจะต่อยอดเชิญกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์มาร่วมมือในการผลิตรายการ ทำอะไรก็ธรรม”

ด้าน ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่ามีความสุขและตื้นตันใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนร่วมผลิตรายการในครั้งนี้ ซึ่งโดยส่วนตัวทำให้คิดว่าพระพุทธเจ้าเป็นนักการสื่อสารชั้นยอดที่หลักสูตรนิเทศศาสตร์และสื่อสารมวลชนไม่เคยสอน โดยทำให้เห็นจากการเทศนาผ่านสาวกและสาวกก็นำคำสอนนั้นไปเผยแพร่ต่อ

“สื่อในภาวะปกติ กิเลสไม่มีก็ปั่นให้มี การเปิดรับสื่อมีความสำคัญและในปัจจุบันงานวิจัยชี้ว่ามีการใช้สื่อในการระราน และ hate speech มากที่สุด โดยส่วนตัวมุ่งหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่คำสอนพระพุทธศาสนา ถึงที่สุดแล้วมีความรู้สึกว่าศาสตร์ในโลกนี้ที่อธิบายตัวเองได้ดีที่สุดไม่ใช่ศาสตร์ทางโลกแต่เป็นพุทธธรรม

โดยถือเป็นจุดตั้งต้นที่ดีที่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์มีส่วนในการสนับสนุนการผลิตรายการทำอะไรก็ธรรม และมี LINE ประเทศไทย เป็นช่องทางการเผยแพร่”