แต่งตั้งรองสว.-ผบ.หมู่วาระปี63วุ่น! นายดาบตม.สุราษฎร์ร้องถูกย้ายข้ามหน่วย

กรณีพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้มีบันทึกข้อความส่วนราชการ ตร. ที่ 0009.232/ว 49 เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.63 แจ้งว่าให้มีคำสั่งแต่งตั้งรอง สว. ถึง ผบ.หมู่ วาระประจำปี 2563 พร้อมกันทุกหน่วยภายใน 29 มกราคม 2564 และมีผลใช้บังคับพร้อมกันภายใน 16 กุมภาพันธ์ 2564

ขณะที่พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(โฆษก ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รอง สว. ถึง ผบ.หมู่ วาระประจำปี 2563 ซึ่งตามกฎ ก.ตร. ต้องเสร็จสิ้นภายใน 31 มกราคม ของทุกปี ว่า หลักปฏิบัติค่อนข้างมีความยืดหยุ่น เนื่องจากปีนี้มีหน่วยราชการเกิดใหม่ จึงมีกระบวนการปรับเกลี่ยไปให้ บช.สอท. ซึ่งใช้เวลาพอสมควร แต่ไม่ได้มีการขออนุมัติขยายเวลาแต่อย่างใด ยืนยันว่าจะแล้วเสร็จทัน 16 กุมภาพันธ์ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเดินทางไปรับตำแหน่งใหม่

ล่าสุด ด.ต.ชนาภัทร โจมฤทธิ์ ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ได้มีหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกรณีแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าวว่าโดนกลั่นแกล้งเพราะถูกยกย้ายไปลงตำแหน่งที่ กก.ตชด.44 จว.ยะลา และเจ้าตัว ไม่ได้ทำเรื่องร้องขอไปดำรงในตำแหน่งที่ กก.ตชด.44 จว.ยะลาแต่ขอย้ายไปดำรงตำแหน่งที่ ตม.จว.ชลบุรี ในตำแหน่ง ผบ.หมู่ ปราบปรามทางน้ำ ตม.จว.ชลบุรี บก.ตม.3 เนื่องจากจบจากนักเรียนจ่าทหารเรือมาและมีคุณสมบัติครบในการดำรงตำแหน่งที่ขอไป เพราะมีใบนายทายเรือและใบช่างเครื่องเรือในการขับเรือยนต์ตรวจการณ์ของ ส.ตม.

สำหรับสาเหตุและเหตุผลของการเสนอชื่อย้ายโดยถูกกลั่นแกล้ง ด.ต.ชนาภัทร ระบุในหนังสือร้องเรียนว่า 1.ข้าฯได้ลงข้อความสอบถามในไลน์กลุ่ม ศปก.ของ ตม.จว.สุราษฎร์ธานีเรื่องการหักเงินเปรียบเทียบปรับ จำนวน20% ของยอดเงินที่ ข้าฯจะได้รับและต้องโอนคืนไป20%ของยอดที่โอนเข้ามาในบัญชีของข้าฯ2.เรื่องการเบิกเงินเปรียบเทียบปรับของ รอง ผกก.ตม.สุราษฎร์ธานี และ สว. ตม.สุราษฎร์ธานี ที่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าควบคุมชุดสืบของ ตม.สุราษฎร์ธานี ทั้งหมด 4ชุดปฎิบัติการโดยแบ่งดังนี้2.1 . ชป.1 รับผิดชอบตั้งแต่อำเภอพุนพินถึงอำเภอท่าชนะ2.2. ชป.2 รับผิดชอบตั้งแต่อำเภอเมืองจนถึงอำเภอเคียนซา2.3.ชป.3 รับผิดชอบอำเภอเกาะพงันและเกาะเต่า2.4.ชป.4รับผิดชอบเกาะสมุย

โดยปกติผู้ควบคุมจะขอเบิกเงินรางวัลเปรียบเทียบปรับได้แค่หนึ่งชุดเท่านั้นของการเปรียบเทียบปรับในแต่ละวันแต่นี่ถ้าชุด ชป.1-4เปรียบเทียบปรับก็ขอเบิกเงินเปรียบเทียบปรับทั้งหมดเนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปปฎิบัติหน้าที่พร้อมกันทั้ง4ชุด ดังนั้นจึงเป็นการเบิกเงินเปรียบเทียบปรับอันเป็นเท็จ

3.เรื่องการตีตราทำวีซ่าคนต่างด้าว3สัญชาติจะเรียกเก็บเงินจากนายหน้าหรือบุคคลมาทำวีซ่ารายหัวโดยเก็บหัวละ500บาท นอกเหนือจากเก็บค่าธรรมเนียมรายละ 1,900บาท และถ้านายหน้าคนใดมีพาสปอร์ตมากก็จะให้นำลูกน้องมาตีวีซ่าและเขียนใบเสร็จเซ็นต์ชื่อปลอมเจ้าหน้าที่ในใบเสร็จเองเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการทำและยังจ้างบุคคลภายนอกมาตีวีซ่า,เขียนใบเสร็จ,เซ็นต์ลายมือชื่อปลอมของเจ้าหน้าที่ในใบเสร็จค่าธรรมเนียมเอง

อนึ่ง ด้วยที่ข้าพเจ้าเกิดความสงสัยในเหตุการณ์ที่กล่าวมาดังกล่าวจึงลงข้อความลงไปในไลน์กลุ่ม ศปก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี เพื่อถามหาความกระจ่างแจ้งและความจริงว่าเป็นใช่ไร เมื่อลงข้อความสอบถามแล้วข้าพเจ้าก็ได้โดนสั่งให้เขียนรายชี้แจงว่าลงข้อมูลหรือข้อความที่ไม่เหมาะสมในสื่อออนไลน์ถึง2ครั้ง โดยครั้งแรกได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงและผลยุติเพียงว่ากล่าวตักเตือนพอยุมาไม่นานข้าพเจ้าก็ลงข้อความถามเรื่องเดิมอีกในไลน์ ศปก.ตม.สุราษฎร์ธานี อีกเพราะครั้งแรกยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนและก็โดนสั่งเขียนรายงานชี้แจงอีกโดยผกก.ตม.สุราษฎร์ธานี ครั้งนี้ก็ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหมือนที่ผ่านมาและผลก็ยุติเพียงว่ากล่าวตักเตือนเพราะข้าพเจ้าไม่ได้มีเจตนาอื่นใดแค่ถามเพื่อคลายความสงสัยและยากได้ความจริงและครั้งนี้จึงได้ทำภาคฑัณท์ข้าพเจ้าไว้เนื่องจากโดนเขียนเป็นครั้งที่2 ตั้งแต่ที่ข้าพเจ้าได้ย้ายมาปฎิบัติหน้าที่ๆ ตม.จว.สุราษฎร์ธานีข้าพเจ้าได้ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงธรรมและขยันในการปฎิบัติหน้าที่ตลอดมาโดยไม่มีการทำให้เสื่อมเสียหรือโดนร้องเรียนมาถึงหน่วยงานแต่อย่างใด

และที่ผ่านมาตั้งแต่รับราชการมาข้าพเจ้ายังเป็นนักมวยสากลสมัคเล่นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตลอดมาและเป็นโค๊ชมวยของสำนักงานตำรวจแห่งชาติสร้างชื่อเสียงให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาโดยตลอด แต่เมื่อมีคำสั่งย้ายให้ไปดำรงตำแหน่งที่ กก.ตชด.44 จว.ยะลา แบบไม่ได้ร้องขอไปเพราะข้าพเจ้ามิได้มีภูมิลำเนาและครอบครัวที่นั่นแต่อย่างใดที่โดนย้ายไปเพราะโดนกลั่นแกล้งจากผู้มีอำนาจของ ตม.จว.สุราษฎร์ธานี โดยข้าพเจ้าได้ทำเรื่องแค่ขอย้ายไป ตม.จว.ชลบุรี เพียงที่เดียวโดยการให้ผู้ใหญ่ถึง3ท่านช่วยเหลือในการย้ายก็ไม่สามารถต้านทานผู้มีอำนาจจาก ตม.จว.สุราษฎร์ธานีได้เลย

ถึงตอนนี้ข้าพเจ้าหมดสิ้นกำลังใจกับการทำดีไม่ได้ดีถึงขั้นคิดจะลาออกจากการเป็นตำรวจที่ทำดีไม่ได้ดีที่พยายามสร้างชื่อเสียงให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสมอมาเพราะในการโดนกลั่นแกล้งในการย้ายที่ไม่เป็นธรรมในครั้งนี้ข้าพเจ้าไม่มีที่เพิ่งที่ไหนจึงต้องออกมาร้องขอความเป็นธรรมในการย้ายข้าพเจ้าไปตำรงแหน่งที่ กก.ตชด.44 จว.ยะลา โดยที่ไม่มีการร้องขอย้ายไปที่นั่นแต่ประการใดจึงขอให้ท่านพิจารณาคำสั่งการแต่งตั้งโยกย้ายของข้าพเจ้าใหม่เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจของข้าพเจ้าในการปฎิบัติหน้าที่ต่อไป