posttoday

ศาลจำคุกอดีตอธิบดีกรมอุตุฯ3ปี4เดือน เอื้อประโยชน์ลดค่าปรับให้เอกชน

30 กันยายน 2563

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาจำคุก "อดีตอธิบดีกรมอุตุฯ" 3 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา ผิด ม.157 ปมลดค่าปรับเอกชนส่งคอมพิวเตอร์ไม่ตรงสเปกตามสัญญา นับร้อยล้าน เจ้าตัวยื่นประกัน 3 แสนสู้คดีชั้นอุทธรณ์

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 63 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อท.182/2562 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงศ์ อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

โดยคดีนี้สืบเนื่องจาก ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ของกรมอุตุนิยมวิทยา กรณีร่วมกันตรวจรับซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ไม่ตรงตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ในสัญญา ต่อมาเมื่อวันที่ 5 ก.ย.46 กรมอุตุนิยมวิทยา เป็นโจทก์ฟ้องบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ฐานผิดสัญญาและเรียกค่าปรับ เป็นเงิน 242,519,845.20 บาทพร้อมดอกเบี้ยจำนวน 70,064,979 .44 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 312,584,825 บาท

โดยระหว่างการพิจารณาคดีของศาลนั้นจำเลยมอบหมายให้นายเฉลิมชัย เอกก้านตรง อดีตรองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความตกลงให้ บริษัทเอกชน ให้ชำระเบี้ยปรับให้กับกรมอุตุนิยมวิทยา เป็นเงินเพียง 4,327,045.20 บาทเท่านั้น ซึ่งทำให้ทางราชการเสียหาย ไม่สามารถเรียกปรับได้เต็มจำนวน

ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติไต่สวนแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานพิจารณาแล้ว เห็นว่าการกระทำของจำเลยมีเจตนาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชน ในฐานะคู่สัญญาชำระค่าปรับเพียง 4 ล้านบาทเศษ จึงเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้สำหรับตนเองหรือผู้อื่น ทำให้กรมอุตุนิยมวิทยาได้รับความเสียหาย และการกระทำของจำเลยไม่ใช่เพียงการละเว้นไม่ปฏิบัติตามระเบียบเท่านั้น แต่ย่อมเล็งเห็นได้ว่าการลดค่าปรับเป็นจำนวนมากเกินกว่าระเบียบและกฎหมายให้อำนาจไว้ ย่อมไม่อาจกระทำได้

คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า การกระทำของจำเลยมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อ.มาตรา 157 ทำให้เกิดความเสียหายแก่กรมอุตุฯ เหตุเกิดที่แขวงบางนา เขตพระโขนงและแขวงยานนาวา เขตสาทร กทม.

ขณะที่ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่าแม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับผลประโยชน์ใดก็ตาม แต่พฤติการณ์ที่จำเลยใช้ดุลพินิจปรับลดค่าปรับให้แก่บริษัทเอกชน จากค่าปรับพร้อมดอกเบี้ยรวมจำนวน 312,584,825 บาท เหลือเป็นเงินเพียง 4,327,045.20 บาท โดยให้กรมอุตุนิยมวิทยา ตกลงชำระเงินตามสัญญางวดที่ 7-8 เป็นเงิน 901,625.74 บาท และ 49,999,399 บาท ให้แก่ บริษัทเอกชน รวมทั้งกรมอุตุนิยมวิทยา ตกลงคืนหนังสือค้ำประกันให้แก่ธนาคารไทยพาณิชย์

พฤติการณ์แห่งคดีล้วนบ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า จำเลยมีเจตนาเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทเอกชน และธนาคารไทยพาณิชย์การกระทำของจำเลยจึงเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม ป.อ.มาตรา 157

จึงพิพากษาว่า จำเลย มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157 จำคุก 5 ปี โดยทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 จึงให้จำคุกเป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน

อย่างไรก็ดี ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยก่อให้เกิดความเสียหาย แก่กรมอุตุนิยมวิทยา เป็นเงินจำนวนมาก กรณีเป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ (ไม่รอลงอาญา)

ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว นายศุภฤกษ์ อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา จำเลยได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์สู้คดี โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยโดยตีราคาประกัน 300,000 บาท