posttoday

ประหารชีวิต!!"ผอ.กอล์ฟ" คดีฆ่า 3 ศพชิงทองห้างลพบุรี

27 สิงหาคม 2563

ศาลพิพากษาประหารชีวิต "ผอ.กอล์ฟ" คดีฆ่า 3 ศพชิงทองห้างลพบุรี พร้อมให้ชดใช้ ผู้เสียชีวิต -ผู้บาดเจ็บทั้งหมด

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 63 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษา คดีฆ่าชิงทองออโรร่า ภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จังหวัดลพบุรี คดีหมายเลขดำ อ.409/2563 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือกอล์ฟ อายุ 38 ปี อดีต ผอ.โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสิงห์บุรี เป็นจำเลย ในความผิด 9 ข้อหา ดังนี้

ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดฯ, พยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น, ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้อาวุธปืน และใช้ยานพาหนะ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายสาหัส, .ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิด โดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย โดยไม่มีเหตุสมควร และโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต, มีและใช้อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้, ใช้อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ในการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ฐานชิงทรัพย์ และมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต

คดีนี้ อัยการ โจทก์ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2563 ที่ผ่านมา บรรยายพฤติการณ์ความผิด สรุปว่า เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563 จำเลย ซึ่งมีอาวุธปืน ออโตเมติก ขนาด 9 ม.ม. ทะเบียน กท 5027346 เลขหมาย A 300638 ติดท่อเก็บเสียง 1 อัน ซองกระสุนปืนพร้อมเครื่องกระสุน ได้นำอาวุธ พร้อมเครื่องกระสุนเข้าไปภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาลพบุรี แล้วยิง นายธีระฉัตร นิ่มมา พนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของห้างฯ รวมทั้งประทุษร้ายบุคคลทั่วไปจนเป็นเหตุให้ เด็กชายภาณุวิชญ์ วงศ์อยู่ และนางสาวธิดารัตน์ ทองทิพย์ พนักงานร้านทองโอโรร่า จนถึงแก่ความตาย และจำเลยยังได้ยิงบุคคลอื่นอีก 4 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนชิงเอาสร้อยคอทองคำ น้ำหนักเส้นละ 1 บาท จำนวน 22 เส้น น้ำหนักเส้นละ 2 สลึง อีก 11 เส้น รวม 33 เส้น เป็นเงินทั้งสิ้น 664,470 บาท ของบริษัท ออโรร่าดีไซน์ จำกัด ผู้เสียหายไปโดยทุจริต ก่อนขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจได้สืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมตัวจำเลยได้พร้อมของกลางหลายรายการ และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ท้ายคำฟ้อง อัยการโจทก์ ขอคัดค้านการประกันตัวจำเลย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงเกรงว่าจะหลบหนี และขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิด ทั้งให้ จำเลย คืนสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 2 สลึง จำนวน 1 เส้น ราคา 12,300 บาท และจี้ทองคำรูปหัวจรวด น้ำหนัก 1 กรัม ราคา 1,565 บาท หรือใช้ราคาทรัพย์รวมเป็นเงิน 13,955 บาท แก่ผู้เสียหาย บริษัท ออโอร่าดีไซน์ จำกัด ด้วย

ล่าสุดศาลชั้นต้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าพยานและหลักฐานของพนักงานสอบสวนรวมถึงพยานในที่เกิดเหตุสอดคล้องตรงกัน มีความชัดเจนเชื่อได้ว่า จำเลยเป็นผู้ก่อเหตุในคดีจริง ข้ออ้างที่จำเลยให้การรับสารภาพต่อศาลว่า เป็นความคิดชั่ววูบ เพราะมีปัญหาหนี้สินจำนวนมากนั้น รับฟังไม่ขึ้นเนื่องจากจำเลยมีการเตรียมการและมีอาวุธปืนพร้อมที่เก็บเสียง แสดงให้ถึงการตระเตรียมที่จะกระทำความผิด

สำหรับกรณีวิถีกระสุนทำให้เด็กชายเสียชีวิตจำเลยอ้างว่าไม่เจตนา ไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อพิจารณาจากหลักฐานแล้ว เห็นว่าเมื่อจำเลยนำปืนเก็บเสียงยิงไปที่ นายธีระฉัตร ผู้ตาย รปภ. ห้างโรบินสัน และกระสุนทะลุไปโดน ดช.ภาณุวิชญ์ จนเสียชีวิต ศาลถือว่า จำเลยมีเจตนากระทำผิดต่อเด็กด้วย

ส่วนที่จำเลยขอให้ลงโทษสถานเบาเพราะภายหลังก่อเหตุเกิดความสำนึกเสียใจ ยอมให้จับกุมประกอบกับ มีคุณงามความดีมาก่อนนั้น ศาลเห็นว่าจำเลยไม่ได้มอบตัว และไม่ให้การมีประโยชน์ต่อการแสวงหาหลักฐาน หรือการสอบสวน เนื่องจากพยานหลักฐานของโจทก์สามารถนำสืบเองได้ คำให้การของจำเลยจึงไม่เป็นให้ประโยชน์ หรือให้ความรู้กับศาล จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ ทั้งนี้คำรับสารภาพของจำเลยเป็นการจำนนต่อหลักฐาน การกระทำผิดของจำเลยเป็นภัยร้ายแรง คุกคามสังคม คำให้การของจำเลยฟังไม่ขึ้น

จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง หลายกรรมต่างกัน พิพากษาให้ลงโทษทุกกรรม รวมโทษทุกกระทง คงประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว ปรับ 1,000 บาท พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียทุกคน รวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จนกว่าจะแล้วเสร็จ