ศบค.แจงทูตถูกคอนโดฯปฎิเสธเข้าพักไปกักตัวโรงแรมASQออกค่าใช้จ่ายเอง

นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยในการแถลงข่าวของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.)ว่า นักการทูตรายนี้ ออกจากแฟรงก์เฟิร์ตเมื่อวันที่ 15ก.ค.63 เวลา 22.00น.เดินทางเข้าไทยเมื่อวันที่16ก.ค.63 เวลา 14.00น. ได้รับการตรวจตามระเบียบของศบค.ไม่พบเชื้อโควิด-19 ระหว่างเดินทางไปที่พักมีการจัดรถให้เป็นกรณีพิเศษแยกออกจากคนขับ เมื่อไปถึงคอนโดมิเนียมได้รับทราบจากคณะกรรมการนิติบุคคลว่า ไม่ให้เข้าพักจึงประสานมาที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้ข้อยุติว่า จะเดินทางไปที่โรงแรมซึ่งเป็นสถานที่รัฐกำหนดตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข

นักการทูตที่เดินทางเข้ามาไทยเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ได้มีจำนวนมาก การเดินทางเข้าเป็นไปตามกรอบระเบียบที่ศบค.วางไว้ การเข้ามาในประเทศเป็นเพียงการได้รับเอกสิทธิ์คุ้มกันตามอนุสัญญากรุงเวียนนา เพื่อให้เข้ามาปฎิบัติหน้าที่นฐานะตัวแทนทางการทูต ตัวแทนของรัฐ และต้องปฎิบัติตามระเบียบประเทศเจ้าบ้าน ซึ่งบ่ายวันนี้จะมีการทบทวนมาตรการเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางเข้ามาของนักการทูตให้เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านของระเบียบ หลังเหตุลูกสาวอุปทูตซูดานติดโควิด-19 แต่ได้มีการแจ้งให้สถานทูตต่างๆ รับทราบถึงมาตรการเข้มงวดของไทยที่สนามบินโดยขอให้รอทราบผลการตรวจที่ชัดเจนก่อนจึงจะออกจากสนามบินได้

เมื่อคืนวันที่ 16ก.ค.63 เจ้าหน้าที่ของสถานทูตแห่งหนึ่งได้ขอเข้าพักในคอนโดมิเนียมหรูย่านสุขุมวิท แต่ไม่ได้รับการยินยอมจากฝ่ายอาคารและนิติบุคคล เพราะหวั่นซ้ำรอยเหตุการณ์ ลูกสาวอุปทูตซูดานติดเชื้อวิด-19 แล้วกักตัวที่คอนโดฯ จึงเกรงว่าจะกระทบผู้อาศัย จำนวน 604 ห้อง และมีการเจรจานานหลายชั่วโมง

ขณะที่นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระบุว่า ขณะนี้นักการทูตคนดังกล่าวได้เข้าพัก รร.แกรนด์เซ็นเตอร์พอยต์ เทอร์มินอล 21 ซึ่งเป็นโรงแรม ASQ (โรงแรมที่ผ่านการตรวจประเมิน Alternative State Quarantine โดยกระทรวงสาธารณสุข และ กระทรวงกลาโหม) กักตัวด้วยการเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ทั้งนี้ ศบค.ชุดเล็กได้ข้อสรุปว่า ต่อไปบุคคลทั้งหมดที่เข้าประเทศไทยรวมทั้งนักการทูตต้องเข้ากักตัวใน State Quarantine เป็นเวลา 14 วัน ทุกกรณี

ด้านนายวีระชัย เตชะวิจิตร์ กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์เอสโตเนียประจำกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชี้แจงกรณีนักการทูตเอสโตเนียเดินทางเข้ามาในไทย ว่า นักการทูตคนดังกล่าวเป็นนัการทูตของ European Union (EU) ประจำประเทศไทย จึงถือว่าอยูในความรับผิดชอบของ EU

ดังนั้น EU จึงต้องปฎิบัติตามกฎระเบียบของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัด

“ประเทศเอสโตเนียและสถานกงสุลใหญ่เอสโตเนียไม่ทราบการเข้าออกประเทศไทยของบุคคลนี้ และจะเข้าไปก้าวก่ายการปฎิบัติราชการของ EU ไม่ได้ คาดว่าวันนี้(17 ก.ค.) ทาง EU หรือกระทรวงต่างประเทศหรือโฆษกของศบค.คงจะแถลงข้อเท็จจริงของความสับสนนี้ให้ทราบต่อไป” นายวีระชัย กล่าว.