ศาลพิพากษาประหารชีวิตสถานเดียวคดี3อดีตทหาร-ตร.อุ้มฆ่าโบกปูนสาวทอมปี 60

ที่ศาลอาญาตลิ่งชัน ถ.ทุ่งมังกร วันที่ 7 พ.ค.63 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ศาลอ่านคำพิพากษาคดีคนร้ายอุ้มฆ่า น.ส.สุภัคสรณ์ พลไธสง สาวทอมบอย วัย 28 ปี นำศพฝังดินโบกปูนในรีสอร์ท จ.กาญจนบุรี อีกสำนวน คดีหมายเลขดำ 3354/2561 ที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ และนางสมพิศ ตรัยจันแดง มารดา กับนายบุญชู พลไธสง บิดาของผู้เสียชีวิต ร่วมเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ร.ท.ชัยยุทธ หรือจบ เบ็ญจชาติ อายุ 44 ปี อดีตทหารสังกัด พล.ร.9 , ด.ต.สามารถ หรือจ่ามาศ แสงสิน อายุ 51 ปี อดีตตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี , จ.ส.อ.ภาณุเมศวร์ หรือจิ๋ว มีลา อายุ 35 ปี อดีตทหารสังกัดกองพันทหารช่างแห่งหนึ่ง เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นได้ไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำไว้ และลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ

จากกรณีที่จำเลยทั้งสาม ร่วมกับกลุ่มของพ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ อายุ 61 ปี อดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ที่อัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี 5 ยื่นฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำ อ.1375/2560 ร่วมกันกระทำผิด ร่วมกันใช้กำลังเอาตัว น.ส.สุภัคสรณ์ สาวทอมบอย ขึ้นรถกระบะมากักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ที่ จ.กาญจนบุรี และบังคับให้น.ส.สุภัคสรณ์ เลิกมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวและทางการเงินกับ น.ส.กรรณิกา หรือดาว นักร้องสาวคนสนิทของ พ.ต.อ.อำนวย อดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งหลังก่อเหตุพวกจำเลยนั้น ได้ทำให้ น.ส.สุภัคสรณ์ ขาดอากาศหายใจ จนถึงแก่ความตาย แล้วนำศพในสภาพเปลือยกายไปใส่หลุมที่ขุดเตรียมไว้ในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ใน จ.กาญจนบุรี แล้วกลบดินชั้นหนึ่งก่อนวางตะแกรงเหล็กทับและเทปูนซีเมนต์ฝังกลบอีกชั้นหนึ่งเพื่อปิดบังการตายกระทั่งวันที่ 11 ม.ค.60 เจ้าหน้าที่จึงตรวจพบศพ

โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์-จำเลย นำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่าจำเลยที่ 1-3 มีความผิดตามฟ้อง ให้ประหารชีวิตเพียงสถานเดียว และให้จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นโจทก์ด้วย เป็นเงิน 1,674,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้นดังกล่าว นับแต่วันกระทำละเมิดเมื่อวัที่ 11 ม.ค.60 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

สำหรับคำขอของอัยการโจทก์ ที่ให้นับโทษของ ด.ต.สามารถ หรือจ่ามาศ จำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญา หมายเลขแดง6136/2556 , คดีอาญาหมายเลขแดง 2724/2556 , คดีอาญาหมายเลขแดง ย.1772/2562 ของศาลจังหวัดกาญจนบุรีนั้น เมื่อคดีนี้ศาลอาญาตลิ่งชัน พิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 2 แล้วจึงไม่อาจนับโทษจำเลยที่ 2 ต่อได้อีก จึงให้ยกคำร้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว จำเลย ไม่มีญาติยื่นคำร้องและหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัวจำเลยทั้งสาม ไปคุมขังยังเรือนจำบางขวางต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับกลุ่มพ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ อายุ 61 ปี อดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ที่อัยการยื่นฟ้อง 5 คนในสำนวนแรกนั้น คดีอยู่ระหว่างการอุทธรณ์

โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 ก.ค.62 ให้จำคุกนายนิวัฒน์ หรือโจ๊ก สวยทอง อายุ 35 ปี ภูมิลำเนากาญจนบุรี จำเลยที่ 1 , นายภูมิทัศน์ หรือ อุ๋ม พิบูรณ์สวัสดิ์ อายุ 27 ปี ภูมิลำเนาราชบุรี จำเลยที่ 2 คนละ 3 กระทงโดยเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยที่ 1-2 ไว้ตลอดชีวิตสถานเดียว

ส่วน พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ อายุ 61 ปี อดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ภูมิลำเนากาญจนบุรี จำเลยที่ 4 ให้จำคุก 15 ปี

นายสนองหรือกำนันหนอง สมสิทธิ์ อายุ 57 ปี กำนัน ต.ลาดบัวขาว อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ภูมิลำเนาราชบุรี จำเลยที่ 5 ให้จำคุก 2 กระทงรวม 10 ปี

โดยให้จำเลยที่ 1,2,4,5 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติของผู้เสียชีวิต โจทก์ร่วมที่ 1 ด้วยเป็นเงิน 2,790,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นนั้น นับตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.2560 ซึ่งเป็นวันกระทำละเมิดเป็นต้นไป ทั้งนี้ระหว่างสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดไม่ได้ยื่นประกัน จึงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำคลองเปรม และเรือนจำบางขวาง

สำหรับ น.ส.กรรณิกา หรือดาว กรุมรัมย์ อายุ 42 ปี ภูมิลำเนากรุงเทพฯ นักร้องสาวคนสนิทของ พ.ต.อ.อำนวย จำเลยที่ 3 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องอเนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ยังไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 3 ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยดังกล่าว