posttoday

“พาณิชย์”โต้โซเชียลปมส่งออกหน้ากากให้เฉพาะชนิดพิเศษ ล่าสุดจับเพิ่มอีก 12 รายขายหน้ากากแพง

13 มีนาคม 2563

“ปลัดพาณิชย์” ชี้แจงกรณีราชกิจจานุเบกษา ประกาศหลักเกณฑ์ ส่งออกหน้ากากอนามัย แค่เปิดช่องเฉพาะหน้ากากชนิดพิเศษ ส่วนหน้ากากอนามัยที่คนใช้กัน ยังห้ามส่งออกทุกชิ้นเหมือนเดิม ภาพรวมสถิติจับกุมขายหน้ากากแพง 135 ราย

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีมีการแชร์กันในสื่อโซเชียลมีเดีย โดยอ้างถึงประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่ากระทรวงพาณิชย์อนุญาตให้ส่งออกหน้ากากอนามัยแล้ว ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้ออกประกาศห้ามส่งออกหน้ากากอนามัยออกนอกประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 แต่ผ่อนผันให้ผู้ผลิตหน้ากากอนามัยแบบพิเศษ หรือชนิดที่ไม่ได้ใช้ในประเทศไทยเช่น หน้ากากที่ใช้ทางการแพทย์เฉพาะทาง หน้ากากที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือหน้ากากที่สวมคลุมทั้งหัว รวมถึงหน้ากากที่ติดปัญหาเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาที่ไทยเป็นผู้รับจ้างผลิต เป็นต้น ให้สามารถส่งออกได้ โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ กกร.จะออกประกาศกำหนด 

ทั้งนี้ต่อมา กกร. จึงได้ออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตดังกล่าว ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติในการออกประกาศเพื่อรองรับการห้ามส่งออกตามประกาศฉบับแรก โดยระบุว่า การพิจารณาอนุญาตจะคำนึงถึงลักษณะจำเพาะของสินค้าความจำเป็นเร่งด่วนในการใช้ภายในประเทศ และการจัดหาหน้ากากอนามัยเพื่อการจัดสรรให้ใช้ในประเทศ ซึ่งจะเห็นว่าเป็นหลักเกณฑ์ในการไม่อนุญาตมากกว่าที่จะอนุญาต เนื่องจากต้องพิจารณาว่า ในประเทศไทยมีใช้เพียงพอหรือไม่ แต่ประชาชนทั่วไปอาจจะดูแค่หัวเรื่องของประกาศซึ่งใช้คำว่า "หลักเกณฑ์ในการขออนุญาต" จึงอาจเข้าใจผิดว่าจะอนุญาตให้ส่งออกได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน

“ที่ผ่านมา มีการอนุญาตให้ส่งออกหน้ากากชนิดพิเศษออกไปไม่มาก แต่หน้ากากชนิดที่คนไทยใช้ป้องกันโรค หรือแบบสีเขียว นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไม่มีนโยบายที่จะอนุญาตให้ส่งออกเลย เพราะคนไทยยังไม่พอใช้"

นายบุณยฤทธิ์ กล่าวถึง  ผลการจับกุมดำเนินคดีผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ของ วันที่ 12 มีนาคม 2563 จำนวน 12 ราย  รวมจนถึงปัจจุบันดำเนินคดีไปแล้ว   135 ราย  โดย 12 รายล่าสุดสที่จับได้ พบที่ กรุงเทพฯ จำนวน 6 ราย โดยเป็นการล่อซื้อและจับกุมแผงลอยสำเพ็ง 4 ราย พบขายหน้ากากอนามัยกล่อง 50 ชิ้น ในราคากล่องละ 750 บาท เฉลี่ยชิ้นละ 15 บาท จึงแจ้งข้อหาขายเกินราคาควบคุมและข้อหาขายแพงเกินสมควรทั้งสี่ราย นอกจากนี้ยังพบที่ร้านค้าเขตดินแดง 1 ราย และผู้ค้าในเขตนนทบุรี  1 ราย โดยเป็นการขายเกินราคาควบคุมและข้อหาขายแพงเกินสมควร

นอกจากนี้พบที่ ต่างจังหวัด จำนวน 6 ราย ได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด 1 ราย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 1 ราย จังหวัดสุพรรณบุรี  1 ราย จังหวัดพัทลุง 1 ราย ทั้งสี่รายขายหน้ากากอนามัยในราคาชิ้นละ 17-20 บาท จึงได้แจ้งข้อหาขายหน้ากากอนามัยเกินสมควร และจังหวัดปทุมธานีอีก 2 ราย พบขายหน้ากากอนามัยราคาแพงเกินสมควรและไม่ปิดป้ายแสดงราคาขายเจลล้างมือด้วย

สำหรับสถิติการจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิดถึงวันที่ 12 มีนาคม 2563 มีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 135 ราย แบ่งเป็นการจับกุมในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 88 ราย และในต่างจังหวัด 47 ราย นอกจากได้จับกุมคนขายหน้ากากอนามัยแพงอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศแล้ว ที่ผ่านมากระทรวงยังได้ตรวจสอบจับกุมผู้กระทำความผิดขายเจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบซึ่งเป็นสินค้าควบคุม ในข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาและข้อหาขายแพงเกินสมควรอันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ด้วย