posttoday

"ศศิน"ชี้ไฟไหม้ภูกระดึงเป็นโอกาสฟื้นระบบนิเวศที่เจอผลกระทบจากการปลูก"ป่าสน"

17 กุมภาพันธ์ 2563

ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียรชี้ไฟไหม้ป่า "ภูกระดึง" เป็นโอกาสฟื้นฟูระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำแอ่งลานทราย หลังได้รับผลกระทบจากโครงการ "ปลูกป่าสน"

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 63 นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณีไฟไหม้ป่าภูกระดึง โดยมีเนื้อหาน่าสนใจดังนี้

ให้ไฟไหม้ภูกระดึง เป็นโอกาสในการฟื้นฟูระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำแอ่งลานทราย

ไม่ใช่ว่าไฟป่าบนภูกระดึงจะเป็นเรื่องไม่น่ากลัว แต่เมื่อเกิดแล้วควบคุมได้แล้ว มาตรการระมัดระวังคงต้องเตรียมพร้อมกับช่วงแล้งจริงๆในเดือนมีนาคม

และน่าจะ "ฉวยโอกาส" นี้ฟื้นฟูระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำแอ่งลานทราย หรือ bog ซึ่งได้รับผลกระทบจากโครงการปลูกป่าสน จนระบบนิเวศที่สำคัญและทำให้ภูกระดึง "เคยสวยกว่านี้" กลับมา

เอกลักษณ์ของภูกระดึงคือป่าต้นสนสลับทุ่งหญ้าป่าละเมาะ ขึ้นหลังแปมาเห็นทุ่งโล่งสวยสลับด้วยกลุ่มต้นสนสูงสง่า ไม่ใช่ป่าสนเป็นพืด หรือพุ่มไม้ทึบบังวิว

สักสามสิบปีที่ผ่านมา มีโครงการปลูกป่าสนสองใบ และ สนสามใบบนภูกระดึงใน bog ดังกล่าว ทั่วไป ใครที่ปีนขึ้นภูกระดึงในปัจจุบัน เมื่อสายตาพ้นหลังแปขึ้นมา จะไม่ได้ตื่นเต้นกับที่ราบ ที่ความจริงเป็น bog สุดลูกหูลูกตาอีก

แต่จะพบป่าสนแน่นขนัดแทน เพราะโครงการปลูกป่าที่อาจจะละเลยความรู้พื้นฐานทางนิเวศวิทยา ใช้แต่การจัดการป่าไม้ และเทคโนโลยีปลูกป่า

"ศศิน"ชี้ไฟไหม้ภูกระดึงเป็นโอกาสฟื้นระบบนิเวศที่เจอผลกระทบจากการปลูก"ป่าสน"

ต้นสนจึงโตงดงามแต่ดูดน้ำใน bog ไปด้วย ยิ่งโต ก็ยิ่งสูบน้ำใน bog และสนสามใบ สนสองใบ ทำให้ในดินมีไนโตรเจนเพิ่มมากขึ้น ทำให้พืชหลายชนิดที่ไม่เคยขึ้นได้ก็มาขึ้น

หน้าแล้ง bog แห้งบ้าง มีหญ้าขึ้น มีดงสนอยู่ห่างๆกัน ในทุ่งหญ้าซึ่งที่จริงเหมือนคือ bog มี หม้อข้าวหม้อแกงลิง และ หยาดน้ำค้าง สาหร่ายข้าวเหนียว ที่เป็นพืชกินแมลงมากมาย

ปัจจุบันแห้งเกือบตลอดปี มีแต่สนปลูกทั่วไป ผลจากความรักธรรมชาติแต่อาจจะขาดความสนใจระบบนิเวศ

ให้ไฟป่าครั้งนี้เป็นโอกาสฟื้นฟูระบบนิเวศกลับมาครับ

ที่มา : https://www.facebook.com/Sasin.Seub