posttoday

ตร.เร่งล่าอีก2คนแก๊งอุ้มรีดเงินนักธุรกิจจีนเชื่อยังกบดานไทย

12 สิงหาคม 2560

ผู้การ 191 สั่งเร่งล่าผู้ต้องหาอีก 2 คน แก๊งอุ้มรีดเงินนักธุรกิจจีน เชื่อยังกบดานในไทย ยัน ไม่กังวล นายทหารและตำรวจที่ร่วมแก๊งได้ประกันตัว ขณะมีผู้เสียหายชาวจีน ให้ข้อมูลเพิ่มเติม 2 ราย

ผู้การ 191 สั่งเร่งล่าผู้ต้องหาอีก 2 คน แก๊งอุ้มรีดเงินนักธุรกิจจีน เชื่อยังกบดานในไทย ยัน ไม่กังวล นายทหารและตำรวจที่ร่วมแก๊งได้ประกันตัว ขณะมีผู้เสียหายชาวจีน ให้ข้อมูลเพิ่มเติม 2 ราย

เมื่อวันที่ 12 ส.ค. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษหรือ 191 กล่าวถึงความคืบหน้าการจับกุมพล.ต.จรูญ อำภา นายทหารสังกัดกองทัพไทย, พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ ยุทธา อดีตสารวัตรกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบการกระทำความผิดทางเศรษฐกิจหรือ ปอศ.  กับพวกรวม 10 คน  ตามหมายจับศาลอาญา  ข้อหาร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำโดยประการใดๆให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือผู้อื่น, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ หรือบุคคลที่ 3 และร่วมกันบุกรุกเคหสถานตั้งแต่สองคนขึ้นไป หลังตั้งแก๊งอุ้มเรียกค่าไถ่นักธุรกิจชาวจีน 20 ล้านบาท แต่ต่อรองผู้เสียหายยอมจ่าย 2 ล้านบาท แลกปล่อยตัวก่อนเข้าร้องเรียนกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ช่วยจับกุมยกแก๊ง ว่า ยังเหลือผู้ต้องหาเป็นพลเรือนอีก 2 คน คือนายอุทิศ ก่อแก้ว และนายฐิติกร ชื่นอุรา  ที่ยังหลบหนี  ทั้งนี้ จากการสืบสวนยืนยันได้ว่าคนร้ายทั้งสองยังไม่หลบหนีออกนอกประเทศ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่ใด ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ไปสืบหาร่องรอยแล้ว

ทั้งนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ยืนยันไม่หนักใจ แม้ผู้ต้องหาที่เป็นนายพลทหาร,ทหารเรือและตำรวจจะได้รับการปล่อยชั่วคราวไปก่อนหน้านี้ พยานหลักฐานเอกสารทางคดีเก็บรวบรวมไว้หมดแล้ว และการจากสืบสวนพบว่าแก๊งดังกล่าว ก่อเหตุมาไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง มีการเรียกเงินผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

ด้าน พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผู้กำกับการ สน.โคกคราม เปิดเผยว่า คดีนี้มีผู้เสียหายมาขอดูข้อมูลกลุ่มผู้ต้องหาแล้ว 2 ราย รายหนึ่งเป็นนักธุรกิจชาวจีน ที่สามีถูกจับกุมในข้อหาปลอมบัตรประชาชนที่ สน.ลาดพร้าว เมื่อกลางเดือน เมษายน 2557 ที่ถูกหลอกเสียเงินไปกว่า 4 ล้านบาท โดยมีการนัดจ่ายเงินที่โรงแรม ทาว อิน ทาวน์ พื้นที่ สน.วังทองหลาง ส่วนอีกรายผู้เสียหายเป็นชาวจีนที่ต้องการมีบัตรประชาชนไทย ถูกหลอกให้จ่ายเงินไป 750,000บาท เหตุเกิดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2559 พื้นที่ สน.ห้วยขวาง ซึ่งทั้งสองคดีได้ประสานให้พนักงานสอบสวนของทั้ง 2 สน. รับผู้เสียหายไปร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า ยังมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อขบวนการนี้ในพื้นที่ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เป็นชาวจีน 2 ราย ที่เปิดร้านนวดในพัทยา และถูกเรียกค่าคุ้มครองไปกว่า 10 ล้านบาท และยังมีข้อมูลว่ามีความเกี่ยวพันกับการปล่อยเงินกู้นอกระบบย่านดอนเมืองด้วย สำหรับพฤติกรรมของขบวนการนี้จะมีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจน เหยื่อส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยว หรือนักธุรกิจด้านการท่องเที่ยวชาวจีน ที่มาลงทุนในประเทศไทย มักใช้อุบายหลอกเข้าตรวจสอบบริษัทว่ามีการจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ และทำทีตรวจสอบบัตรประชาชน โดยมีนายโก๊ะ เต็ก ชวน ผู้ต้องหาชาวสิงคโปร์ ทำหน้าที่หาเหยื่อ