DSIส่งข้อมูลรถจดประกอบ 7.1 พันคันให้ศุลกากรตรวจสอบ
อธิบดีดีเอสไอส่งข้อมูลรถจดประกอบ7,123 คันให้ศุลกากรตรวจสอบ "เลขเครื่องตัวถัง-คัสซี" กับบริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศคาด 3เดือนรู้ผล
อธิบดีดีเอสไอส่งข้อมูลรถจดประกอบ7,123 คันให้ศุลกากรตรวจสอบ "เลขเครื่องตัวถัง-คัสซี" กับบริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศคาด 3เดือนรู้ผล
เมื่อวันที่ 24 มี.ค. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบรถจดประกอบ จำนวน 7,123 คันว่า ล่าสุด วันนี้ กรมการขนส่งทางบก ได้ยืนยันตัวเลขจำนวนรถจดประกอบตั้งแต่ปี 2553-2556 ซึ่งมีกฎหมายรถจดประกอบ ที่จำนวน 7,123 คัน โดยดีเอสไอ ได้ส่งข้อมูลหมายเลขเครื่อง และตัวถังรถ ไปให้กรมศุลกากร ตรวจสอบกับบริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศ เช่น ประเทศเยอรมัน และอังกฤษ ผ่านตัวแทนจำหน่ายในไทย ว่าตัวเลขเครื่องและตัวถัง คลัชซี ตรงกันหรือไม่ ถ้าตรงกันก็เป็นรถนำเข้าทั้งคัน ไม่ใช่รถจดประกอบ โดยขั้นตอนการตรวจสอบกรมศุลกากรจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ซึ่งตรวจทั้งหมดไม่มียกเว้นคันใด
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังกล่าวถึงการตรวจสอบรถเบนซ์ ที่มีชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชว่า อยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวนของคณะพนักงานสอบสวนซึ่งต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนได้ภายในเดือนเม.ย.นี้
สำหรับกรณีที่นายวิชาญ รัษฐปานะ เจ้าของอู่วิชาญ ซึ่งเป็นผู้ประกอบรถเบนซ์ของสมเด็จช่วง ขอรับการคุ้มครองพยานนั้น พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า หลังการพิจารณาเงื่อนไขทั้งหมดแล้ว ดีเอสไอจึงรับนายวิชาญเข้าสู่โครงการคุ้มครองพยานแล้ว โดยหลักเกณฑ์การคุ้มครองพยานดีเอสไอจะพิจารณาจากคำให้การที่เป็นประโยชน์ และเรื่องความปลอดภัย ซึ่งกรณีดังกล่าวนายวิชาญถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดี และเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัยเนื่องจากออกมาเปิดเผยข้อมูล ขณะนี้จึงส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูและความปลอดภัยให้นายวิชาญแล้ว