posttoday

ไต Y

31 พฤษภาคม 2558

แม่เดินร้องไห้กลับเข้าบ้าน พร่ำเพ้อแต่ว่า แม่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว แม่เป็นแบบนี้เพราะเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล

โดย...เอกลักษณ์ หลุ่มชมแข [email protected]

แม่เดินร้องไห้กลับเข้าบ้าน พร่ำเพ้อแต่ว่า แม่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว แม่เป็นแบบนี้เพราะเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล หมอบอกแม่ว่าไตของแม่ใช้การเกือบไม่ได้แล้ว ผลตรวจเลือดมีค่าของเสียตกค้างจำนวนมากในเลือด

ซึ่งจริงๆ แล้ว ถ้าพวกเราได้สังเกตอาการภายนอกของแม่ จะเห็นว่าผิวแม่คล้ำขึ้น เท้ามีอาการบวม มันเป็นสัญญาณเบื้องต้นบ่งบอกว่าแม่อาการไม่ค่อยดีแล้ว

หมอบอกว่าแม่จะมีชีวิตได้อีกไม่กี่ปี ผมและพี่สาวโกรธหมอคนนี้มาก แม่เคยเล่าถึงหมอคนนี้หลายครั้งว่าชอบพูดกับแม่ไม่ดี ไม่ค่อยแนะนำอะไร ในขณะตอนที่ผมใจเย็นลง ลองคิดอีกมุมหนึ่งว่า มันอาจเป็นวิธีการของหมอหรือเปล่า ที่พูดแกมขู่ให้คนไข้ระมัดระวังตัวเองและจริงจังกับการรักษา

ตอนแม่ยอมไปหาหมอ เพราะว่าแม่เริ่มทำงานไม่ไหว เวลายืนนานๆ แม่จะขาปวดบวมขามาก อันเป็นผลจากของเสียในร่างกายที่ไม่สามารถขับออกทางไตได้ แม่ไปหาหมอต่อเนื่องมาเป็นปี กระทั่งสุดท้ายแม่ร้องไห้กลับบ้าน แล้วบอกพวกเราว่า แม่เป็นไตวายระยะสุดท้าย

 คุณเคยหนีความตายหรือเปล่า? ตอนนั้นผมจำได้ว่าสูตรลับ สูตรเด็ด จากสำนักไหน เป็นอันต้องได้ทดลอง เพื่อให้แม่หายจากโรคไตวาย

เคยได้ยินเรื่องสูตรรักษาไตวายจากไส้หมูต้มกับเม็ดลิ้นจี่ที่แชร์ในอินเทอร์เน็ตมั้ยครับ?

มันเป็นสูตรแรกๆ เลยที่พวกเราทดลองทำให้แม่กิน แม่ผมเกือบตายเพราะไอ้สูตรนี้ มันเป็นของเสียจากน้ำที่เข้าไปสะสมในร่างกายเพิ่มขึ้นไปอีก ไม่นับรวมน้ำผลไม้ น้ำมังคุดเทวดาที่รักษาได้ทุกโรคตามคำโฆษณาชวนเชื่อในเคเบิลทีวี

หลายคนคงตั้งคำถามว่า จริงๆ ผมน่าจะมีสติในการพิจารณาข้อมูลการรักษาด้วยสูตรต่างๆ ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ แต่ผมอยากจะบอกว่า ในสถานการณ์หนีความตาย ทุกอย่างมันคือความหวัง และต้องรีบทำ ไม่รู้ว่าอะไรดีไม่ดี ขอให้ได้ทำก่อน จนเหมือนคนไข้กลายเป็นหนูทดลองยา

นอกจากสูตรลับ สูตรเด็ดที่ไม่ได้ผลจนทำแม่เกือบตายแล้ว - แพทย์ทางเลือกก็เป็นอีกหนึ่งที่ผมก็พาแม่ไปทุกทาง ตั้งแต่หมอสมุนไพร ยาหม้อ ยาต้ม กระทั่งนวดกดจุดรักษาบำรุงไตก็ไปมาแล้ว เรียกว่าหนีความตายทุกวิถีทาง แต่สุดท้ายต้องหามแม่กลับเข้าโรงพยาบาล เพราะของเสียในร่างกายมากเกินไป

วันหนึ่งก่อนแม่จะทรุดหนัก ผมนั่งรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปลง จ.สุรินทร์ เพื่อไปหาพี่จืดและพี่หน่อย แห่งกลุ่มเด็กรักป่า จังหวัดสุรินทร์ พี่จืดเป็นสามีของพี่หน่อย ผมไปหาพี่ทั้งสองคนนี้ เพื่อขอความรู้ในการดูแลแม่

พี่หน่อยป่วยเป็นโรคไตวายมาหลายปี เธอคือคนเดียวกันกับที่น้าหมู-พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ศิลปินเพื่อชีวิตชื่อดัง แต่งเพลง “ครูป่า” และช่วยจัดคอนเสิร์ตระดมทุนในการผ่าตัดเปลี่ยนไตให้

วันนั้นพี่จืดและพี่หน่อยต้อนรับผมด้วยอาหารเช้า กับข้าวส่วนใหญ่มีรสชาติจืด เหมือนไม่ได้ใส่น้ำปลา ตอนนั้นผมยังไม่เข้าใจ กระทั่งระยะหลังได้ยินการรณรงค์ “กินจืด ยืดชีวิต” อันน่าจะหมายถึงการไม่กินอาหารรสจัดและรสเค็มที่มีโซเดียมสูง จะช่วยถนอมไตของเราไม่ให้ต้องทำงานหนักในการขับของเสียมากเกินไป

พี่จืดเล่าว่า ตอนที่พี่หน่อยป่วยเป็นโรคไตวายแรกๆ เขาทั้งสองคนก็หนีความตายเช่นกัน ทุกสูตร ทุกตำรา ทดลองมาหมดแล้ว แต่ไม่ได้ผล ดูเหมือนว่าตอนนั้นพี่หน่อยจะมีอาการหนักกว่าแม่ผมซะอีก เพราะฟังจากที่พี่จืดเล่า พี่หน่อยมีของเสียในร่างกายสูงมากที่ไตขับออกมาไม่ได้ จนของเสียขึ้นสมองถึงกับเพ้อและตาขวาง เป็นอาการเดียวกับที่คนในต่างจังหวัดเรียกว่า “ผีเข้า”

ผมเริ่มสงสัยว่า จริงๆ แล้ว อาการผีเข้า ตาขวาง พูดคนเดียวของคนในต่างจังหวัด อาจเป็นอาการของไตวายที่มีค่าของเสียสูง และไม่ได้รับการวินิจฉัยรักษา กระทั่งอาการรุนแรงจนควบคุมตัวเองไม่ได้ นั่นเพราะเขาป่วยต้องพบแพทย์โดยด่วน แต่ปรากฏว่าส่วนใหญ่มักจะได้รับการวินิจฉัยจากหมอผีซะมากกว่า

พี่หน่อยบอกผมว่า การฟอกไตคือการนำเลือดออกมาฟอกของเสียด้วยเครื่อง แล้วนำกลับเข้าไปในร่างกายอีกครั้ง เป็นวิธีการรักษาอาการไตวายที่ดีที่สุด ซึ่งจะต้องทำตลอดชีวิตจนกว่าจะได้รับการเปลี่ยนไตใหม่ แต่แน่นอนว่าการฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียมมีต้นทุนที่สูงมาก ครั้งละ 1,000-3,000 บาท แล้วแต่สถานพยาบาล

ผมนั่งรถไฟกลับกรุงเทพฯ คำตอบเดียวของผมในการประคับประคองแม่ให้ยังอยู่กับผม คือการฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียมนั่นเอง...

ในขณะที่พวกเรากำลังวิ่งหนีความตาย แม่เองก็กลัวการฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม เพราะต้องมีการผ่าตัดทำเส้นสำหรับแทงเข็มฟอกไต แม่ปฏิเสธการไปพบหมอและการเข้าสู่กระบวนการรักษา ระหว่างนั้นผมพยายามหาข้อมูลต่างๆ ไว้จำนวนมาก มีการติดต่อประสานโรงพยาบาลที่จะผ่าตัดเส้นเลือด และสถานที่ฟอกไตไว้รอแม่แล้ว

กระทั่งเช้าวันหนึ่ง ผมพาแม่ออกจากบ้าน บอกแม่ว่าจะพาไปตรวจเลือด เพื่อดูค่าการทำงานของไตว่ายังพอไหวมั้ย พอถึงโรงพยาบาล แม่ถูกพาเข้าห้องผ่าตัดทำเส้นเลือดสำหรับฟอกไต มันเป็นการผ่าตัดเล็กที่ทำเสร็จแล้วกลับบ้านได้ทันที พวกเรารออยู่ห้องผ่าตัด จนกระทั่งแม่ออกมา มีผ้าก๊อซพันปิดแผลผ่าตัดไว้ แม่หน้าบึ้งและไม่พูดกับผมเลย ตั้งแต่เจอกันหน้าโรงพยาบาลจนกระทั่งขับรถกลับบ้าน ผมรู้ว่าแม่อาจจะโกรธที่หลอกพามาผ่าตัดโดยไม่บอกล่วงหน้า เพราะรู้ว่าแม่จะปฏิเสธ เลยต้องหลอกมาแบบนี้

หลังจากผ่าตัดทำเส้นสำหรับฟอกไตไปประมาณ 2 เดือน เส้นเลือดก็พร้อมที่จะแทงเข็มฟอกไตได้ วันที่ไปฟอกไตวันแรก ผมและพี่สาวลางานไปนั่งเป็นเพื่อนแม่ บรรยากาศในห้องฟอกไตมีกลิ่นน้ำยา ซึ่งเป็นสารเคมีสำหรับแยกของเสียออกจากเลือด เครื่องฟอกไตนับสิบๆ เครื่องกำลังทำงาน มีสายยางใสๆ มองเห็นเลือดของแต่ละคนถูกดูดออกมาเพื่อผ่านเข้ากรรมวิธีในเครื่องและดูดกลับเข้าไปในร่างกายอีกครั้ง

ผมพบว่าบรรยากาศและเจ้าหน้าที่ในห้องฟอกไตทำให้ผู้ป่วยผ่อนคลายลงไปมาก ทุกคนดูเหมือนถูกผ่านการฝึกอบรม การสร้างกำลังใจ และสร้างความเป็นมิตรแก่ผู้ป่วยให้คลายความกังวล มันดีมากๆ สำหรับ
ผู้ป่วยหน้าใหม่ที่รู้สึกได้ว่าโรคนี้ไม่ได้เลวร้ายเกินไปอย่างที่คิด

ไม่น่าเชื่อว่าผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังมีทุกช่วงอายุ ผมเห็นผู้ป่วยทั้งผู้สูงอายุ และคนหนุ่มสาว สถานที่ที่แม่ผมไปฟอกไตมีคนมาใช้บริการจำนวนมาก บางคนใช้สิทธิประกันสังคม บางคนใช้สิทธิบัตรทอง บางคนใช้สิทธิข้าราชการ และบางคนจ่ายเงินเองในการฟอกไต

แม่เล่าว่า บางคนเก็บเงินทั้งเดือนเพื่อมาฟอกไตเดือนละครั้ง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ควรฟอกไตขั้นต่ำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง เพราะของเสียในร่างกายควรถูกขับออกมา แต่โรคไตเป็นโรคที่ถูกขนานนามว่าเป็นโรคคนรวยที่คนจนมักเป็น เพราะเป็นโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก บางคนรวยก็จริง แต่พอนำเงินมารักษาโรคนี้ นานวันไปก็จนลงในที่สุด

ผู้ป่วยบางคนนำข้าวมากินระหว่างฟอกไต เป็นเรื่องที่ทำให้ผมงงเป็นไก่ตาแตกในตอนแรก เพราะสภาพบรรยากาศและสายเส้นเลือดที่แดงฉาน มันไม่น่าอภิรมย์ในการกินข้าวเลย แม่ผมยังบอกว่ากินลงได้อย่างไร จนกระทั่งตอนนี้แม่ผมคุ้นชินจนกระทั่งกินข้าวระหว่างฟอกไตไปด้วยได้แล้ว

เกือบ 5 ปีเต็มแล้ว ที่แม่ผมฟอกไต มันเป็นโรคที่ไม่หายขาด ต้องฟอกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ตอนนี้แม่แข็งแรงดี ฟอกไตอาทิตย์ละ 3 ครั้ง เวลาใครถามว่าแม่ผมประกอบอาชีพอะไร ผมมักตอบทีเล่นทีจริงว่า “อาชีพฟอกไต”

มันเป็นความโชคดีในความโชคร้าย ที่อย่างน้อยเราก็เดินมาถูกทางในการรักษาอย่างถูกวิธีจนได้ ในยุคเจน Y ที่เราเกิดมาพร้อมข้อมูลข่าวสารในโลกอินเทอร์เน็ต บางข้อมูลที่แชร์ต่อๆ กันด้วยความหวังดี แต่ไม่มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบ ก็เกือบทำร้ายให้แม่ผมเกือบเอาชีวิตไม่รอด นี่คือประสบการณ์สำคัญของครอบครัวผม ในการหนีความตายจากไต Y ในยุคเจน Y