ตำรวจยันยังอายัดตัวป้าหมิ่นสถาบัน

รอง ผบช.น.ยัน ป้าก่อเหตุหมิ่นสถาบันยังถูกอายัดตัวอยู่ ที่ สถาบันกัลยาณ์ ยันมีการดำเนินคดี แต่ยังสรุปสำนวนไม่ได้ต้องรอความเห็นจากแพทย์

เมื่อเวลา 12.00 น.  ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. ดูแลงานกฎหมายและสอบสวน  เปิดเผยในคดีที่ นางฐิตินันท์ แก้วจันทรานนท์ อายุ 63 ปี แสดงพฤติกรรมหมิ่นประมาทและอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ที่บริเวณหน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ติดกับสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ถนนแจ้งวัฒนะ ขณะมีการพิพากษาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่า คดีดังกล่าว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผบช.น. รับผิดชอบในการทำสำนวน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนเบื้องต้นส่งไปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาเข้าคณะกรรมการสอบสวนคดีหมิ่นฯของสตช.แล้ว เมื่อวันที่ 1ส.ค. ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวอีกว่า ส่วนนางฐิตินันท์ขณะนี้ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่สถาบันกัลยาณ์ ราชนครินทร์ เพื่อตรวจสอบและรอความเห็นของแพทย์ จากนั้นก็จะนำผลมาประกอบในการดำเนินคดีด้วยส่วนหนึ่ง แพทย์ระบุว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 40 วัน ซึ่งบช.น.ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนของสน.ทุ่งสองห้อง เดินทางไปติดตามผลแพทย์เป็นระยะเบื้องต้นได้รับรายงานว่าแพทย์ยังไม่ได้มีการลงความเห็นใดๆ 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีกระแสข่าวว่านางฐิตินันท์เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว รองผบช.น. กล่าวว่า ขณะนี้นางฐิตินันท์ยังอยู่สถาบันกัลยาณ์ ราชนครินทร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ศาลาแดง ก็ได้จัดกำลังไปคอยเฝ้าอยู่ นอกจากนี้บช.น.ยังได้ประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อที่จะอายัดตัว ไม่ให้นางฐิตินันท์เดินทางออกนอกประเทศ

เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อหลากสีจะเดินทางมาที่บช.น. เพื่อถามความคืบหน้าคดีดังกล่าว รองผบช.น.กล่าวว่า ได้ทราบจากฝ่ายสืบสวนว่า กลุ่มคนเสื้อหลากสีเดินทางมาที่บช.น. เพื่อถามความคืบหน้าของนางฐิตินันท์ จึงอยากแจ้งผ่านสื่อมวลชนว่า ยังมีการดำเนินคดีกับนางฐิตินันท์อยู่ แต่ยังไม่สามารถสรุปสำนวนได้ เนื่องจากต้องรอผลจากแพทย์

พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 16ส.ค. เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จะเรียกประชุมเพื่อรายงานความคืบหน้าในคดีที่เกี่ยวข้องกับสำนวนการเสียชีวิต 98 ศพ ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนของบช.น. ได้รับการแต่งตั้งจากสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ไปร่วมทำการสอบสวนในฐานะที่เป็นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ประกอบไปด้วยตนซึ่งจะเป็นหัวหน้าฝ่ายตำรวจ และพนักงานสอบสวนที่ร่วมกันทำสำนวนการชันสูตรพลิกศพในสำนวน 23 ศพเดิม