posttoday

สรุปนโยบายเด่น “ศุภจี” ดันเกษตรทำเงิน ปั้น SME โตด้วยแฟรนไชส์

26 ธันวาคม 2568

สรุปนโยบายเด่น “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ผลักดัน SME ดันสินค้าเกษตรไทย ไม่ติดค้าง ไม่ล้นตลาด สร้างรายได้ผ่านแฟรนไชส์

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ทีมเศรษฐกิจการพาณิชย์ พรรคภูมิใจไทย กล่าวในการเปิดนโยบายเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทย โดยเสนอแนวทาง “ชูเกษตรมั่นคง” โดยระบุว่าแนวทางการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ เช่น ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องบินรบ เรือดำน้ำ เรือฟรีเกต อาวุธต่างๆ แม้กระทั่งเครื่องบินพาณิชย์ ต้องต่อรองโดยให้ซื้อข้าว หรือสินค้าการเกษตร จากประเทศไทย

 

หลักการคือ ต้องหาประโยชน์ร่วม ไม่ใช่หาประโยชน์ฝ่ายเดียวโดยการเจรจาต่อรองให้เขาซื้อข้าว หรือสินค้าการเกษตร ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว จะเป็นช่องทางระบายสินค้าการเกษตร ไม่มีสินค้าการเกษตรตกค้าง 

 

นอกจากนี้ นางศุภจี ยังเสนอแนวทางการแก้ปัญหาสินค้าเกษตร อีกหลายมาตรการ ประกอบด้วย การเชื่อมการค้าโลก ชูเกษตรมั่นคง ,ติดปีก SME, มุ่งอุตสาหกรรมอนาคต , ขายสินค้าภาคเกษตร มีมูลค่าสูง สนับสนุนการผลิต ให้ตรงความต้องการของตลาด เน้นพืชมูลค่าสูง ด้วยการรักษาแบรนด์ ปลูกสินค้าเกษตรท้ายไร่ที่มีมูลค่าสูงขึ้น จัดโซนการเพาะปลูก ผลิตได้ ขายออก ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน 77 จังหวัด และแนวทางเปลี่ยนคู่ค้า เป็นพันธมิตร หรือหุ้นส่วนทางการค้า นำไทยไปฝังในห่วงโซ่ อุปสงค์- อุปทานของประเทศที่เราจะเข้าไปอยู่กับเขา

 

ประเทศไทยจะเป็นพันธมิตรทุกคนในโลก เช่น กรณีอินเดีย ขายสินค้าเคมีภัณฑ์ ให้เขาแปรรูปแล้วเอาไปขายต่อประเทศอื่นๆ เราจะเข้าไปร่วมผลิตกับเขา และการมุ่งอุตสาหกรรมอนาคต New S-Curve

 

 

นอกจากนี้ นางศุภจี ยังเปิดภาพใหญ่เศรษฐกิจไทย ชี้โครงสร้างยังเปราะบาง โดย GDP ภาคเกษตรมีสัดส่วนเพียง 6% ขณะที่แรงงานกว่า 30% อยู่ในภาคเกษตร ส่วนภาคอุตสาหกรรมมีสัดส่วน 25% และภาคบริการสูงถึง 66% สะท้อนโจทย์ใหญ่ในการเพิ่มผลผลิตต่อหัวของภาคเกษตร

 

ใช้สินค้าเกษตรต่อรองซื้อสินค้าต่างประเทศ 

ในส่วนภาคเกษตร นางศุภจีชูแนวคิดการค้าแบบแลกเปลี่ยน (Counter Trade) นำสินค้าเกษตรไทยไปต่อรองแทนการใช้เงินสด เช่น การจัดซื้อยุทโธปกรณ์หรือเครื่องบิน เพื่อยกระดับราคาสินค้าเกษตรและเพิ่มรายได้เกษตรกร

 

ขณะเดียวกัน การเพาะปลูกต้องปรับจาก “ปลูกตามใจ” เป็น “ปลูกตามตลาด” ใช้จุดแข็งความหลากหลายสายพันธุ์ข้าวและพืชเศรษฐกิจ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในแต่ละประเทศ

 

นอกจากนี้ ยังเร่งแก้ปัญหาเครื่องมือและตลาดในชุมชน ทั้งโรงสี เครื่องแพ็กสุญญากาศ การสร้างเรื่องราวและแพ็กเกจจิ้ง โดยช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ช่วยเหลือแล้วกว่า 200 ชุมชน และเตรียมขยายผลต่อเนื่อง ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการข้าว (กบข.) อนุมัติงบ 2,000 บาทต่อไร่ ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ สำหรับปลูกพืชท้ายไร่ พร้อมจัดหาตลาดรองรับ โดยอนุมัติแล้วกว่า 1 ล้านไร่

 

ติดปีก SME เข้าถึงทุน 

ในมิติ SME นางศุภจีผลักดันนโยบาย “ติดปีก SME” เน้นการสร้างสินค้ามูลค่าสูง ผ่านโมเดลแฟรนไชส์ ซึ่งเป็นธุรกิจแบบ Asset Light ไม่ต้องใช้เงินลงทุนของตัวเอง เมื่อผ่านการรับรองมาตรฐาน ก็สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ทันที โดยมีตัวอย่างความสนใจจากซาอุดีอาระเบีย ที่ต้องการซื้อแฟรนไชส์จากไทย

 

ขณะเดียวกัน ยังให้ความสำคัญกับกลุ่ม High Value โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพด้าน Content Developer แต่ยังขาดการสนับสนุนด้านทักษะ กฎระเบียบ และเงินทุน เพื่อเปลี่ยนไอเดียและทรัพย์สินทางปัญญาให้เป็นรายได้จริง

 

ไม่เพียงเท่านั้น การผลักดันสินค้า GI หรือสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ก็เป็นอีกกลไกสำคัญในการเพิ่มมูลค่าให้สินค้าอุปโภคบริโภค และถือเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้ SME ไทยในระยะยาว

 

ข่าวล่าสุด

เมื่อเทคโนโลยีไม่ใช่ “ทางเลือก” แต่คือ “ทางรอด”… ทรู ดิจิทัล ถอดสูตรดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน