สินค้าจีนทะลัก กดดันไทย พลิกเกมล่าเงินหยวน บุกเมืองรองจีน
สินค้าจีนทะลักอาเซียน กดดันผู้ประกอบการไทยทุกทาง ผู้เชี่ยวชาญ ชี้แก้เกมด้วยการบุกกลับ คว้าเงินหยวน ผ่ากลยุทธ์บุกตลาด 1,400 ล้านคน
KEY
POINTS
- สินค้าจีนทะลักอาเซียน กดดันผู้ประกอบการไทยทุกทาง
- ผู้เชี่ยวชาญ ชี้แก้เกมด้วยการบุกกลับ คว้าเงินหยวน
- ผ่ากลยุทธ์บุกตลาด 1,400 ล้านคน ฉีกตำราเดิม แนะผู้ส่งออกไทยทิ้งเมืองหลัก มุ่งเจาะเมืองรอง–แนวรถไฟจีน–ลาว ขุมทรัพย์ใหม่กำลังซื้อสูง
ขณะที่ผู้ประกอบการไทยกำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้านมากขึ้นอย่างชัดเจน การส่งออกจากไทยไปสหรัฐอเมริกาเริ่มติดขัดจากมาตรการภาษี ขณะที่ตลาดใกล้บ้านอย่างกัมพูชาก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ง่ายอีกต่อไป ทำให้ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องมองหาตลาดใหม่อย่างจริงจัง ซึ่ง “จีน” เป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพสูง
ณัฐ วิมลจันทร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครคุนหมิง เปิดเผยในงานสัมมนา “2026 คว้าโอกาสตลาดจีนในยูนาน” ว่า แม้เศรษฐกิจโลกจะเผชิญความท้าทายจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ แต่จีนยังถือเป็นตลาดที่ “พอไปได้” ด้วยฐานประชากรกว่า 1,400 ล้านคน
หากพิจารณาข้อมูลการส่งออกของจีน จะเห็นว่าการส่งออกไปทั่วโลกยังขยายตัวในเกือบทุกตลาด ยกเว้นสหรัฐอเมริกา นั่นหมายความว่า เมื่อจีนส่งออกไปสหรัฐฯ ได้ยากขึ้น สินค้าจีนย่อมหันมารุกตลาดอื่นมากขึ้น ทั้งในอาเซียน รวมถึงประเทศไทยด้วย
"สถานการณ์นี้สะท้อนความท้าทายของผู้ประกอบการไทยอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ต้องแบกรับภาระภาษี การขายในประเทศที่ต้องแข่งขันกับสินค้าจีนโดยตรง หรือแม้แต่การขยายไปอาเซียนก็ยังต้องเผชิญการแข่งขันจากจีนเช่นกัน เรียกได้ว่าไม่ว่าตลาดใดก็ล้วนเหนื่อยทั้งสิ้น"
นอกจากนี้ ยังพบปัญหาการแทรกซึมของสินค้าจีนผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยมีการอ้างแหล่งกำเนิดว่าเป็นสินค้าไทย เวียดนาม หรือประเทศในอาเซียน ก่อนส่งต่อไปยังสหรัฐฯ ซึ่งยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้ผู้ประกอบการไทยต้องรับมือกับความเสี่ยงหลายด้าน
ไทยจะไปยืนในตลาดนี้ได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ ยังมีโอกาสที่ไทยสามารถเข้าไปยืนได้ หากรู้จักเลือกจุดแข็งและตลาดที่เหมาะสม
ณัฐ กล่าวต่อว่า หากย้อนกลับไปในช่วงแรก ภาพรวมเศรษฐกิจจีนยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยรัฐบาลตั้งเป้าการเติบโตของ GDP ไว้ราว 5% ต่อปี ซึ่งตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 5.3% ถือว่ายังน่าพอใจ ขณะที่มูลค่าการค้าระหว่างประเทศก็ยังขยายตัวราว 5%
อสังหาฯจีนอ่วม
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองสภาพความเป็นจริง ปัญหาเชิงโครงสร้างยังคงกดดันเศรษฐกิจจีนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่คลี่คลาย และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ขณะเดียวกัน การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) ปรับลดลงอย่างชัดเจน จากท่าทีของประเทศตะวันตกที่ให้ความสำคัญลดความเสี่ยงและลดการพึ่งพาจีนโดยตรง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ขณะที่บางประเทศอาจยังคงทำธุรกิจกับจีนได้ แต่เป็นไปในลักษณะจำกัดและระมัดระวังมากขึ้น
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้รายได้ของจีนจากภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงเงินลงทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ประเทศลดลง ขณะเดียวกัน การส่งออกก็เผชิญอุปสรรคจากตลาดสหรัฐฯ จีนจึงต้องเร่งหันไปขยายการส่งออกและการลงทุนไปยังประเทศอื่น ๆ มากขึ้น
กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ จัดงานแฟร์
ในบริบทนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศจึงกลายเป็นความหวังสำคัญของจีน แม้รัฐบาลจะเดินหน้าผลักดันอย่างต่อเนื่อง แต่ผลลัพธ์ยังไม่ปรากฏอย่างชัดเจนนัก อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นโอกาสสำคัญ โดยเฉพาะการเร่งกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ (Boost Domestic Consumption) รวมถึงการท่องเที่ยวภายในประเทศ
ด้วยเหตุนี้ จีนจึงเร่งสนับสนุนการจัดงานแฟร์ งานแสดงสินค้า และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเมืองรองและหัวเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและฟื้นความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจภายในประเทศ
สินค้าไทยมักกระจุกในเมืองใหญ่
ณัฐ กล่าวว่า ประเด็นความท้าทายสำคัญ ของสินค้าไทยในตลาดจีน คือ ผู้นำเข้าสินค้าไทยส่วนใหญ่มักกระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่ฝั่งตะวันออก เช่น เซี่ยงไฮ้ หรือเมืองที่มีความเจริญสูง ขณะที่ในพื้นที่จีนฝั่งตะวันตกและเมืองรอง ยังมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ไม่ได้เป็นผู้นำเข้าโดยตรง แต่เลือกซื้อสินค้าผ่านผู้นำเข้าจากเมืองอื่นแทน
ด้วยเหตุนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครคุนหมิง (สคต.) จึงกำหนดยุทธศาสตร์ “เมืองรอง” เป็นแนวทางสำคัญในการขยายตลาดสินค้าไทย โดยมุ่งสร้างดีมานด์ในพื้นที่ปลายทางควบคู่ไปกับการพัฒนาโลจิสติกส์
ยุทธศาสตร์เมืองรอง สามารถแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มหลัก ได้แก่
1.เมืองรองตามแนวเส้นทางรถไฟจีน–ลาว ซึ่งเป็นเส้นทางโลจิสติกส์สำคัญ โดยสินค้าสามารถกระจายจากคุนหมิงไปยังเมืองต่าง ๆ เช่น สิบสองปันนา หากสามารถสร้างการรับรู้และความต้องการสินค้าไทยในเมืองเหล่านี้ได้ ก็จะช่วยเชื่อมโยงดีมานด์เข้ากับระบบขนส่งที่มีต้นทุนต่ำและมีความแน่นอนสูง
2.เมืองรองด้านการท่องเที่ยว ซึ่งสอดรับกับนโยบาย “จีนเที่ยวจีน” ของรัฐบาลจีน เช่น สิบสองปันนา ที่เป็นทั้งเมืองท่องเที่ยว เมืองหน้าด่าน และเมืองบนแนวรถไฟจีน–ลาว โดยเป็นพื้นที่ที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล ซึ่งราคาที่พักจัดอยู่ในระดับสูงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ
3.มณฑลรองในจีนฝั่งตะวันตก เช่น ซินเจียง และชิงไห่ ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจและศึกษาความต้องการของตลาด เพื่อหาโอกาสใหม่ให้กับสินค้าไทย
ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่าจีนเป็นตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก สินค้าไทยสามารถนำเข้าได้จากหลายด่านและหลายมณฑล แต่ในทางปฏิบัติ การจำหน่ายจะกระจายผ่านช่องทางออนไลน์ไปทั่วประเทศ นั่นหมายความว่า แม้ยูนนานจะมีศักยภาพเด่นด้านผลไม้และสินค้าอาหาร แต่การวางกลยุทธ์จำเป็นต้องพิจารณาพฤติกรรมผู้บริโภคในภาพรวมทั้งประเทศจีน
ปัจจุบัน ช่องทางการทำตลาดมีทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ และ Cross-border E-commerce ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทยในการทดลองตลาด ลดความเสี่ยง และทดสอบความต้องการของผู้บริโภคก่อนขยายธุรกิจอย่างจริงจัง
สำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการส่งออกไปจีน สิ่งสำคัญที่สุดคือ การปฏิบัติตามกฎระเบียบของจีนอย่างเคร่งครัด ปัจจุบันจีนให้ความสำคัญอย่างมากกับมาตรฐาน ความปลอดภัย และระบบตรวจสอบ โดยเฉพาะสินค้าอาหารและสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ แม้กระบวนการจะซับซ้อน ใช้เวลา และสร้างความท้าทาย แต่หากสามารถผ่านด่านเหล่านี้ได้ ก็จะกลายเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือกรณีทุเรียน ซึ่งไทยสามารถแก้ไขปัญหาด้านมาตรฐานและการตรวจสอบได้ก่อนคู่แข่งบางประเทศ ส่งผลให้การส่งออกเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง แม้กระบวนการแก้ไขจะเหน็ดเหนื่อย แต่ผลลัพธ์ในระยะยาวถือว่าคุ้มค่า
นอกจากนี้ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในจีน เป็นอีกประเด็นที่ไม่ควรมองข้าม ถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการปกป้องแบรนด์ และสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจในตลาดจีน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมให้การสนับสนุนและคำแนะนำอย่างใกล้ชิด
ในส่วนของการเตรียมความพร้อม ผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญกับ การเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมการทำธุรกิจกับจีน รวมถึงการสื่อสารและการสร้างความสัมพันธ์กับคู่ค้าจีนอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันต้องติดตามสถานการณ์ด้านโลจิสติกส์และเส้นทางการขนส่งอย่างใกล้ชิด โดยควรประสานงานกับผู้นำเข้าอยู่เสมอ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น หัวใจสำคัญของการทำธุรกิจในจีน คือ การดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ แต่ต้องรอบคอบและรัดกุม ไม่ประมาท และมีการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
อีกประเด็นที่ขาดไม่ได้คือ Digital Marketing แม้ผู้ประกอบการจะทำหน้าที่เป็นผู้ส่งออกเพียงอย่างเดียว แต่หากผู้นำเข้ามีช่องทางออนไลน์ ผู้ส่งออกก็ควรมีความเข้าใจและเตรียมความพร้อมในการร่วมทำการตลาด เช่น การจัดโปรโมชั่น การใช้ KOL การเลือกแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมถึงการพิจารณาค่าใช้จ่ายและรูปแบบความร่วมมือ เพื่อให้สินค้าแข่งขันได้ในตลาดจีน


