เกาหลีจริงจังเรื่องลดขยะ ดันร้านรีฟิล–Zero Waste บูมทั่วประเทศ
เกาหลีใต้ทำยังไง ให้คนยอมลดขยะ จนกลายเป็นชีวิตประจำวัน ดันร้านรีฟิลและร้านแนวคิด Zero Waste ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ เปิดโอกาสให้แบรนด์ไทยสายกรีนเจาะตลาดเกาหลีใต้ได้ในระยะยาว
เกาหลีใต้ถือเป็นหนึ่งในประเทศต้นแบบด้านการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพสูง จนการลดขยะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตประจำวันของประชาชนมาอย่างยาวนาน ประเทศนี้มีระบบคัดแยกขยะที่ชัดเจนและเข้มงวด พร้อมจัดเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการขยะทั่วไปและขยะเศษอาหารตามปริมาณที่ทิ้งจริง เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนลดการสร้างขยะตั้งแต่ต้นทาง
ขณะเดียวกันยังนำระบบ Extended Producer Responsibility (EPR) หรือระบบความรับผิดชอบของผู้ผลิตมาใช้ โดยขยายภาระหน้าที่ไปยังภาคผู้ผลิตให้รับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ตลอดวงจรชีวิต ตั้งแต่การออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลดของเสียในกระบวนการผลิต การจัดการผลิตภัณฑ์หลังการใช้งานและเมื่อหมดอายุ ตลอดจนการให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับวิธีการคัดแยกและรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ เพื่อช่วยลดปริมาณขยะและส่งเสริมการรีไซเคิลอย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้ยังควบคุมการใช้ผลิตภัณฑ์แบบใช้แล้วทิ้งอย่างเข้มงวดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นมาตรการลดการใช้แก้วพลาสติกและแก้วกระดาษในร้านกาแฟ รวมถึงการจำกัดการใช้ถุงพลาสติกในซูเปอร์มาร์เก็ต ควบคู่กับการออกนโยบายด้านการจัดการทรัพยากรเพื่อมุ่งสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่เน้นการนำทรัพยากรกลับมาใช้ซ้ำและรีไซเคิล แทนการฝังกลบ
ภายใต้นโยบายดังกล่าว ภาคธุรกิจที่ผลิตสินค้าที่ก่อให้เกิดขยะจะต้องรับผิดชอบต่อกระบวนการรีไซเคิล และออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เอื้อต่อการนำกลับมาใช้ใหม่มากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณขยะของเกาหลีใต้ในปี 2560 อยู่ที่ราว 1.02 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน ลดลงเหลือเพียงหนึ่งในสามเมื่อเทียบกับปี 2534 ขณะที่อัตราการรีไซเคิลเพิ่มสูงขึ้นถึง 86% สะท้อนความสำเร็จของระบบการจัดการขยะที่ครบวงจรและยั่งยืน
ร้านรีฟิล–Zero Waste เติบโต เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค
เกาหลีใต้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการรีไซเคิลและการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่อย่างจริงจัง โดยมุ่งลดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดขยะตั้งแต่ต้นทาง มีการรณรงค์ให้ประชาชนใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกหรือถุงกระดาษ รวมถึงส่งเสริมการใช้แก้วส่วนตัว ซึ่งผู้บริโภคที่นำแก้วมาใช้บริการจะได้รับส่วนลดในการซื้อเครื่องดื่ม เพื่อจูงใจให้เปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอย่างยั่งยืน
หนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนความสำเร็จของนโยบายดังกล่าว คือการเติบโตของร้านรีฟิลและร้านแนวคิด Zero Waste ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ ร้านค้าเหล่านี้เปิดให้บริการเติมสินค้า โดยผู้บริโภคสามารถนำขวดหรือบรรจุภัณฑ์ของตนเองมาเติมสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ แชมพู น้ำยาซักผ้า ข้าวสาร ธัญพืช เครื่องปรุงรส และน้ำมันต่าง ๆ ช่วยลดการใช้บรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียวได้อย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ ร้านรีฟิลยังจำหน่ายสินค้าที่ไร้บรรจุภัณฑ์ เช่น สบู่ก้อน แชมพูก้อน และวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหาร รวมถึงสินค้าและอุปกรณ์ทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ แปรงสีฟันไม้ไผ่ ภาชนะสแตนเลส ถุงตาข่ายสำหรับใส่ผักและผลไม้ ตลอดจนช้อนส้อมและอุปกรณ์รับประทานอาหารที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้
ที่สำคัญ ร้านค้าเหล่านี้ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของชุมชน โดยมีการจัดเวิร์กช็อปและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน สร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม และช่วยปลูกฝังพฤติกรรมการลดขยะให้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่อง
ตลาดอัลมัง เป็นร้านค้าแนว Zero Waste ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยลูกค้าต้องนำภาชนะมาเองเพื่อเติมสินค้าภายในร้าน เช่น สบู่และผงซักฟอก ก่อนตักสินค้า ชั่งน้ำหนัก และชำระเงินตามปริมาณที่ต้องการ ร้านรูปแบบนี้กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าได้หลากหลาย พร้อมช่วยลดการใช้บรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียว
ขณะที่ Amore Pacific บริษัทเครื่องสำอางชั้นนำของเกาหลีใต้ เปิดร้านรีฟิลเครื่องสำอาง ให้บริการจุดเติมสินค้า โดยจัดเตรียมภาชนะที่ทำจากกะลามะพร้าวและวัสดุรีไซเคิลสำหรับใช้เติมผลิตภัณฑ์ ภายในร้านมีสินค้าให้เลือกเติม เช่น แชมพูและครีมอาบน้ำ รวมกว่า 15 รายการ นอกจากนี้ ผู้บริโภคที่นำภาชนะมาเติมสินค้าเป็นประจำ ยังจะได้รับส่วนลดในการซื้อสินค้า ถือเป็นประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ทั้งคุ้มค่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังมีการนำ ถุงพลาสติกชีวภาพ (PLA) มาใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งเป็นพลาสติกที่ผลิตจากพืชและสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ โดยจะสลายตัวเป็นน้ำและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในประมาณ 180 วัน ด้วยกระบวนการของจุลินทรีย์ในดิน ปัจจุบันถุงพลาสติกชนิดนี้ถูกนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์มากขึ้น ทั้งในร้านสะดวกซื้อและภาคอุตสาหกรรมด้านเภสัชกรรม ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
แฟชั่นรีไซเคิลมาแรง จากวัสดุเหลือใช้สู่สินค้ามูลค่าสูง
ในภาคแฟชั่น เกาหลีใต้ให้ความสำคัญกับการออกแบบและการผลิตสินค้า จากวัสดุรีไซเคิลเชิงนวัตกรรมมากขึ้น โดยหลายแบรนด์หันมานำวัสดุเหลือใช้มาแปรรูปเป็นสินค้าใหม่ที่มีมูลค่าสูง ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องประดับ สะท้อนแนวคิดความยั่งยืนที่ผสานเข้ากับดีไซน์ร่วมสมัยได้อย่างลงตัว
หนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยม คือ RE:CODE แบรนด์ภายใต้กลุ่มบริษัท KOLON ผู้ผลิตเครื่องแต่งกายรายใหญ่ของเกาหลีใต้ ที่มุ่งเน้นการนำวัสดุเหลือใช้กลับมาออกแบบใหม่อย่างจริงจัง โดยใช้สินค้าค้างสต๊อกที่จำหน่ายไม่หมด รวมถึงวัสดุอย่างถุงลมนิรภัย เข็มขัดนิรภัย และเต็นท์ทหาร มาแปรรูปเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องประดับที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ขณะที่ PLEATS MAMA เป็นอีกแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง จากการนำขวดพลาสติกใช้แล้วมารีไซเคิลเป็นเส้นด้าย ก่อนนำไปถักทอเป็นกระเป๋าผ้าที่มีสีสันสดใส แข็งแรง และใช้งานได้หลากหลาย รวมถึงต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน
ส่วน UL:KIN เป็นแบรนด์แฟชั่นดีไซเนอร์ที่ผสมผสานงานศิลปะเข้ากับแนวคิดการรีไซเคิล โดยมักนำภาพวาด ผืนผ้า หรือวัสดุเก่าที่ผ่านการใช้งานแล้ว มาสร้างสรรค์เป็นเสื้อผ้าและกระเป๋าดีไซน์เฉพาะตัว ทำให้แต่ละชิ้นมีเรื่องราวและไม่ซ้ำกัน
โอกาสสินค้าไทย
กระแสสินค้าที่ผลิตจากวัสดุเหลือใช้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเกาหลีใต้ โดยผู้บริโภคเริ่มหันมาเลือกซื้อสินค้าที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่าสินค้าจากประเทศไทยบางแบรนด์ได้เข้าไปวางจำหน่ายในตลาดเกาหลีใต้แล้ว ทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
หนึ่งในตัวอย่าง คือ Qualy แบรนด์ของผู้ประกอบการชาวไทย ที่นำวัสดุเหลือใช้ เช่น ขวดพลาสติกและแผ่นซีดี มารีไซเคิลและออกแบบเป็นสินค้าใหม่ อาทิ ที่รองแก้ว พวงกุญแจ ของตกแต่งผนัง ของเล่นรูบิกสำหรับผู้พิการทางสายตา รวมถึงของใช้ในชีวิตประจำวันอีกหลากหลายชนิด ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้บริโภคในเกาหลีใต้ที่มองหาสินค้าที่มีทั้งฟังก์ชันการใช้งานและคุณค่าด้านสิ่งแวดล้อม
เมื่อมองในมุมของโอกาสผู้ส่งออกไทย ตลาดเกาหลีใต้ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง แต่ก็มีข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด โดยเฉพาะเรื่องการแยกขยะและของเสียออกจากวัสดุที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ เช่น พลาสติก แก้ว โลหะ และกระดาษ เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากร ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และลดต้นทุนในการกำจัดขยะ
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2546 เกาหลีใต้ได้บังคับใช้มาตรการแยกขยะอย่างเป็นทางการ ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการประหยัดและการรีไซเคิลทรัพยากร ส่งผลให้การใช้วัสดุและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างกว้างขวาง สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้บริโภคเกาหลีใต้มีความยินดีที่จะจ่ายในราคาที่สูงขึ้น เพื่อเลือกซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รีไซเคิลได้ และใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่เกิดระหว่างปี 2524–2554 ซึ่งมีแนวโน้มให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดเกาหลีใต้ในระยะยาว
Source : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ , https://www.apgroup.com/int/en/news/2020-10-27.html, https://english.visitseoul.net/shopping/Almang-Market/ENP037815


