ตลาดสัตว์เลี้ยงบูมในจีน คนรุ่นใหม่จ่ายแพงเพื่อลูกรัก ซื้ออาหารคุณภาพดี
เศรษฐกิจสัตว์เลี้ยง (Pet Economy) บูมอย่างมากในจีน พฤติกรรมการเลี้ยงดูแบบ "Pet Humanization" ทำให้เจ้าของยอมจ่ายเงินสูงขึ้นเพื่อซื้อสินค้าพรีเมียม
KEY
POINTS
- คนรุ่นใหม่ในจีนมีแนวโน้มแต่งงานและมีลูกน้อยลง ส่งผลให้หันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัว (Fur Baby) เพื่อคลายเหงา
- เจ้าของยอมจ่ายเงินสูงขึ้นเพื่อซื้อสินค้าพรีเมียม เช่น อาหารคุณภาพเทียบเท่ามนุษย์ (Human-Grade) และอาหารเพื่อสุขภาพเฉพาะทาง
- สินค้าที่ได้รับความนิยมสูงคืออาหารแปรรูปนวัตกรรมใหม่ เช่น อาหารฟรีซดรายและอาหารอบแห้ง รวมถึงสินค้าที่เน้นส่วนผสมคุณภาพสูงและเป็นออร์แกนิก
ก่อนหน้านี้โพสต์ทูเดย์เคยนำเสนอ เรื่องราวเกี่ยวกับเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคจีน โดยอ้างอิงจากคำพูดของ ปณิชา ประทีปะวณิช Mango China Group ที่ได้กล่าวบนเวที ScaleFast Summit & Expo 2025 ถึงเทรนด์ผู้บริโภคจีน เพื่อผู้ประกอบการที่อยากไปตีตลาดจีน
{กระแส Gen Z จีน เลือก "นอนราบ" เมินวัฒนธรรม 996 เน้นความสุขชีวิต}
โดย ปณิชา ได้กล่าวถึงคนรุ่นใหม่จีนที่มีแนวโน้มไม่รีบแต่งงาน และไม่ซื้อบ้าน นอกจากนี้การลดลงของจำนวนการจดทะเบียนสมรสยังทำให้จำนวนการเกิดลดลงด้วย (จากประมาณ 7.68 ล้านกว่าคู่ในปี 2023 เหลือ 6 ล้านคู่ในปี 2024 หรือลดลง 20%) และการไม่แต่งงานและไม่คิดมีลูก ทำให้เกิดความเหงา ส่งผลให้ เทรนด์รักสัตว์เลี้ยงมาแรงมาก และจีนมีงานแฟร์สัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในโลก Pet Fair Asia 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ Shanghai New International Expo Centre (SNIEC) ในเมืองเซี่ยงไฮ้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ถือเป็นมหกรรมสินค้าและนวัตกรรมสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียและหนึ่งในงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่จัดแสดงรวมกว่า 300,000 ตารางเมตร ใน 17 ฮอลล์ ซึ่งสะท้อนความต้องการสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง ไม่เพียงเท่านั้นยังมีปรากฏการณ์ใหม่ ๆ ในจีนที่น่าสนใจ เช่น
- สินค้าแฟชั่นสัตว์เลี้ยงที่ Starbucks หลายสาขาในจีนเริ่มมีของพรีเมียม เช่น กระเป๋าเป้สำหรับแมวและหมา ซึ่งประเทศไทยยังไม่มี
- สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงต้องคุณภาพสูง เช่น ออร์แกนิค โซเดียมต่ำ เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรักสัตว์
จำนวนสัตว์เลี้ยงพุ่งร้อยล้านตัว
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ รายงานว่า จีนกลายเป็น ตลาดสัตว์เลี้ยงที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2560 จำนวนสัตว์เลี้ยงในประเทศพุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และในปี 2567 ล่าสุด จีนมีสัตว์เลี้ยงรวมกว่า 124 ล้านตัว แบ่งเป็นสุนัขราว 52.6 ล้านตัว และแมวกว่า 71.5 ล้านตัว เพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 2%
ไม่ใช่แค่จำนวนสัตว์เลี้ยงที่เติบโต มูลค่าตลาดก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2567 ตลาดอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงของจีนมีมูลค่ากว่า 300,200 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 7.5% แบ่งเป็นตลาดสินค้าสุนัข 155,700 ล้านหยวน (+4.6%) และสินค้าสำหรับแมว 144,500 ล้านหยวน (+10.7%) ขณะที่ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงก็เติบโตจาก 173,200 ล้านหยวนในปี 2565 คาดว่าในปี 2568 จะสูงถึง 267,000 ล้านหยวน
ยอมจ่ายแพงเพื่อลูกรัก
การเติบโตนี้ขับเคลื่อนด้วยแนวคิด “Pet Humanization” หรือการมองสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Fur Baby) ทำให้เจ้าของโดยเฉพาะ Gen Z และ Millennials พร้อมจ่ายมากขึ้นเพื่ออาหารคุณภาพเทียบเท่ามนุษย์ (Human-Grade)
เทรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงที่มาแรงในจีน ได้แก่
- อาหารเฉพาะทางเพื่อสุขภาพ (Functional Food) เจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่เพียงให้สัตว์กินอิ่ม แต่เลือกอาหารที่ช่วยดูแลสุขภาพ เช่น บำรุงฟัน ผิวหนัง กระดูกและข้อต่อ
- อาหารแปรรูป (Novel Processing Staple Food) เช่น อาหารฟรีซดราย ที่ได้รับความนิยมสูงในแมว ครองสัดส่วนตลาดเกือบ 50% เพราะใกล้เคียงอาหารสดตามธรรมชาติ สะดวกเก็บรักษาและโปรตีนสูง อาหารอบแห้ง ที่รักษาสารอาหารได้ดีและรสชาติอร่อย
นอกจากนี้ เจ้าของสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียมยังใส่ใจ ฉลากและส่วนผสม เลือกสินค้าที่ปราศจากสารปรุงแต่ง สะดวกต่อระบบย่อยอาหาร และเน้นคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น อาหารออร์แกนิก ไฮเอนด์ หรือแบรนด์ที่มีชื่อเสียง ทั้งแบรนด์จีนและต่างประเทศ โดยเฉพาะอาหารนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ที่ชาวจีนให้ความเชื่อมั่นสูง คิดเป็น 69% ของการซื้ออาหารนำเข้า
ในด้านการใช้จ่าย เฉลี่ยเจ้าของสุนัขจีนใช้ 2,961 หยวนต่อปีต่อสัตว์เลี้ยง เพิ่มขึ้น 3% ส่วนเจ้าของแมวเฉลี่ยใช้ 2,020 หยวนต่อปีต่อสัตว์เลี้ยง เพิ่มขึ้น 4.9%
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูสถานการณ์การค้าสินค้าอาหารสุนัขและแมวในปี 2567 ไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารสุนัขและแมว อันดับที่ 2 ของโลก ด้วยมูลค่า 2,677.03 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 29 เทียบกับปีก่อนหน้า และมีสัดส่วนร้อยละ 10 ของมูลค่าส่งออกอาหารสุนัขและแมวของทั้งโลก ตามหลังเยอรมนี ที่ครองอันดับที่ 1 มาหลายปีโดยเยอรมนีส่งออกเป็นมูลค่า 3,282.69 ล้านเหรียญสหรัฐ (สัดส่วนร้อยละ 12.3 ของมูลค่าส่งออกรวมของโลก) สะท้อนว่าตลาดจีนยังน้อย
ขณะที่ภาพรวมชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงจีนกำลังเติบโตทั้งด้านจำนวนสัตว์และมูลค่าตลาดพร้อมเปิดโอกาสให้แบรนด์และสตาร์ทอัพขยายธุรกิจอาหารและสินค้าพรีเมียมสำหรับสัตว์เลี้ยงได้อย่างต่อเนื่อง


