posttoday

ส.อ.ท. หารือ ธปท. หาทางออก เงินบาทแข็ง – เพิ่มสภาพคล่อง SME

21 ตุลาคม 2568

ส.อ.ท. เสนอ ธปท. หาทางออกปัญหาเงินบาทแข็ง ฉุดการส่งออก พร้อมพิจารณา “ซอฟต์โลน” ดอกเบี้ยต่ำ ช่วยเหลือ SME ตั้ง “กองทุนเอสเอ็มอีนวัตกรรมการเงิน” เปิดโอกาสเอกชนร่วมลงทุน

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นำโดย นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. หารือความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นำโดย นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการ ธปท. เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงินและความมั่นคงของประเทศ โดยนายเกรียงไกร กล่าวว่า ประเทศไทยเผชิญความท้าทายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการรับมือผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ การส่งเสริมการเปิดตลาดใหม่ การกระตุ้นและพลิกฟื้นเศรษฐกิจ การแก้ไขปัญหาหนี้และสภาพคล่องของภาคธุรกิจ การลดต้นทุนพลังงาน มาตรการเยียวยาผลกระทบจากการปิดด่านชายแดน รวมทั้งความกังวลต่อการแข็งค่าของเงินบาท 

นายเกรียงไกร เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า ปัญหาสำคัญคือค่าเงินบาทที่แข็งค่ากว่า 7% เมื่อเทียบกับภูมิภาค ขณะที่เงินเวียดนามอ่อนค่ากว่า 3% ทำให้ช่องว่างการแข่งขันห่างกันเกือบ 10% สินค้าส่งออกไทยซึ่งมีกำไรไม่มากจึงเสียเปรียบประเทศคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด โดยรายได้จากการส่งออกคิดเป็นกว่า 60% ของ GDP

ส.อ.ท. เสนอแนวทางให้ ธปท. และสถาบันการเงินพิจารณา “ซอฟต์โลน” ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยเหลือ SME โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีวินัยทางการเงินดี เช่น ไม่เคยค้างชำระค่าน้ำค่าไฟ หรือมีเครดิตชุมชนที่ดี ควรได้รับแต้มต่อในการกู้ยืม

พร้อมกันนี้เสนอให้จัดตั้ง “กองทุนเอสเอ็มอีนวัตกรรมการเงิน” โดยเปิดโอกาสให้เอกชนร่วมลงทุน เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อปกติสามารถเข้ามาขอทุนสนับสนุนได้ เพราะด้วยภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ผู้ขายต้องขายแบบเครดิตแต่ผู้ซื้อต้องจ่ายเงินสด ทำให้ผู้ประกอบการขาดสภาพคล่อง การออกแบบระบบสินเชื่อแบบใหม่จึงเป็นเรื่องจำเป็น

นายเกรียงไกร กล่าวว่า ผู้ว่าการ ธปท. ได้รับข้อเสนอของภาคเอกชน โดยจะนำข้อมูลไปพิจารณาหาแนวทางร่วมมือแก้ปัญหาค่าเงินบาท ซึ่งได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ทั้งจากราคาทองคำที่ปรับขึ้น และการทำธุรกรรมคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับการฟอกเงินระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ส.อ.ท. เคยเสนอให้หน่วยงานรัฐเข้มงวดการตรวจสอบการส่งออกทองคำ หลังพบว่าปี 2566 มีการส่งออกไปกัมพูชากว่า 12,000 ล้านบาท และปี 2567 พุ่งหลักแสนล้านบาท ดังนั้น ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งจัดระเบียบเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งขณะนี้มีการดำเนินการเทรนด์ทองคำเป็นสกุลเงินดอลลาร์แล้ว ซึ่งตรงนี้จะช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาทได้

นอกจากนี้ ส.อ.ท. ยังเสนอให้ภาครัฐเพิ่มสัดส่วนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่เป็นสินค้า "เมดอินไทยแลนด์" จาก 30% เป็น 50% เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมในประเทศ และสร้างรายได้ให้ SME โดยไม่ต้องพึ่งพางบประมาณเพิ่มเติม พร้อมสนับสนุนโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า มีร้านค้าร่วมโครงการกว่า 300,000 ร้านทั่วประเทศ

ข่าวล่าสุด

ต่อยอดข้าวพื้นเมือง 10 สายพันธุ์ 7 จังหวัด 8 ชุมชน สู่เวทีโลก