โกลเบล็ก-ทรีนีตี้ เปิดกลยุทธ์ปี 69 รุก TFEX ขยายโอกาสเติบโต
“โกลเบล็ก” เล็งปัดฝุ่นขับเคลื่อน TFEX ขยายโอกาสการเติบโตปี 69 โชว์พอร์ต AUM Wealth ปี 68 ทะยานแตะ 1 หมื่นล้านบาท “ทรีนีตี้” มองปี 69 บุกหนัก TFEX พร้อมนำ AI เสริมประสิทธิภาพการให้บริการ
KEY
POINTS
- บล. โกลเบล็ก วางกลยุทธ์ปี 2569 เน้นกระจายความเสี่ยง เพิ่มผลิตภัณฑ์การลงทุนให้หลากหลาย เช่น หุ้นต่างประเทศ DR และรุกตลาด TFEX เพื่อเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุน
- บล. ทรีนีตี้ มุ่งขยายฐานธุรกิจในตลาด TFEX อย่างต่อเนื่อง หลังส่วนแบ่งการตลาดเติบโตขึ้น พร้อมเสริมรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจและการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
- บล. โกลเบล็ก และ บล. ทรีนีตี้ ตั้งเป้าขยายโอกาสเติบโตผ่านการรุกตลาด TFEX และพัฒนาบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนสูงขึ้น ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นไทยที่ซบเซา
“ธนพิศาล คูหาเปรมกิจ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ในปี 2569 บริษัทจะต้องมีการกระจายความเสี่ยงในด้านการลงทุน (Diversify) โดยเตรียมวางกลยุทธ์ภายใต้การมุ่งเน้นการมี Product on Shelf เพื่อให้ครอบคลุมทั้งหุ้นกู้ ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ และ DR ให้ลูกค้าได้เลือก ไม่ว่าจะเป็นตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX), Single Stock Futures ซึ่งเป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงราคาหุ้น รวมถึงผลิตภัณฑ์การลงทุนต่างประเทศ (Offshore Product) และจะรุกสร้างโอกาสลงทุนใน Private Fund ที่จะเพิ่มการลงทุนในกองทุน Fund of Fund และ DR ได้ เพื่อให้เกิด Liquidity สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ดึงดูดนักลงทุน
ควบคู่กับการลดขั้นตอนการดำเนินงานให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อเพิ่มคุณค่าและกำไรให้แก่ลูกค้า (Lean Cost) โดยมองว่าในอนาคตงานด้านบริการจะดำเนินการผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ด้านการลงทุนของกลุ่มนักลงทุนที่เรียลไทม์มากขึ้น
สำหรับธุรกิจที่ให้บริการบริหารจัดการสินทรัพย์ของลูกค้าผู้มั่งคั่ง (Wealth Management) ของบริษัทเติบโตได้ดี โดยปัจจุบันมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้บริหาร (AUM) เติบโตแตะระดับ 10,000 ล้านบาท ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จากพอร์ตช่วงต้นปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท เป็นผลมาจากการขยายฐานกลุ่มลูกค้า High Net Worth (HNW) ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความมั่งคั่งสูงและมีการขยายฐานเพิ่มมากขึ้น
โดยการเติบโตดังกล่าวเป็นการเพิ่มขึ้นแบบออร์แกนิก (Organic Growth) ประกอบกับในส่วนของ Wealth ตลาดต่างประเทศที่ลูกค้าลงทุนอยู่มีการฟื้นตัว ซึ่งปัจจุบันนักลงทุนมองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูงและดี โดยส่วนใหญ่มาจากการลงทุนในกองทุนต่าง ๆ ที่เป็นกองของต่างประเทศ เช่น จีน และอเมริกา มีการฟื้นตัวขึ้น ทำให้ลูกค้าสามารถถอนทุนออกมาเพื่อลงทุนในตลาดอื่น ๆ ได้
“ในช่วง 1-2 ปีจากนี้ Wealth ยังมีโอกาสที่จะเติบโตต่อเนื่อง และบริษัทคาดหวังว่าในอนาคตการลงทุนทั้ง Wealth, หุ้นกู้ และหลักทรัพย์ที่เป็นหุ้น จะสามารถเชื่อมต่อกันได้ อยู่ในวงโคจรเดียวกัน ซึ่งหากเป็นตามที่คาดหวังก็จะส่งผลให้นักลงทุนสามารถโยกการลงทุนได้ตามจังหวะการลงทุนในช่วงเวลานั้น ๆ”
ด้านภาพรวมตลาดหุ้นไทย “ธนพิศาล” ชี้ว่า ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันยังไม่มีแรงหนุนจากปัจจัยเชิงบวกภายในประเทศ และ ยังคงได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ส่งผลให้เม็ดเงินไหลเวียนในตลาดหุ้นไทยเบาบาง ดังนั้นโดยส่วนตัวมองว่าหากจะทำให้ตลาดหุ้นฟื้นตัว ภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคตลาดทุน จะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศได้เห็นถึงโอกาสในการสร้างผลตอบที่ดีจากการลงทุนในประเทศ
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าปัจจุบันนักลงทุนรุ่นใหม่ (Gen Z) เริ่มกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตการลงทุน โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี และลงทุนในหุ้นต่างประเทศ DR (Depositary Receipt) เป็นตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อให้นักลงทุนไทยสามารถซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ สร้างโอกาสรับผลตอบแทนได้สูงกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ทำให้เห็นได้ชัดว่าตลาดหุ้นไทยหมดเสน่ห์ จนทำให้เม็ดเงินไหลออกนอกประเทศ
ดังนั้น ต้องเร่งสร้างเครื่องมือให้นักลงทุนไทยสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศได้ โดยทุกฝ่ายต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุน เศรษฐกิจต้องเข้มแข็ง นโยบายการลงทุน ต้องชัดเจน GDP ต้องเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงต้องสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้กับนักลงทุน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้นอกจากดึงเม็ดเงินใหม่เข้ามาแล้ว ยังเป็นการดึงนักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้กลับมามีสีสันและคึกคักอีกครั้ง
“วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล” ประธานกรรมการ บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ TNITY ระบุว่า แผนการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2568 บริษัทยังคงมุ่งขยายฐานธุรกิจในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX ) อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาตัวเลขซื้อขายในตลาด TFEX ของบริษัททั้งมูลค่าการซื้อขาย และส่วนแบ่งทางการตลาดขยับตัวเพิ่มขึ้น หนุนให้ไตรมาส 3/2568 มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2.25% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 1.40%
ในส่วนของธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และด้านวาณิชธนกิจ ยังคงให้ความสำคัญกับการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (IPO) ที่ยังมีต่อเนื่อง การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการออกหุ้นกู้ที่มีกว่า 30 ดีล และการเป็นที่ปรึกษาด้าน M&A ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเสริมรายได้ในปี 2569
สำหรับภาพรวมการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2568 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันกับปีก่อน บริษัทมีตัวเลขขาดทุนลดลงเหลือ 6.23 ล้านบาทจาก 9.02 ล้านบาท และบริษัทคาดหวังว่าจะไม่มีผลขาดทุนหลังจากจบงวดไตรมาส 4/2568 เนื่องจากบริษัทยังมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง รายได้จากธุรกรรม TFEX ที่เติบโตมากขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทมีการลดพอร์ตการปล่อยมาร์จิ้นโลนลง ประกอบกับคาดว่าการตั้งสำรองความเสียหายจากกรณีหุ้น MORE น่าจะได้เงินจากที่ตั้งสำรองไว้คืนมาทั้งหมด เนื่องจากเบื้องต้นศาลชั้นต้นตัดสินให้ชนะคดีแล้วรอเพียงคำตัดสินของศาลอุทธรณ์เท่านั้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้น่าจะสนับสนุนให้ผลดำเนินงานของบริษัทกลับมามีกำไรได้ในอนาคต
ในปี 2569 เป็นปีที่บริษัทคาดว่าจะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนในปี 2568 ได้แก่ การลงทุนด้านบุคลากร และพนักงาน บริษัทมองว่าพนักงานคือทุนที่สำคัญของบริษัท และบริษัทยังไม่มีแผนที่จะปลดพนักงานแต่อย่างใด ในทางกลับกันบริษัทจะพัฒนา และอบรมให้พนักงานมีทักษะด้านการใช้ AI ควบคู่ไปกับการทำงาน รวมถึงพัฒนาการให้บริการ และระบบการซื้อขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมุ่งเน้นให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล


