posttoday

ทายาทรุ่น 3 “คาราทิส” ปั้นแบรนด์ “High Jewelry” เจาะต่างแดน

07 ตุลาคม 2568

เมื่อเพชรพลอยคือเครื่องประดับแห่งซอฟต์พาวเวอร์ไทย เจาะความสำเร็จ “คาราทิส” ผู้ประกอบการไทย ผู้สร้างแบรนด์ผ่านกลยุทธ์ “High Jewelry” กับเป้าหมายเจาะตลาดสหรัฐและตะวันออกกลาง

หากใครเคยคิดว่าอัญมณีและเครื่องประดับเป็นเพียง "ของสวยงาม" สำหรับตกแต่งร่างกาย วันนี้คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะอุตสาหกรรมที่ดูลักชูรี่และมีความเฉพาะกลุ่มนี้ กำลังกลายเป็นหนึ่งในอาวุธลับที่ทรงพลังที่สุดในการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ของไทย

ลองจินตนาการเมื่อดารา Hollywood สวมสร้อยคอที่ออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์ความเป็นไทย พวกเขาจะไม่เพียงแต่สวมใส่เครื่องประดับ แต่กำลัง "สวมใส่วัฒนธรรมไทย" ไปด้วย และนั่นคือพลังแห่งซอฟต์พาวเวอร์ที่แท้จริง

ผู้ประกอบการแบรนด์อัญมณีไทยที่เคยทำตลาด Niche หลายราย เริ่มขยายสู่ Mass Production ด้วยการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสามารถแปลงเอกลักษณ์ไทยให้เป็นจุดขายที่ดึงดูดลูกค้าต่างชาติ แบบไม่ทิ้งรากเหง้าทางวัฒนธรรม แต่ปรับให้เข้ากับรสนิยมสมัยใหม่ ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งความหรูหราและความมีชีวิต 

หนึ่งในตัวอย่างผู้ประกอบการคือ ธเนศ วิจิตเกษมเลิศ เจ้าของแบรนด์ Karatise Jewelry (คาราทิสส์ จิวเวลรี่) และ ไกรศรี ศรีเมือง ผู้จัดการฝ่ายการตลาด Karatise Jewelry บอกเล่าว่า จากจุดเริ่มต้นธุรกิจดั้งเดิมของครอบครัวคือ แบรนด์ Karat บริษัท เพชรการัต (นายเอี๋ยว) จำกัด ซึ่งเจาะกลุ่มตลาด High Jewelry ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 98 ปี 

ทายาทรุ่น 3 “คาราทิส”  ปั้นแบรนด์ “High Jewelry” เจาะต่างแดน ธเนศ วิจิตเกษมเลิศ ทายาทรุ่น 3 เจ้าของแบรนด์ Karatise Jewelry 

จึงมีการต่อยอดแบรนด์สู่รุ่นที่ 3 ในชื่อแบรนด์ Karatise ที่มุ่งนำเสนอแบรนด์ในประเด็นที่แตกต่าง เน้นเครื่องประดับคุณภาพสูงสำหรับกลุ่มคนทำงานและคู่แต่งงานในราคาที่เข้าถึงง่าย โดย Karatise ยืนหยัดในตลาดมาแล้วกว่า 15 ปี เพื่อให้คนไทยได้ใช้และเข้าถึงจิวเวลรี่คุณภาพดี ในราคาที่จับต้องได้ ไม่จำกัดอยู่แค่ตลาดสินค้าหรูเท่านั้น

ในช่วงเริ่มต้นแบรนด์จะเน้นการโปรโมทผ่านนิตยสาร ก่อนปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล โดยใช้ Facebook, Instagram และ TikTok เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง ขณะที่การขายหลักยังคงยึดช่องทางออนไซต์ (On-site) เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสคุณภาพสินค้าที่แท้จริงโดยตรง 

ทายาทรุ่น 3 “คาราทิส”  ปั้นแบรนด์ “High Jewelry” เจาะต่างแดน

จุดเด่นของแบรนด์อยู่ที่ การดีไซน์แบบคลาสสิกผสานแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมไทย เช่น ลายผ้าไทย ดอกบัว และแหวนที่หยิบยกลวดลายแรงบันบาลใจจากดวงอาทิตย์ ซึ่งจะถูกปรับโฉมใหม่ให้นุ่มนวล ร่วมสมัยและสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน ซึ่ง Karatise ยึดหลักการ QC เข้มงวดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การผลิตจนถึงส่งถึงมือผู้บริโภค ทำให้สินค้ายังคงคุณภาพสูง แม้จะขยายตลาดสู่กลุ่ม Mass โดยสินค้าที่ขายดีที่สุด ได้แก่ แหวนแต่งงานและแหวนใส่เล่น

ธเนศ กล่าวถึงการแข่งขันในตลาดโลกว่า จิวเวลรี่คือ Soft Power ที่สะท้อนถึงพหุวัฒนธรรมของไทย การหลอมรวบศิลปะ งานช่างฝีมือ และความปราณีตที่โดนเด่นกว่าชาติอื่นๆ จึงอยากให้โลกได้เห็นคุณค่าตรงนี้ โดยเฉพาะฝีมือช่างไทยและความเป็นเอกลักษณ์จะทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่ต้องพัฒนาคือ ต้นทุนเทคโนโลยีและสวัสดิการแรงงานฝีมือ เพื่อยกระดับมาตรฐานให้ยั่งยืนขึ้น

Karatise วางเป้าหมายเจาะตลาด สหรัฐอเมริกาและตะวันออกกลาง โดยชูดีไซน์ร่วมสมัยที่ผสานเอกลักษณ์ไทยอย่างกลมกลืนสำหรับตลาดสหรัฐฯ ขณะที่ในตะวันออกกลาง จะเป็นตลาดที่เน้น คุณภาพและวัตถุดิบ เป็นหลัก ซึ่งแบรนด์ก็มีจุดแข็งที่สามารถเข้าแข่งขันในตลาดนี้ได้เช่นกัน

ทายาทรุ่น 3 “คาราทิส”  ปั้นแบรนด์ “High Jewelry” เจาะต่างแดน

การสนับสนุนจากภาครัฐผ่านโครงการ “Hero Brand Jewelry” ของดีพร้อม (DIPROM) ทำให้ Karatise ได้รับคำปรึกษาแนะนำเชิงลึกในการพัฒนาทักษะเชิงธุรกิจ การสื่อสารแบรนด์ และส่งเสริมการตลาดบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งมีส่วนช่วยขยายฐานลูกค้า B2B ได้มากขึ้น จากเดิมที่จะมีเพียงลูกค้าในกลุ่ม B2C เท่านั้น

สิ่งเหล่านี้จึงมีส่วนช่วยผลักดันให้แบรนด์เติบโตขึ้น และในอนาคต Karatise เตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ เพื่อเจาะตลาดเครื่องประดับจากแล็ปโกรน และจะเดินหน้า รีแบรนด์ Karatise ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ทั้งสินค้า ร้านค้า และบุคลากร เพื่อรองรับการเติบโตสู่ระดับโลกอย่างมั่นคง

ข่าวล่าสุด

LIVE ถ่ายทอดสด ลิเวอร์พูล พบ ไบรท์ตัน พรีเมียร์ลีก วันนี้ 13 ธ.ค.68