ทำไมอนาคตเศรษฐกิจดิจิทัลไทย ต้องเดินคู่กับ Green Data Center
ทำไมอนาคตเศรษฐกิจดิจิทัลไทย ต้องเดินคู่กับ Green Data Center แม้ไทยจะดึงดูดการลงทุน Data Center ได้มหาศาล แต่ยังขาดนโยบายส่งเสริม Green Data Center โดยตรง
KEY
POINTS
- ทำไมอนาคตเศรษฐกิจดิจิทัลไทย ต้องเดินคู่กับ Green Data Center สำคัญอย่างไรกับภาคธุรกิจ
- แม้ไทยจะดึงดูดการลงทุน Data Center ได้มหาศาล แต่ยังขาดนโยบายส่งเสริม Green Data Center โดยตรง ทำให้เผชิญความท้าทายด้านพลังงานหมุนเวียนที่จำกัด มาตรฐานที่ไม่ชัดเจน และการขาดแคลนบุคลากร
- สนค.แนะเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างการเติบโต ไทยจำเป็นต้องเร่งสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน Green Data Center ผ่านความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
กระแสการลงทุน Data Center (ศูนย์ข้อมูล) เป็นประเด็นร้อนในไทยมาสักพักใหญ่ ๆ เพราะมีผลต่อหลาย ๆ ธุรกิจ อุตสาหกรรม ข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานว่า ที่ผ่านมาธุรกิจ Data Center ในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง รายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่า 12% ต่อปี ในช่วง 5 ปี เพราะแทบทุกธุรกิจหันมาใช้ดิจิทัล ไม่ว่าจะเพื่อทำการตลาด บริหารจัดการ หรือเข้าถึงลูกค้าโดยตรง โดยเฉพาะยุคนี้ที่ AI กำลังมาแรง ปริมาณข้อมูลยิ่งพุ่งสูงแบบก้าวกระโดด
องค์กรจำนวนมาก โดยเฉพาะ ธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SMEs) เลือกใช้บริการ Data Center จากผู้ให้บริการภายนอก แทนที่จะลงทุนสร้างเอง เพราะการสร้างศูนย์ข้อมูลหนึ่งแห่ง ต้องใช้ทั้งเงินลงทุนสูงและบุคลากรที่เชี่ยวชาญ ผลคือ ตลาดบริการ Data Center ไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มสูงถึง 43% ของมูลค่าตลาดรวม ภายในปี 2568
แต่ท่ามกลางการเติบโตนี้ มีคำถามสำคัญที่สังคมเริ่มตั้งขึ้น “แล้ว Data Center ใช้พลังงานเท่าไหร่?”
เพราะศูนย์ข้อมูลหนึ่งแห่งต้องใช้ไฟมหาศาล ทั้งเลี้ยงเซิร์ฟเวอร์และระบบทำความเย็น หากไม่มีการจัดการ ก็กลายเป็นผู้ปล่อยคาร์บอนรายใหญ่ ตรงนี้เองที่แนวคิด Green Data Center เข้ามามีบทบาท
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ชี้ว่า Green Data Center เป็นโอกาสในการลงทุนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและสิ่งแวดล้อม แนะทุกภาคส่วนควรส่งเสริมและสนับสนุนในการพัฒนา Green Data Center เพื่อช่วยให้ภาคธุรกิจไทยสามารถแข่งขันและพร้อมเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีดิจิทัลและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
Green Data Center คืออะไร?
พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) กระทรวงพาณิชย์ อธิบายว่า ศูนย์ข้อมูลที่ออกแบบและดำเนินงานที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด อาทิ การออกแบบอาคารและก่อสร้างโดยใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้ระบบควบคุมอุณหภูมิและแสงสว่างในอาคารอัตโนมัติ การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ การซื้อไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานสะอาด และการใช้เทคโนโลยี AI, Internet of Things, Machine Learning และ Cloud Computing เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและหมุนเวียนพลังงานความร้อนกลับมาใช้ใหม่
นอกจากนี้ Green Data Center ยังช่วยลดต้นทุนเกี่ยวกับพลังงานและทรัพยากร ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม เช่น ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มประสิทธิภาพของการใช้พลังงาน (energy efficiency) รวมถึงเสริมสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรให้มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
ส่องแนวโน้ม Green Data Center ทั่วโลก
จากข้อมูลของบริษัทวิจัยด้านการตลาด Grand View Research ประเมินว่า ในปี 2567 การลงทุนใน Green Data Center ทั่วโลก มีมูลค่าถึง 7.05 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และในช่วงปี 2568 – 2573 มีแนวโน้มเติบโต เฉลี่ยร้อยละ 19 ต่อปี ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งเสริมของภาครัฐในประเทศต่าง ๆ อาทิ
สหรัฐอเมริกา ออกนโยบายและมาตรการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด เช่น โครงการบริหารจัดการพลังงานแห่งชาติเพื่อจัดสรรพลังงานและทรัพยากรน้ำให้เพียงพอต่อการใช้งานของ Data Center และออกแนวทางการปฏิบัติที่ดีสำหรับการออกแบบ Data Center ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
จีน ขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการพิเศษสำหรับการพัฒนา Data Center ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำ และให้การรับรอง Data Center ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสิงคโปร์ จัดทำ Singapore’s Green Data Center Roadmap เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและส่งเสริมการใช้พลังงานคาร์บอนต่ำ รวมทั้งการสนับสนุนด้านการเงินให้กับ Green Data Center
ไทยจะดึงดูดการลงทุนได้อย่างไร?
การลงทุนใน Data Center ในไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนกิจการ Data Center จากหลากหลายสัญชาติ มูลค่าการลงทุน 2.41 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมากจากปี 2566
โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของบริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลกและผู้ให้บริการ Data Center รายใหญ่ อาทิ Amazon Web Service (AWS), Google, Microsoft และ Equinix จากสหรัฐอเมริกา NEXTDC จากออสเตรเลีย และ Huawei Technologies จากจีน และในช่วงมกราคม – มิถุนายน 2568 มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการ Data Center จำนวน 28 โครงการ มูลค่าการลงทุนกว่า 5.21 แสนล้านบาท อาทิ บริษัท Beijing Haoyang Cloud Data Technology จากจีน และบริษัทในเครือ Empyrion Digital จากสิงคโปร์
ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไทยสามารถดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก อาทิ มีทำเลที่ตั้งที่เชื่อมต่อกับประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน และมีโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพสูง
นอกจากนี้ ไทยมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักรให้ใช้พลังงานทดแทน อาทิ มาตรการยกระดับอุตสาหกรรม (Smart and Sustainable Industry) ด้านการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานทดแทน และมาตรการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นโอกาสในการพัฒนา Green Data Center ของไทย
อย่างไรก็ตาม ไทยยังไม่มีนโยบายหรือมาตรการส่งเสริม Green Data Center เป็นการเฉพาะ ส่งผลให้การพัฒนา Green Data Center ของไทยยังมีความท้าทายหลายประการ อาทิ กำลังผลิตพลังงานหมุนเวียนค่อนข้างน้อยและแหล่งผลิตพลังงานหมุนเวียนยังมีข้อจำกัด ทั้งด้านปริมาณและเสถียรภาพ กฎระเบียบและมาตรฐานในการรับรอง Green Data Center ยังไม่ชัดเจน การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมการคืนทุนของ Green Data Center ใช้ระยะเวลายาวนานกว่า Data Center ทั่วไป
เนื่องจากมีต้นทุนสูงจากการลงทุนในเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน และความไม่แน่นอนของนโยบายของสหรัฐอเมริกา อาทิ หากสหรัฐฯ ใช้มาตรการควบคุมการส่งออกชิป AI มายังไทยและมาเลเซียเพื่อป้องกันการส่งต่อไปจีน ก็อาจส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุน Data Center ที่ต้องพึ่งพาชิปประสิทธิภาพสูงในการประมวลผล
“ไทยจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตให้กับ Green Data Center ทั้งการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อวิจัยและพัฒนา และฝึกอบรมบุคลากร การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและการให้ความช่วยเหลือในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การกำหนดมาตรฐาน/การรับรอง Green Data Center และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะพลังงานสะอาด ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการดึงดูดการลงทุนและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทยให้พร้อมเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีดิจิทัลและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”


