“มัทฉะจากจีน” กำลังมีบทบาทในตลาดโลก เพราะญี่ปุ่นผลิตไม่พอ
รู้หรือไม่ว่า มัทฉะมีต้นกำเนิดจากจีน และอาจมีบทบาทในตลาดมากขึ้น เมื่อญี่ปุ่นผลิตไม่พอ แถมราคาพุ่งสูง กุ้ยโจวเป็นฐานการผลิตใหญ่ส่งออก
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานว่า “มัทฉะจากจีน” กำลังจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดมัทฉะโลก หลังจากความต้องการมัทฉะพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในญี่ปุ่นที่กำลังประสบปัญหากำลังการผลิตไม่เพียงพอ
มัทฉะมีต้นกำเนิดจากจีน ก่อนแพร่สู่วัฒนธรรมญี่ปุ่น
หลายคนเข้าใจว่ามัทฉะเป็นเครื่องดื่มต้นกำเนิดจากญี่ปุ่น แต่แท้จริงแล้ว มัทฉะมีจุดเริ่มต้นจากจีน ก่อนที่ญี่ปุ่นจะพัฒนาต่อยอดและสร้างเอกลักษณ์ในพิธีชงชา กระทั่งปัจจุบันมัทฉะกลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมไปทั่วโลก โดยมีกระแสโซเชียลเป็นแรงหนุนสำคัญ ทั้งกรรมวิธีปลูก ใบชา Tencha วิธีบด และพิธีชงชา ซึ่งทำให้มัทฉะกลายเป็นวัฒนธรรมเฉพาะของญี่ปุ่นเลย
ญี่ปุ่นผลิตไม่พอ ความต้องการมัทฉะพุ่งสูง
ตลาดมัทฉะญี่ปุ่นกำลังเผชิญแรงกดดัน เนื่องจาก กระบวนการผลิตมัทฉะคุณภาพสูงใช้เวลาและพิถีพิถัน ไม่สามารถเร่งการผลิตได้ทันต่อความต้องการ ทำให้หลายแบรนด์ญี่ปุ่นต้องจำกัดปริมาณการขาย อีกทั้งปัญหาภูมิอากาศและแรงงานยังส่งผลให้ผลผลิตยิ่งลดลง ปี 2025 ราคาชา Tencha ของญี่ปุ่นพุ่งขึ้นเกือบ 70% เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดปี 2016
จีนเร่งผลิตมัทฉะ คาดทะลุ 5,000 ตันในปี 2025
มณฑลกุ้ยโจว กำลังกลายเป็นแหล่งผลิตมัทฉะสำคัญของจีน ด้วยพื้นที่ปลูกชากว่า 10,000 เฮกตาร์ (ราว 1 ใน 5 ของพื้นที่ผลิตมัทฉะจีนทั้งหมด) ซึ่งมีสภาพอากาศเหมาะสม ทั้งภูเขาสูง หมอกหนา และแสงแดดน้อย
- ปี 2024 จีนมียอดขายมัทฉะมากกว่า 1,200 ตัน มูลค่ากว่า 300 ล้านหยวน
- ครึ่งแรกของปี 2025 เริ่มส่งออกมัทฉะไปญี่ปุ่นแล้ว 4 ตัน และมีกำหนดส่งมอบอีก 6 ตัน
- ตลอดปี 2025 คาดว่าจีนจะผลิตมัทฉะได้ มากกว่า 5,000 ตัน
อย่างไรก็ตามแม้จีนจะมีศักยภาพการผลิตสูง แต่ในสายตาผู้บริโภค คุณภาพมัทฉะจีนยังไม่เทียบเท่าญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม หากพัฒนามาตรฐานต่อเนื่อง จีนอาจก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดโลก
ตลาดมัทฉะในไทยยังร้อนแรง แข่งขันสูงขึ้น
ประเทศไทยก็ไม่พ้นกระแสมัทฉะ ร้านชาและคาเฟ่มัทฉะเกิดใหม่จำนวนมาก ผู้ประกอบการต้องเผชิญความท้าทายหลายด้าน ได้แก่
- ราคามัทฉะที่สูงขึ้น
- ความแตกต่างของคุณภาพระหว่างมัทฉะญี่ปุ่นกับจีน
- ความเสี่ยงจากภาวะขาดแคลนวัตถุดิบ
นอกจากนี้ แบรนด์มัทฉะต่างชาติยังเริ่มเข้ามาเจาะตลาดไทย เช่น The Matcha Tokyo จากญี่ปุ่น และ Super Matcha จากเกาหลี ที่เตรียมเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2025
- The Matcha Tokyo จากญี่ปุ่น ก่อตั้งในปี 2018 โดดเด่นด้วยการใช้ชาออร์แกนิก 100% จากแหล่งปลูกชื่อดังอย่าง Uji และ Kagoshima ชูภาพลักษณ์พรีเมียม เน้นคุณภาพสูง และวางตำแหน่งแบรนด์ในเชิงไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพ ปัจจุบันมีทั้งคาเฟ่และผลิตภัณฑ์มัทฉะพร้อมจำหน่ายในหลายประเทศ
- Super Matcha จากเกาหลีใต้ ก่อตั้งราวปี 2017 โดยบริษัท Hit the Tea เลือกใช้มัทฉะเกรดพิธีชง (Ceremonial Grade) จากเมือง Bosung ชูจุดขาย “ไม่มีน้ำตาล ไม่มีสารเติมแต่ง” พร้อมพัฒนาสูตรที่หลากหลาย เช่น Chai Matcha และ Coco Matcha เพื่อจับตลาดคนรุ่นใหม่ที่ต้องการรสชาติแตกต่าง แบรนด์ยังขยายคาเฟ่ไปหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การเข้ามาของทั้งสองแบรนด์ ถือเป็นการสะท้อนศักยภาพตลาดมัทฉะในไทยที่ยังเติบโตต่อเนื่อง แม้การแข่งขันจะสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อผู้บริโภคไทยเริ่มตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างมัทฉะจากญี่ปุ่น จีน และเกาหลี นับว่าเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของผู้ประกอบการไทยในตลาดนี้ไม่น้อย


