KTC เร่งทรานส์ฟอร์มเทคโนโลยี ปั้นองค์กร Data-Driven รับยุค AI

ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจและระดับหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง KTC หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ยังคงแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการประคองธุรกิจและวางรากฐานการเติบโตระยะยาวอย่างมีแบบแผน โดยผลประกอบการในปี 2565 สะท้อนภาพขององค์กรที่เลือก “เติบโตอย่างระมัดระวัง” ควบคู่ไปกับการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ทั้งด้านเทคโนโลยี บุคลากร และการพัฒนาธุรกิจใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

 

หัวใจสำคัญของกลยุทธ์ปี 2569 คือการเร่ง Digital Transformation องกรค์อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการเปลี่ยน Core System ครั้งใหญ่ จากระบบเดิมที่ใช้งานมากว่า 10 ปี สู่ระบบใหม่แบบ Cloud Native เต็มรูปแบบ

 

ควบคู่กันนั้น KTC เดินหน้าพัฒนา Data & AI Platform โดยสร้าง Customer Data Platform (CDP) เพื่อรวมศูนย์ข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทาง และนำ AI มาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึก เพื่อเสนอผลิตภัณฑ์และสิทธิประโยชน์ที่ “ใช่ ในเวลาที่เหมาะสม” ตั้งแต่ระดับ Personalization ไปจนถึง Hyper-personalization แบบ Real-time นอกจากนี้ AI ยังถูกนำมาใช้เพิ่ม Productivity ภายในองค์กร ตั้งแต่กระบวนการอนุมัติสินเชื่อ การเปิดบัญชีลูกค้าใหม่ การตรวจจับการทุจริต ไปจนถึงการทำการตลาด

 

เคทีซีเปิดเกมรุกธุรกิจปี 2569 ภายใต้บริบทเศรษฐกิจไทยที่ยังชะลอตัว แต่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาส ด้วยกลยุทธ์ “Shift Forward – Survive and Speed Up with Digital & AI” ที่สะท้อนจุดยืนการทรานส์ฟอร์มองค์กรเชิงรุก ผ่านการเร่งเครื่องดิจิทัล เทคโนโลยี และปัญญาประดิษฐ์ เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขัน รักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อ และวางรากฐานการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยตั้งเป้าขยายฐานสมาชิกใหม่รวม 360,000 ราย ควบคุมอัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้อยู่ในระดับต่ำไม่เกิน 2% พร้อมเดินหน้าความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับธนาคารกรุงไทยและพันธมิตรทางธุรกิจในหลากหลายมิติ

 

นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือเคทีซี ระบุว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2569 จะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่เคทีซีกลับเลือกเดินหน้า “ลงทุน” อย่างจริงจังในโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะการยกเครื่องระบบการชำระเงินครั้งใหญ่ จากระบบเดิมสู่ระบบใหม่ที่พัฒนาบนเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง ซึ่งมีความสามารถในการปรับขนาดตามการเติบโตของธุรกิจ (Scalable) และมีความยืดหยุ่นสูง (Resilient) รองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้การปรับใช้ การบริหารจัดการ และการตอบสนองต่อความต้องการของสมาชิก ร้านค้า และพันธมิตรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

ทั้งนี้

การลงทุนด้านเทคโนโลยีดังกล่าว ยังช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ISO/IEC 27001:2022 ลดต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาว และเปิดโอกาสให้เคทีซีสามารถขยายธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างมั่นคง

 

ในขณะเดียวกัน ปี 2569 ยังถือเป็นปีสำคัญของการพัฒนาโครงสร้างข้อมูลสมาชิก ผ่านการนำ Customer Data Platform (CDP) มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อรวบรวมข้อมูลจากทุกช่องทาง ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ แอปพลิเคชัน และโซเชียลมีเดีย ให้อยู่ในระบบเดียวกันอย่างครบวงจร ซึ่งจะช่วยให้การทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing) มีความแม่นยำสูงขึ้น เพิ่มความปลอดภัยในการบริหารจัดการข้อมูล และยกระดับความรวดเร็วของกระบวนการทำงานภายในองค์กร โดยเคทีซีเชื่อว่าการลงทุนใน CDP จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการเติบโตของรายได้อย่างยั่งยืนในอนาคต

 

ในด้านเป้าหมายเชิงการเงิน เคทีซีตั้งเป้าให้พอร์ตสินเชื่อรวมในปี 2569 เติบโตในอัตรา 1–2% โดยเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ควบคู่กับการควบคุมอัตรา NPL ให้อยู่ในระดับไม่เกิน 2% พร้อมเตรียมแผนระดมเงินกู้ยืมระยะยาวประมาณ 12,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายพอร์ตสินเชื่อ การลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการชำระหุ้นกู้และเงินกู้ยืมระยะยาวที่ครบกำหนด

 

นอกจากนี้ การเปิดตัวธุรกิจนายหน้าประกันในฐานะธุรกิจใหม่ ยังถูกวางให้เป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้สำคัญในอนาคต โดยบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนทางการเงินให้อยู่ในระดับเหมาะสม ภายใต้กรอบความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และคาดว่าต้นทุนทางการเงิน ณ สิ้นปี 2569 จะลดลงจากปีก่อนราว 0.15–0.20%

 

สำหรับธุรกิจบัตรเครดิต ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเคทีซี คาดว่ามูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรในปี 2569 จะเติบโตประมาณ 5% พร้อมตั้งเป้าเพิ่มสมาชิกใหม่ 250,000 ราย โดยขับเคลื่อนธุรกิจผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก เริ่มจากการเสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตสมาชิกคุณภาพ ด้วยการยกระดับผลิตภัณฑ์ เพิ่มประสิทธิภาพการหาสมาชิกใหม่ผ่านช่องทางดิจิทัล และนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ทั้งกิน ช้อป เที่ยว รวมถึงหมวดสุขภาพและ Healthcare ที่กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

กลยุทธ์ที่สองคือการต่อยอดธุรกิจนายหน้าประกัน ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและประกันวินาศภัย เพิ่มทางเลือกและความคุ้มค่าให้กับสมาชิก พร้อมสร้างรายได้ใหม่ผ่านช่องทางบัตรเครดิต ขณะที่กลยุทธ์ที่สาม คือการสร้างการเติบโตร่วมกับธนาคารกรุงไทย โดยมุ่งเน้น 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ กลุ่มลูกค้า Wealth ที่จะได้รับสิทธิพิเศษและบริการที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น กลุ่ม SME ที่จะได้รับโอกาสขยายธุรกิจผ่าน e-marketplace “KTC U SHOP” ซึ่งเตรียมรีแบรนด์เป็น “KTC MALL” และกลุ่ม Gen Z โดยเฉพาะนักศึกษามหาวิทยาลัย เพื่อสร้างฐานสมาชิกตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของกำลังซื้อ ส่วนกลยุทธ์สุดท้าย คือการนำ Digital และ AI มาใช้เป็นแกนหลักของการตลาด เพื่อมอบประสบการณ์ที่ “ง่าย เร็ว และไร้รอยต่อ” พร้อมนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่ตรงใจในระดับรายบุคคล

 

ด้านธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล เคทีซีตั้งเป้าเติบโต 2% ในปี 2569 โดยให้ความสำคัญกับการขยายพอร์ตอย่างรอบคอบและมีคุณภาพ พร้อมเพิ่มสมาชิกใหม่ 110,000 ราย สำหรับบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” จะใช้ 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การปรับโฉมระบบสมัครออนไลน์ E-Application ให้อยู่บนแอป KTC Mobile เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว รู้ผลอนุมัติภายใน 30 นาที การขยายฐานสมาชิกผ่านพันธมิตรและจุดขายที่มีศักยภาพกว่า 2,000 ร้านค้า รวมถึงการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูล Payroll ร่วมกับธนาคารกรุงไทย การดูแลสมาชิกกว่า 700,000 รายด้วยสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ และการเดินหน้าโครงการ “เคลียร์หนี้” เพื่อส่งเสริมวินัยทางการเงิน ตลอดจนการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายผ่านโปรโมชันผ่อน 0% นานสูงสุด 24 เดือน

 

ขณะที่บริการ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ซึ่งเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลในรูปแบบจำนำทะเบียนรถ จะมุ่งขยายฐานลูกค้าผ่านความร่วมมือกับธนาคารกรุงไทยเป็นหลัก พร้อมปรับรูปแบบผลิตภัณฑ์ให้สอดรับกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น

 

นางพิทยากล่าวทิ้งท้ายว่า แผนการลงทุนด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลในปี 2569 ไม่เพียงช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายฐานสมาชิกและยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้รวดเร็ว ปลอดภัย และตรงใจมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นและนักลงทุนว่า เคทีซีกำลังวางรากฐานโครงสร้างดิจิทัลเพื่อการเติบโตในระยะยาว บนแนวคิดความยั่งยืนที่ครอบคลุมทั้งมิติธุรกิจ เทคโนโลยี และความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง