Moreloop ชุบชีวิต ‘ผ้าเหงา’ ให้เป็นสินค้า Limited Edition
เส้นทาง 7 ปีของ ‘Moreloop’ สองเพื่อนซี้ แพชชั่นเดียวกัน เปลี่ยน “ผ้าเหงา” หรือเศษผ้าเหลือจากโรงงานต่าง ๆ ไม่ถูกทิ้ง Sustainable Fashion
KEY
POINTS
- Moreloop ก่อตั้งมา 7 ปี โดยสองเพื่อนซี้แพชชั่นเดียวกันที่อยากทำให้ “ผ้าเหงา” หรือเศษผ้าเหลือจากโรงงานต่าง ๆ ไม่ถูกทิ้ง
- จึงกลายเป็นตัวกลางเพื่อเชื่อมโรงงานที่มีเศษผ้าไม่ได้ใช่แล้วเข้ามาในระบบ เพื่อให้กลุ่มแบรนด์แฟชั่น ดีไซนเนอร์ หรือองค์กร นำไปใช้
- จาก 5 โรงงานในระบบ ตอนนี้มีมากกว่า 100 โรงงาน ละมีผ้าให้เลือกกว่า 1 ล้านหลา
กว่า 7 ปีแล้วที่ Moreloop ก่อตั้งขึ้นนับตั้งแต่ปี 2561 ด้วยการเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อผ้าเหลือใช้ (Surplus Fabric) จากโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ เข้ากับแนวคิด เศรษฐกิจหมุนเวียน ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
หากมองจากมุมของวงการธุรกิจ Moreloop เป็นที่รู้จักไม่น้อย การันตีด้วยรางวัลและความร่วมมือกับแบรนด์ดังหลายราย รวมถึงความสำเร็จล่าสุดในการชนะเลิศ การประกวดแผนธุรกิจระดับประเทศและระดับภาคกลาง-ตะวันตก พร้อมได้รับทุนไปศึกษาดูงาน ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย จากโครงการ ITD She Commerce
แต่คำถามคือ สำหรับคนทั่วไปแล้ว Moreloop เป็นที่รู้จักแค่ไหน?
“โพสต์ทูเดย์” ได้ชวน คุณธมลวรรณ วิโรจน์ไชยันต์ หนึ่งในซีอีโอ ผู้ก่อตั้งบริษัท มอร์ลูป จำกัด มานั่งคุยถึงเรื่องราวของแบรนด์ในงาน ITD She Commerce ว่าความพยายามกว่า 7 ปีในการสื่อสาร Moreloop และก้าวต่อไปของแบรนด์จะเป็นอย่างไร
และนี่คือเรื่องราวของ Moreloop…..
ธมลวรรณ เล่าว่า จุดเริ่มต้นของ Moreloop เกิดจากการผสมผสานระหว่าง “Pain” และ “Passion” ในฐานะสตาร์ตอัป ฝั่ง Passion มาจากตัวเธอและผู้ร่วมก่อตั้งที่ต่างมีความตั้งใจร่วมกันอยากสร้างคุณค่าใหม่จากทรัพยากรที่เหลือใช้
ในช่วงที่อมรพล กำลังค้นหาคำตอบว่า “จะหมุนเวียนทรัพยากรอะไรได้บ้าง” ฝั่งธมลวรรณก็มีโจทย์ในใจอยู่แล้วในฐานะทายาทรุ่นสองของโรงงานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปส่งออก เพราะเธอเห็นปัญหาซ้ำซากของผ้าที่เหลือจากการผลิตซึ่งกลายเป็น Pain point สำคัญ
"ผ้าแต่ละผืนกว่าจะได้มาไม่ง่าย โดยเฉพาะงานส่งออกที่ต้องพิถีพิถัน แต่พอสิ้นสุดคอลเลกชันกลับถูกตีมูลค่าให้เหลือเพียงเดดสต็อกชื่อที่สะท้อนความไร้ค่า ทั้งที่จริงแล้ววัสดุเหล่านี้ยังใช้ประโยชน์ได้" ธมลวรรณกล่าว
ดังนั้น ขณะที่อมรพลมี Passion อยากหมุนเวียนทรัพยากร ธมลวรรณก็มี Pain จากการเห็นคุณค่าของผ้าที่ถูกทิ้ง เมื่อสองมุมนี้มาบรรจบกัน จึงกลายเป็นต้นแบบแผนธุรกิจ โดยยึดแนวคิดว่า “ขยะจะเป็นขยะหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสายตาของคนที่มอง” โดยมองว่าผ้าส่วนเกินคือ “Industrial Waste” หรือขยะอุตสาหกรรม ที่สามารถหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างสร้างสรรค์
Moreloop เป็นศูนย์รวมคลังข้อมูลเรื่องผ้า
จากจุดนั้น Moreloop จึงถือกำเนิดขึ้นในฐานะสตาร์ตอัปที่พัฒนาแพลตฟอร์มรวบรวมฐานข้อมูลผ้าส่วนเกินจากโรงงานต่าง ๆ หรือผ้าที่เหลือค้างจากกระบวนการผลิต ซึ่งมักถูกมองว่าไม่มีค่า แต่แท้จริงแล้วยังสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ เพื่อเชื่อมโยงกับผู้ใช้รายใหม่ โดยไม่จำเป็นต้องมีคลังเก็บผ้าเป็นของตัวเอง เพราะหัวใจของธุรกิจอยู่บน “คลาวด์” และระบบดิจิทัล ที่ทำให้ Moreloop มี “ร้านผ้าออนไลน์” ขนาดใหญ่ได้ทันที
จาก 5 โรงงาน สู่ 100 โรงงาน และคลังผ้า 1 ล้านหลา
ธมลวรรณ เล่าต่อว่า Moreloop เริ่มเปิดแพลตฟอร์มในปี 2561 ในตอนนั้นรวมฐานข้อมูลผ้าส่วนเกินจากเพียง 5 โรงงาน ก่อนทดลองเปิดระบบออนไลน์ โดยมองกลุ่มเป้าหมายเป็นดีไซเนอร์และแบรนด์แฟชั่น ที่ต้องการใช้ผ้าในการออกแบบอยู่แล้ว เพียงแต่เปลี่ยนจากการสั่งผลิตใหม่หรือสั่งขั้นต่ำจำนวนมาก มาลอง “รีดีไซน์” จากผ้าที่มีอยู่แทน
ผ้าที่อยู่ในระบบมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแต่ละโรงงาน เช่น โรงงานชุดกีฬา ก็จะได้ผ้าสปอร์ต โรงงานกระเป๋า ก็จะได้ผ้าที่เหมาะสำหรับงานกระเป๋า หรือโรงงานเสื้อยืด เสื้อโปโล ก็จะเป็นผ้ายืดคุณภาพส่งออก
จากจุดเริ่มต้นแค่ 5 โรงงาน ปัจจุบัน Moreloop มีโรงงานพันธมิตรที่ส่งฐานข้อมูลเข้าระบบแล้วกว่า 100 แห่ง รวมผ้าหลากชนิดกว่า 3,000 SKU และมากกว่า 1 ล้านหลา รอให้ดีไซเนอร์และผู้ประกอบการเลือกใช้ เพื่อสร้างสรรค์งานใหม่จากทรัพยากรที่มีอยู่เดิม แต่ความท้าทายคือผ้าส่วนเกินเหล่านี้จะมีข้อจำกัด ทั้งชนิด เนื้อผ้า สี และปริมาณ ซึ่งทำให้ต้องอาศัยการ mix & match อย่างสร้างสรรค์
โจทย์หลักของ Moreloop คือการเวียนใช้ทรัพยากรที่เหลือจากการผลิต ซึ่งในความเป็นจริง หากจะใช้เพียงลำพังคงไม่มีทางหมด เพราะผ้าที่เหลือมีจำนวนมหาศาลเป็นล้านหลา แต่เมื่อมองในมุมของ “ตัวกลาง” ที่เชื่อมต่อโรงงานเจ้าของผ้าเข้ากับดีไซเนอร์และผู้ประกอบการที่ต้องการใช้วัสดุเหล่านี้ ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ก็เกิดขึ้น โดยมี “ความคิดสร้างสรรค์” ของแต่ละแบรนด์เป็นตัวช่วยหมุนเวียนทรัพยากรให้เกิดมูลค่าอีกครั้ง
โดยโมเดลธุรกิจของ Moreloop แบ่งเป็น 3 รูปแบบหลัก
- ขายผ้าเป็นผ้าสำหรับดีไซเนอร์ โรงงาน หรือใครก็ตามที่ต้องการใช้ผ้าในปริมาณเท่าใดก็ได้ เพราะบนระบบของ Moreloop มีผ้าส่วนเกินจากโรงงานกว่า 1 ล้านหลา ให้เลือกใช้โดยไม่จำกัดขั้นต่ำ
- อัพไซเคิลเป็นสินค้าสำเร็จรูป นำผ้าเหลือมาผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปสำหรับองค์กร เช่น เสื้อยูนิฟอร์ม ถุงผ้า ของที่ระลึกต่างๆ ช่วยให้องค์กรมีตัวเลือกที่ยั่งยืน ลดการผลิตใหม่ และยังได้สินค้าที่มีเอกลักษณ์
- แบรนด์ Moreloop เอง แม้จะเป็นสัดส่วนเล็ก แต่ Moreloop ก็มีการพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเอง เช่น กระเป๋า เสื้อผ้า หรือสินค้ากึ่งสำเร็จรูปที่สามารถนำไปใช้ในงานบูทและอีเวนต์ได้ เพื่อนำเสนอเรื่องราวและสื่อสารแนวคิด “ผ้าไม่ใช่ขยะ” มากกว่ามุ่งเน้นเชิงพาณิชย์ เพราะในมุมของผู้ก่อตั้ง “ผ้าเปรียบเหมือนอาหาร” ที่มีตั้งแต่เนื้อหายากราคาแพง ไปจนถึงวัตถุดิบทั่วไปในตลาด สิ่งสำคัญคือการเลือกใช้ให้เหมาะสมและเห็นคุณค่าของความหลากหลาย
ล่าสุดยังต่อยอดเป็น บริการ Zero Waste สำหรับงานสัมมนาและอีเวนต์ โดยจัดทำสินค้ากึ่งสำเร็จรูป (เช่น เสื้อเปล่า กระเป๋าเปล่า) และเปิดโซน DIY ให้ผู้เข้าร่วมเลือกรีดลายหน้างานตามต้องการ ข้อดีคือหากมีของเหลือหลังงาน Moreloop สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ เพราะไม่มีโลโก้หรือวันที่เฉพาะเจาะจง ลดการสูญเปล่า และผู้จัดงานก็ไม่ต้องแบกรับภาระสต๊อกของแจกที่เหลือ
หวังขยายแพลตฟอร์มสู่ประเทศผู้ผลิต
เมื่อถามถึงแผนต่อไป ธมลวรรณบอกว่า ปัจจุบัน ผู้ประกอบการที่นำผ้ามาฝากกับ Moreloop ส่วนใหญ่ยังคงเป็นผู้ประกอบการไทย แม้จะมีการติดต่อจากผู้ผลิตใน South Asia แต่ทางทีมยังไม่รับผ้าเข้ามาโดยตรง เนื่องจากกังวลเรื่องการขนส่งที่อาจปล่อยคาร์บอนสูง อย่างไรก็ตาม Moreloop มองไปไกลกว่านั้น โดยมีแนวคิดว่าในอนาคตหากแพลตฟอร์มนี้สามารถขยายไปยังประเทศผู้ผลิต เช่น ในเอเชียใต้ ก็จะช่วยสร้างระบบหมุนเวียนในพื้นที่ต้นทางได้อย่างยั่งยืน
ในฝั่งลูกค้า นอกจากตลาดไทยแล้ว Moreloop ยังเริ่มขยายไปสู่ต่างประเทศ เช่น เสื้อที่จัดจำหน่ายใน Art Gallery ของสิงคโปร์ รวมถึงการเจรจากับลูกค้าในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการได้รับรางวัลระดับนานาชาติ ทำให้ได้มีโอกาสเดินทางไปออสเตรียเพื่อเจรจาการค้า และสร้างความร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่นที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม
แพลตฟอร์มแบบนี้มีไม่กี่เจ้าในโลก
หากพูดถึงในประเทศไทย Moreloop อาจเป็นรายแรก ๆ ที่เริ่มต้น แต่สำหรับทั่วโลก ธมลวรรณ บอกว่า แพลตฟอร์มขายผ้าส่วนเกินมีอยู่ทั่วโลก แต่ยังนับนิ้วได้ ตัวอย่างเช่น บริษัทนึงจากฝรั่งเศส ที่ดำเนินการโดยแบรนด์หรูระดับโลก ซึ่งเน้นการขายผ้าและหนังส่วนเกินจากการผลิตสินค้าแบรนด์หรู มองว่ายังไม่ได้เป็นโมเดลธุรกิจเต็มรูปแบบ
ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้ Moreloop แตกต่าง คือการไม่เพียงแค่ขายผ้าเป็นผ้า แต่ยังมี ระบบการผลิตรองรับ ด้วยการที่ Moreloop เชื่อมต่อกับโรงงานโดยตรง ทำให้มี database ครบถ้วน ไม่เพียงรู้ว่ามีผ้าประเภทใดเหลือ แต่ยังสามารถนำผ้าเหล่านั้นกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปให้กับลูกค้าได้ทันที ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ช่วยสร้างมูลค่าและต่อยอดทางธุรกิจเหนือคู่แข่ง
ดังนั้นจึงสามารถให้บริการลูกค้าแบบ One Stop Service ได้ทันที ตั้งแต่จัดหาผ้าส่วนเกิน ไปจนถึงผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูป ไม่ว่าจะผลิตเองหรือผ่านเครือข่ายโรงงานคู่ค้า ปัจจุบันโรงงานผลิตเสื้อผ้าของครอบครัวยังดำเนินการอยู่เต็มรูปแบบ โดย Moreloop ใช้กำลังการผลิตประมาณ 10% เท่านั้น นั่นหมายความว่ายังมี Capacity เหลือสำหรับรองรับการเติบโตในอนาคตอีกมาก ในขณะเดียวกันทีมงานก็พยายามปรับโรงงานไปสู่การเป็น “Upcycle Manufacturer” เพื่อต่อยอดแนวคิดการหมุนเวียนทรัพยากรให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และตอบโจทย์ความยั่งยืนอย่างแท้จริง
จุดแข็งอีกอย่างคือ ความเข้มข้นในการคัดเลือกผู้ผลิต Moreloop ไม่ได้มองแค่ต้นทุนหรือกำลังการผลิต แต่ยังตรวจสอบให้มั่นใจว่าโรงงานคู่ค้ามีมาตรฐานถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีการใช้แรงงานเด็กหรือแรงงานบังคับ รวมถึงควบคุมคุณภาพงานตัดเย็บให้อยู่ในระดับเดียวกับสินค้าส่งออก
ก้าวสู่ Stage 10 ถึง 100
ทั้งนี้ ธมลวรรณบอกว่า Moreloop ก่อตั้งมากว่า 7 ปีแล้ว กำลังเข้าสู่ปีที่ 8 พร้อมกับพัฒนาจาก Stage 1–10 มาสู่ Stage 10–100 โดยเป้าหมายต่อไปคือการหาก้าวกระโดดใหม่ หรือ S-Curve เพื่อขยายการเติบโตให้ได้ภายใน 3–5 ปีข้างหน้า ในแง่ของรายได้ หลักๆ มาจากการ Upcycle ผ้าส่วนเกินให้กลายเป็นสินค้าสำเร็จรูปสำหรับองค์กร (B2B) ไม่ว่าจะเป็นยูนิฟอร์ม ถุงผ้า หรือของใช้ในองค์กร จุดแข็งของธุรกิจนี้คือ องค์กรไม่จำเป็นต้องตามเทรนด์แฟชั่น หรือเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มทุกฤดูกาลเหมือนแบรนด์เสื้อผ้า ทำให้การหมุนเวียนทรัพยากรเป็นไปอย่างตอบโจทย์และยั่งยืน
นอกจากนี้ยังมีการทำรายงานการปลดปล่อยคาร์บอนให้กับลูกค้าองค์กร เพื่อแสดงผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้นจริง เช่น การลดการปล่อยคาร์บอนจากการใช้ผ้าที่มีอยู่แล้วแทนการผลิตใหม่ สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นข้อมูลที่องค์กรสามารถนำไปสื่อสารต่อกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อสร้างคุณค่าแบรนด์ในด้านความยั่งยืนได้อีกด้วย
จุดนี้เองคือความท้าทายในการสื่อสารกับลูกค้าองค์กร เพราะโดยปกติแล้ว ยูนิฟอร์มมักถูกคาดหวังให้ “เหมือนกันหมด” แต่ Moreloop พยายามอธิบายว่า ความไม่เหมือนกันนี้เองกลับสะท้อนความหมายของ Sustainability และเป็นคุณค่าใหม่ที่องค์กรสามารถสื่อสารต่อไปได้
หลายองค์กรจึงเริ่มเปิดใจ และหันมามองยูนิฟอร์มในอีกมุมหนึ่ง เช่น บางครั้ง Moreloop ผสมผสานผ้าจากหลาย SKU ให้กับชุดขององค์กรเดียวกัน จนเกิดแคมเปญที่ลูกค้าใช้ Hashtag อย่าง “The Most Unified Uniform” ยูนิฟอร์มที่ไม่เหมือนกันทุกตัว แต่กลับสื่อสารความเป็นหนึ่งเดียวในแบบใหม่ได้อย่างชัดเจน
ทุกโปรเจกต์คือความท้าทาย โดยเฉพาะการทำความเข้าใจกับลูกค้า ว่าการสั่งเสื้อผ้าและกระเป๋าผ้าจาก Moreloop แตกต่างจากการสั่งผลิตทั่วไป เพราะนี่คือกระบวนการที่ต้องมี การพูดคุย ประนีประนอม และ Collaborate กันในทุกไอเท็มเพื่อให้ได้ผลงานที่ตอบโจทย์ทั้งองค์กรและแนวคิดความยั่งยืนไปพร้อมกัน
ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา Moreloop ได้ผลิตสินค้าแล้วกว่า 500,000 ชิ้น ซึ่งแต่ละชิ้นไม่เพียงสร้างคุณค่าใหม่ให้กับผ้าที่เหลือ แต่ยังสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในมุมมองของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยที่กำลังเดินหน้าสู่ความยั่งยืนอย่างจริงจัง นั่นแปลว่ามีคนมากกว่า 500,000 คน ที่เคยใช้สินค้าของ Moreloop ทำให้พวกเขารู้จักและเข้าใจ Mindset เรื่องความยั่งยืนและการใช้ซ้ำ ของเรา ซึ่งช่วยให้การสื่อสารกับลูกค้าองค์กรและดีไซเนอร์รายใหม่ทำได้ง่ายขึ้น เพราะเรามีโปรเจกต์อ้างอิงจำนวนมาก
สินค้าของ Moreloop ทุกชิ้นถูกนิยามว่าเป็น Limited Edition เนื่องจากผลิตจากผ้าส่วนเกิน (deadstock) บางล็อตสามารถผลิตซ้ำได้ หากผ้ามีปริมาณเพียงพอ แต่บางครั้งเมื่อผ้าใช้หมดไปแล้วก็ไม่สามารถทำเพิ่มได้ นอกจากนี้ Moreloop ยังเปลี่ยนการเรียกชื่อผ้า จากคำว่า Dead Stock ที่หมายถึง “ของตาย ไม่มีค่า” เป็นคำที่มีความหมายบวก เช่น Surplus Fabric (ผ้าเหลือใช้) หรือบางครั้งก็เล่นคำเป็น “ผ้าเหงา” เพื่อสื่อสารว่า ผ้าเหล่านี้รอการใช้ให้เกิดประโยชน์
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ยากที่สุดคือ การสื่อสารคุณค่า ของผ้าและสินค้าให้ลูกค้าเข้าใจ บางครั้งภาพหรือเนื้อผ้าที่ดูเหมือนไม่เข้ากัน ก็สามารถถูกนำมาสร้างสรรค์เป็นผลงานที่จับต้องได้จริง นี่คือจุดที่ Moreloop พลิกความท้าทายให้กลายเป็นโอกาส และสร้างความแตกต่างในตลาดอย่างแท้จริง


