posttoday

‘จิรโรจน์’ SC GRAND ทายาทรุ่น 3 พลิกวิกฤตสิ่งทอสู่แบรนด์ CIRCULAR

17 สิงหาคม 2568

เปิดใจ ‘จิรโรจน์ พจนาวราพันธุ์’ ทายาทรุ่นที่ 3 แห่ง SC GRAND ผู้พลิกฟื้นธุรกิจครอบครัวท่ามกลางวิกฤตสิ่งทอถดถอย

KEY

POINTS

  • เปิดใจ จิรโรจน์ พจนาวราพันธุ์ ทายาทรุ่นที่ 3 ของ SC GRAND ผู้พลิกฟื้นธุรกิจครอบครัวท่ามกลางวิกฤตสิ่งทอถดถอย
  • ต่อยอดจากการผลิตเส้นด้ายและผ้ารีไซเคิล สู่การสร้างแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น "CIRCULAR" 
  • วางเป้าหมาย SC GRAND ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการรีไซเคิล (Recycle Hub) ชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน

เรื่องราวของ SC GRAND หรือ บริษัท แสงเจริญแกรนด์ จำกัด เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2508 จากธุรกิจรับซื้อเศษผ้าและเส้นด้ายจากโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอ ก่อนบรรจุหีบห่อส่งขายต่างประเทศ จนกระทั่งรุ่นที่ 2 มองเห็นศักยภาพใหม่เมื่อพบว่าต่างประเทศนำเศษผ้ามาผลิตเป็นเส้นด้ายได้ จึงตัดสินใจเปิดโรงงานปั่นด้าย ผลิตเส้นด้าย เพื่อต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมหลากหลาย 

 

จนมาถึงยุครุ่นที่ 3 ภายใต้การบริหารของ ‘จิรโรจน์ พจนาวราพันธุ์’ SC GRAND ได้พัฒนาเป็นผู้ผลิตผ้ารีไซเคิลคุณภาพสูง และมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางการรีไซเคิลสิ่งทอชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน

 

จิรโรจน์ ให้สัมภาษณ์กับทีมงาน โพสต์ทูเดย์ ที่ชั้น 3 ของช็อป Circular ณ สยามสแควร์ ซอย 2 ช็อปแห่งนี้ถูกจัดสรรพื้นที่อย่างมีเรื่องราว โดยชั้นล่างเป็นร้านรองเท้าแบรนด์ MANGO MOJITO ชั้น 2 เป็นร้านเสื้อผ้าแบรนด์ CIRCULAR ส่วนชั้น 3 ใช้สำหรับประชุมคู่ค้า 

 

‘จิรโรจน์’ SC GRAND ทายาทรุ่น 3 พลิกวิกฤตสิ่งทอสู่แบรนด์ CIRCULAR

การเดินทางของรุ่น 3 สู่การเติบโต 

 

จิรโรจน์ เล่าถึงเส้นทางการพลิกฟื้นธุรกิจครอบครัวที่สืบทอดมาถึงรุ่นที่ 3 ผ่านทั้งวิกฤตและความท้าทายหลายด้าน เขายอมรับตรง ๆ ว่าในตอนแรกไม่ได้ตั้งใจสืบทอดธุรกิจครอบครัว 

 

“หากมองย้อนกลับไป ทุกวันนี้ไม่ได้โทษใครเลย นอกจากตัวเอง เมื่อก่อนเรามักคิดว่าทางบ้านไม่เข้าใจสิ่งที่เรามองหรือสิ่งที่เราอยากทำ แต่จริง ๆ แล้ว ความผิดก็อยู่ที่เราเอง เราใจร้อนเกินไป และอาจสื่อสารกับท่านไม่ดีพอ จนทำให้ท่านไม่เข้าใจสิ่งที่เราตั้งใจจะเดินไป”

 

เพราะความใจร้อนนั้นเอง เขาจึงเลือกออกไปทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เริ่มจากการสร้าง MANGO MOJITO แบรนด์รองเท้าสัญชาติไทยที่มุ่งเน้นคุณภาพระดับพรีเมียมในราคาที่จับต้องได้ เนื่องจากมองเห็นช่องว่างของตลาดรองเท้าแฟชั่นไทย และเลือกนำเสนอรองเท้า Craftsmanship ที่เกิดจากความหลงใหลส่วนตัวต่อรองเท้างานฝีมือ จนตัดสินใจผลิตรองเท้าคุณภาพโดยช่างไทย แต่สามารถแข่งขันได้ในระดับเดียวกับแบรนด์ต่างประเทศ

 

‘จิรโรจน์’ SC GRAND ทายาทรุ่น 3 พลิกวิกฤตสิ่งทอสู่แบรนด์ CIRCULAR

นอกจากนี้ เขายังเคยเทรดหุ้นหลายตัว หนึ่งในนั้นคือหุ้น META ต่อมาก็ไปร่วมลงทุนในสตาร์ทอัพงานฝีมือ VT Thai (หรือแบรนด์วิถีไทย) www.vtthai.com เว็บไซต์ที่รวบรวมงานหัตถกรรมไทยจากชุมชน

 

วิกฤตรุมเร้าจึงหันกลับมาสานต่อธุรกิจครอบครัว 

 

หลังจากโลดแล่นในเส้นทางธุรกิจตนเองมาสักพัก จิรโรจน์ ตัดสินใจกลับมาต่อยอดธุรกิจครอบครัวจริงจัง ๆ ราว ๆ ช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ระบาด เขาเล่าว่า จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นจาก เหตุการณ์ทุจริตในธุรกิจ

 

คนใกล้ชิดมือขวาของคุณยาย ซึ่งอยู่ด้วยกันมากว่า 20 ร่วมมือกับซัพพลายเออร์และลูกค้าบางกลุ่ม ควบคุมทั้งการจัดซื้อวัตถุดิบและคู่ค้าเหตุการณ์นั้นทำให้เขารับรู้เลยว่า ‘ความเชื่อใจอาจไม่มีอยู่จริง หรือหาได้ยากมาก’ ซึ่งเป็นผลจากระบบบริหารงานสมัยก่อนที่พึ่งพาแต่ความเชื่อใจ ประกอบกับช่วงนั้นเป็นยุคขาลงของสิ่งทอ ไม่นานวิกฤตโควิดเข้ามาซ้ำเติม เป็นสถานการณ์ที่รุ่นก่อนหน้าไม่เคยเจอมาก่อน และต้องตัดสินใจบางอย่างสำคัญ

 

"ผมเห็นว่าเราอาจพอมีหนทางหาทางออกหรือหาวิธีแก้ไขได้ จึงได้รับโอกาสให้เข้ามาบริหาร และเป็นจุดที่ต้องตัดสินใจว่าจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่”

 

ในการกอบกู้วิกฤตจากการทุจริต จิรโรจน์เล่าว่า เขาเริ่มจากมองใครบ้างที่หลุดหายไปจากธุรกิจในช่วง 10–20 ปีที่ผ่านมา จากนั้นค่อย ๆ เข้าไปพูดคุยกับบุคคลเหล่านั้น เพื่อนำข้อมูลมาต่อเป็นจิ๊กซอว์ แม้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่สุดท้ายสามารถคลี่คลายสถานการณ์จนจบลงด้วยดี

 

เปลี่ยนของที่ไม่มีมูลค่า ให้กลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูงขึ้น 

 

อย่างไรก็ตาม วันนี้เขาเลือกที่จะโฟกัสกับธุรกิจครอบครัวเป็นหลัก เพราะแรงบันดาลใจที่ได้รับจากคุณยาย “คุณยายมักพูดเสมอว่า ยอมลำบากเพื่อให้ลูกหลานสบาย และสิ่งที่ท่านทำมาตลอดคือการเปลี่ยนของที่ไม่มีมูลค่า ให้กลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูงขึ้น คุณยายยังชอบพูดติดตลกแบบตรง ๆ ว่า ‘ทำอุจจาระให้เป็นทอง’ 

 

“ผมมีลูกสาว สมมติว่าอยากสอนอะไรบางอย่างให้เขา ผมไม่ได้บอกว่าผมเก่งกว่าที่บ้าน แต่คิดว่าการสอนลูกก็เหมือนกับการพาเขาขึ้นบันไดเลื่อน ถ้าอยากให้เขาเห็นว่ามันเร็วกว่าเดินขึ้นบันไดปกติ เราก็ต้องเริ่มจากบันไดเลื่อนที่ไม่สูงมากก่อน ให้เขาค่อย ๆ เห็นภาพและค่อย ๆ ไต่ไปทีละขั้น จนถึงจุดที่สูงขึ้นเอง”

 

หลักการนี้สะท้อนกับการทำธุรกิจของเขาเช่นกัน ก่อนจะเปิดตัวแบรนด์ CIRCULAR เขาเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ อย่างการทำเส้นด้ายย้อมสี 

 

‘จิรโรจน์’ SC GRAND ทายาทรุ่น 3 พลิกวิกฤตสิ่งทอสู่แบรนด์ CIRCULAR

“เราเห็นว่าเส้นด้ายไม่จำเป็นต้องมีแต่สีดิบหรือสีขาวเท่านั้น มันสามารถต่อยอดทำเป็นเส้นด้ายสีได้ แต่ตอนนั้นก็ยังกังวลเรื่องตลาด เรื่องการผลิต เลยค่อย ๆ เริ่มจากตรงนั้น แล้วค่อยพัฒนาไปสู่การสร้างแบรนด์จริง ๆ ให้คนเห็นว่า ของที่ไม่มีแบรนด์ก็สามารถสร้างให้มีแบรนด์ได้ มีระบบ มีทีมงานใหม่ ๆ เข้ามา”

 

เขาเปรียบเทียบว่าเหมือนการแบ่งพิซซ่า “ตอนแรกเราเริ่มจากพิซซ่าชิ้นเล็ก ๆ ค่อย ๆ ขยายจนกลายเป็นพิซซ่าชิ้นใหญ่ ถ้าหากวันหนึ่งเราก้าวไปทำ CIRCULAR ทันที แล้วไปขายผ้าให้การบินไทยหรือ Corporate Brand ระดับโลกเลย มันคงเป็นพิซซ่าชิ้นใหญ่เกินไป เราต้องค่อย ๆ สร้างภาพ ค่อย ๆ พิสูจน์ให้เห็นก่อน”

 

‘จิรโรจน์’ SC GRAND ทายาทรุ่น 3 พลิกวิกฤตสิ่งทอสู่แบรนด์ CIRCULAR

สิ่งทอรีไซเคิลครบวงจร คือจุดแข็งธุรกิจ 

 

จุดแข็งของ บริษัท แสงเจริญแกรนด์ จำกัด และกลุ่มบริษัทในเครือ คือการเป็นผู้ให้บริการสิ่งทอรีไซเคิลครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ พัฒนา ไปจนถึงการผลิตงานสิ่งทอทุกชนิด โดยเฉพาะผ้ารีไซเคิล 100% ที่ไม่ผ่านการฟอกย้อม ผลิตจากเศษด้าย เศษผ้าในโรงงานตัดเย็บ รวมถึงเสื้อผ้าเก่าที่นำกลับมารีไซเคิลเป็นผ้าใหม่ 

 

โครงสร้างธุรกิจในเครือประกอบด้วย 3 บริษัทหลัก ได้แก่

  • บริษัท แสงเจริญแกรนด์ จำกัด (SC GRAND) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผ้ารีไซเคิล B2B ภายใต้แบรนด์ SC GRAND
  • บริษัท เซอร์คูลาร์ อินดัสทรี้ จำกัด ผู้พัฒนาและจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่นจากผ้ารีไซเคิล ภายใต้แบรนด์ CIRCULAR เน้นตลาด B2C
  • บริษัท อุตสาหกรรมคลองสวนการฝ้าย จำกัด ผู้ผลิตอุปกรณ์ทำความสะอาด ภายใต้แบรนด์ SUPERCAT เช่น ไม้ม็อบถูพื้น

‘จิรโรจน์’ SC GRAND ทายาทรุ่น 3 พลิกวิกฤตสิ่งทอสู่แบรนด์ CIRCULAR

ถ้าคิดว่าจะขาดทุนตั้งแต่วันแรกมันก็จะขาดทุน

 

จิรโรจน์ยังยอมรับว่า ในอดีตเขาเคยเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในการลงทุน ลงทุนแบบ ‘บ้าคลั่ง’ เพราะคิดว่ามีเงินหนุนสำรอง แต่บทเรียนครั้งนั้นทำให้เขาสรุปว่า การลงทุนต้องมี Mindset ที่ถูก 

 

“ถ้าเรามี Mindset ว่าจะขาดทุนตั้งแต่วันแรก เราก็จะขาดทุนตั้งแต่วันแรกจริง ๆ คำนี้ผู้ใหญ่เคยสอนผมไว้ แต่ถ้าเราเริ่มต้นด้วย Mindset ว่าจะมีกำไรตั้งแต่วันแรก โอกาสที่จะทำกำไรได้ก็มีตั้งแต่วันแรกเหมือนกัน”

 

เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า หากลองสังเกตจากรายการธุรกิจหรือการแข่งขันทั้งในไทยและต่างประเทศ จะเห็นว่า คนที่เริ่มต้นโดยไม่มีอะไรเลย มักจะพยายามใช้ทุกสิ่งรอบตัวให้คุ้มค่าที่สุด เพื่อสร้างกำไรขึ้นมาได้ 

 

“เพราะฉะนั้นถ้าย้อนกลับไป ผมถือว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนัก ตอนนั้นเราลงทุนโดยไม่ได้คิดรอบคอบ แต่ทุกวันนี้เราเรียนรู้คุณค่าของเงินแล้ว และเข้าใจว่าต้องมี Mindset ที่มุ่งกำไร พร้อมทั้งรอบคอบในการใช้จ่าย ทุกคนสามารถทำได้ถ้ามีทัศนคติที่ถูกต้อง ที่บ้านจะพูดเสมอ โดยเฉพาะตอนผมยังชอบช้อปปิ้งหรือแต่งตัว คุณยายมักจะสอนว่า ‘ใช้เก่ง ก็ต้องหาให้เก่ง’ ประโยคนี้ฟังดูง่าย แต่ลึกซึ้งมากจริง ๆ”

‘จิรโรจน์’ SC GRAND ทายาทรุ่น 3 พลิกวิกฤตสิ่งทอสู่แบรนด์ CIRCULAR

ในมุมธุรกิจเองก็ไม่ต่างกัน ครอบครัวมักจะเตือนเสมอว่า “ขายได้ ขายได้… แล้วมีกำไรหรือเปล่า?” ไม่ว่าจะเป็นตอนทำ Supercat (แบรนด์อุปกรณ์ทำความสะอาด) หรือช่วงเริ่มต้นธุรกิจอื่น ๆ คำถามนี้คอยย้ำเตือนเสมอว่า ยอดขายที่สูง ไม่ได้หมายความว่าจะมีกำไร

 

5 ปีผ่านมา ลงทุนอย่างหนักเพื่อสร้างแบรนด์ Circular

 

ทั้งนี้ จิรโรจน์ กล่าวว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา SC GRAND ลงทุนอย่างหนักในการสร้างแบรนด์ CIRCULAR

 

“สิ่งแรกที่ต้องเปลี่ยนคือ Culture เราสื่อสารกันทุกวัน มีผู้บริหารรุ่นใหม่เข้ามาเสริม แต่ช่วงแรกก็ลำบากมาก เพราะสิ่งที่เราทำยังใหม่สำหรับเมืองไทย แถมเจอโควิดซ้ำเข้ามาอีก ทุกคนยิ่งกังวลเรื่องการเอาตัวรอด แต่เราก็พิสูจน์ตัวเองเรื่อย ๆ จนถึงปีนี้ ถือเป็นปีแรกที่เราเริ่มยืนได้แล้ว เราใช้วิธีเดิมคือค่อย ๆ หั่นพิซซ่าชิ้นเล็ก ๆ ไปทีละชิ้น ค่อย ๆ สร้างแบรนด์ และค่อย ๆ เปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรไปพร้อมกัน”

 

ความท้าทายอีกด้านในการสร้างแบรนด์ CIRCULAR คือการต่อสู้กับภาพจำของผู้คนที่มองว่า SC GRAND เป็นเพียงโรงงานผลิตเส้นด้ายตลาดล่างหรือไม้ถูพื้น การสื่อสารและสร้างความเข้าใจจึงเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนภาพลักษณ์และยกระดับแบรนด์

 

“ผมและทีมงานค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร ผ่านกิจกรรม Town Hall และการนำผู้บริหารรุ่นใหม่เข้ามาเสริมทัพ เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน ตอนนี้เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ต้องขอบคุณทีมงานมาก ๆ ที่ทุ่มเทกับเรามา 5 ปีเต็ม การสร้างแบรนด์ CIRCULAR ช่วงปี 2020-2022 มันลำบากมาก”

 

ผลลัพธ์เมื่อแบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จัก 

 

จิรโรจน์ เล่าต่อว่า หัวใจของ CIRCULAR คือการเป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่ผลิตจาก เส้นใยรีไซเคิล ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่ขายไม่ได้ เสื้อผ้าตกรุ่น หรือเศษผ้าเหลือจากการตัดเย็บ โดยร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อนำวัสดุเหล่านี้มาผลิตเป็นผ้าใหม่ ตัวอย่างเช่น การนำ เครื่องแบบเก่าของสายการบินไทย มารีไซเคิลเป็นเสื้อผ้าใหม่ กระบวนการผลิตนี้ช่วยลดขั้นตอนการฟอกย้อม และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมีความร่วมมือกับ TGO (องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก) อีกทั้งลูกค้ายังสามารถสแกน QR Code เพื่อติดตามผลกระทบในการลด คาร์บอนฟุตพริ้นท์ ได้

 

และที่ผ่านมาก็มีการพัฒนาอีกหลายตัวร่วมหกับหลากหลายแบรนด์ เช่น Carnival, Yuedpao, kloset ฯลฯ  ที่เข้ามาร่วมคอลลาบอเรชั่นตั้งแต่ช่วงแรก การที่แบรนด์เหล่านี้เลือกใช้ผ้าของ SC GRAND หรือส่ง Textile Waste มารีไซเคิลเป็นผ้าใหม่ ช่วยให้คนทั่วไปเห็นว่าแบรนด์ดังของไทยยังใส่ใจสิ่งแวดล้อมและเลือกใช้ผ้ารีไซเคิล แม้ว่าผู้สวมใส่อาจไม่รู้เลยว่าผ้านั้นผลิตจากการรีไซเคิล

 

ขยับสู่รีไซเคิลฮับ 

 

แม้จะลงทุนไปมาก แต่จิรโรจน์เผยว่า ธุรกิจยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เพิ่งเริ่มมียอดขายจริงจังในปี 2023 และเริ่มยืนได้มั่นคงในปี 2025 สำหรับอนาคต SC GRAND ตั้งเป้าหมายเป็น Global Brand และกลายเป็น Recycle Hub ในภูมิภาคอาเซียน 

 

ซึ่งหมายความว่าไม่ว่าแบรนด์ใดที่มีโรงงานตัดเย็บในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีผ้าเหลืออยู่ SC GRAND ต้องการเป็นพันธมิตรในการนำของเสียเหล่านั้นกลับมารีไซเคิลเป็นผ้าใหม่ พร้อมเปิดโอกาสร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกเพื่อพัฒนาการรีไซเคิลอย่างต่อเนื่อง

 

จิรโรจน์ยังทิ้งท้ายด้วยข้อคิดสำคัญว่า ถ้าเราอยากทำสิ่งใดจริง ๆ และตั้งใจอย่างแท้จริง มันย่อมหาทางออกจนสำเร็จได้

 

"แม้ผมเองยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและไม่เก่งอะไร แต่จากประสบการณ์ที่ผิดพลาดมาเยอะ ทั้งเพราะมั่นใจตัวเองเกินไป ใจร้อนเกินไป และเคยใช้เงินลงทุนอย่างบ้าระห่ำ ผมก็อยากแชร์ว่า สิ่งสำคัญคืออย่าไว้ใจใครมากเกินไป และทุกอย่างต้องมีระบบระเบียบรองรับเสมอ" เขากล่าวทิ้งท้าย

 

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด ซันเดอร์แลนด์ พบ นิวคาสเซิ่ล พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68