posttoday

ชู ‘AI Chest X-ray เพิ่มประสิทธิภาพตรวจคัดกรองวัณโรค - มะเร็งปอด'

14 ธันวาคม 2568

หน่วยสาธารณสุขชี้ นวัตกรรมไทยช่วยลดเความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุขได้จริง ชู '‘AI Chest X-ray เพิ่มประสิทธิภาพตรวจคัดกรองวัณโรค - มะเร็งปอด'

KEY

POINTS

  • นวัตกรรม AI Chest X-ray ที่พัฒนาโดยคนไทย ช่วยเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการตรวจคัดกรองวัณโรคและมะเร็งปอด
  • ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนรังสีแพทย์ในพื้นที่ห่างไกล ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงการวินิจฉัยที่มีมาตรฐาน ลดความเหลื่อมล้ำทางการแพทย์
  • สปสช. ได้บรรจุเป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า พร้อมสนับสนุนงบประมาณเพื่อขยายการใช้งานไปยังสถานพยาบาลทั่วประเทศ
  • ผลการใช้งานจริงช่วยลดระยะเวลาแปลผลภาพเอ็กซเรย์จากหลายชั่วโมงเหลือเพียง 15 นาที และเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคปอดเป็น 96.3%

วันที่ 12 ธ.ค. 2568 ในการประชุมวิชาการระดับชาติด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า พ.ศ. 2568 “SAFE financing: การเงินการคลังเพื่อระบบสุขภาพไทยในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง” ในเวทีเสวนา นวัตกรรมไทย แรงขับเคลื่อนสู่ความมั่นคงของระบบสุขภาพเละเศรษฐกิจของประเทศ ได้เน้นย้ำแนวทางลดความเหลื่อมล้ำทางการแพทย์ และเพิ่มโอกาสเข้าการรักษาที่มีประสิทธิภาพของผู้ป่วย ภายใต้นโยบายสนับสนุนการใช้นวัตกรรมทางการแพทย์ฯ ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

นางนริศา มัณฑางกูร ผู้อำนวยการโปรแกรมบริหารและพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์และหุ่นยนต์ทางการแพทย์ขั้นสูง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า แม้ว่าในปัจจุบันระบบวิจัยนวัตกรรมของไทยจะมีเครื่องมือเยอะ แต่โจทย์ใหญ่คือจะทำอย่างไรในการนำเอานวัตกรรมและเครื่องมือเหล่านั้น ออกจากหิ้งไปสู่ห้าง หัวใจของการผลักดันและขับเคลื่อนนวัตกรรมการแพทย์สมัยใหม่ จึงไม่ได้อยู่แค่เพียงเรื่องงบประมาณเท่านั้น แต่อยู่ที่วิธีดำเนินการด้วยเช่นกัน ในทางปฏิบัติจึงต้องกำหนดทิศทางที่ชัดเจน โดยเฉพาะ 3 ด้านสำคัญ คือ

 

ชู ‘AI Chest X-ray เพิ่มประสิทธิภาพตรวจคัดกรองวัณโรค - มะเร็งปอด'

 

  1. การมองหานวัตกรรมลดความเหลื่อมล้ำของประเทศ เพื่อให้เครื่องมือเทคโนโลยีระดับสูงทางการแพทย์เข้าถึงทุกคนในพื้นที่ห่างไกลได้ ปิดข้อจำกัดจำนวนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่กระจุกตัวในเมืองใหญ่
  2. การมองหาความคุ้มค่า เครื่องมือแพทย์ที่ผลิตได้เองในประเทศจะลดการนำเข้าปีละเกือบ 1 แสนล้านบาท เป็นโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้เครื่องมือที่ผลิตในประเทศ สามารถทดแทนการนำเข้าและนำไปขยายผลใช้งานได้จริง
  3. การจัดทำบัญชีนวัตกรรมไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นมาตรฐานไทยเทียบชั้นมาตรฐานโลก และเพื่อให้สามารถนำไปขายในต่างประเทศได้ด้วย

 

นพ.นิธิวัชร์ แสงเรือง รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ระบุว่า สปสช. ในฐานะหน่วยงานรับไม้ต่อ ได้ดำเนินการขยายนวัตกรรมสมัยใหม่ที่คิดค้นโดยคนไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและการเข้าถึงของประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งภายใต้นโยบายสนับสนุนการใช้นวัตกรรมทางการแพทย์ฯ ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้มีการวางรากฐานตั้งแต่ปีงบประมาณ 2560 โดยมติ ครม. ได้เห็นชอบให้หน่วยงานรัฐจัดซื้อผลิตภัณฑ์ ที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทยได้อย่างน้อย 30% ของปริมาณความจำเป็นที่ต้องการใช้ ซึ่งคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.)  ก็ได้ขานรับนโยบาย โดยสนับสนุนการจัดหาผลิตภัณฑ์ตามบัญชีนวัตกรรมไทย ทั้งในรายการยา เวชภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ตามโครงการพิเศษ 

ล่าสุดในปีงบประมาณ 2568 มติบอร์ด สปสช. เห็นชอบกรอบประเมินความคุ้มค่าเพื่อการพัฒนาองค์กรมหาชนของ สปสช. โดยประเมินจากมูลค่าผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย/ผลิตในประเทศ และนำมาใช้ในระบบหลักประกันสุขภาพฯ พร้อมเน้นย้ำจุดยืนในการขยายผลสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่เป็นอุตสาหกรรมในประเทศและบัญชีนวัตกรรมไทยด้านการแพทย์ ซึ่งรวมถึงการร่วมทุน การส่งเสริมจากรัฐ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และส่งเสริมความมั่นคงทางสุขภาพ โดยพิจารณาคุณภาพผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยรวม 

สำหรับงบประมาณสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ในบัญชีนวัตกรรมไทย ปีงบประมาณ 2568-2669 ได้จัดสรรเพิ่มขึ้นจาก 180 ล้านบาท เป็น 300 ล้านบาท ครอบคลุม

  • รากฟันเทียม
  • ถุงทวารเทียมและแป้นปิดรอบลำไส้
  • แผ่นปิดกะโหลกไทเทเนียม
  • ชุดตรวจคัดกรองพยาธิใบไม้ตับในปัสสวะ (OV-ATK)
  • อุปกรณ์เท้าเทียมไดนามิกส์
  • บริการอ่านภาพถ่ายรังสีเอกซเรย์ทรวงอกด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI Chest X-ray)

ซึ่งในบริการสุดท้ายนี้ผลลัพธ์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ไม่เพียงสามารถขยายการคัดกรองเข้าถึงผู้ป่วยได้ทุกกลุ่มและในทุกพื้นที่ ขณะเดียวกันยังเพิ่มความแม่นยำในการตรวจคัดกรอง และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของหน่วยบริการด้วย ซึ่งระหว่างปีงบประมาณ 2568-2570 สปสช. ได้กำหนดแผนการสนับสนุน AI Chest X-ray รวมทั้งสิ้น 415 ล้านบาท

 

ชู ‘AI Chest X-ray เพิ่มประสิทธิภาพตรวจคัดกรองวัณโรค - มะเร็งปอด'

 

ด้าน สุพิชญา พู่พิสุทธิ์ บริษัท เพอเซ็ปทรา จำกัด ผู้พัฒนา AI Chest X-ray กล่าวถึงจุดเริ่มต้นในการพัฒนานวัตกรรม AI Chest X-ray โดยคนไทย ว่า เริ่มจากการมองหาโจทย์ที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อระบบการแพทย์และสาธารณสุขไทย มุ่งเน้นไปที่กลุ่มโรคสาเหตุเสียชีวิต 10 อันดับแรก พบว่าส่วนใหญ่เกี่ยวกับปอด ซึ่งข้อเท็จจริงที่ค้นพบคือหลายครั้งผู้ป่วยตรวจเจอช้าไป เนื่องจากประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนมีข้อจัดด้านจำนวนแพทย์เหมือนๆ กัน จึงมองว่า AI Chest X-ray จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ข้อจำกัดดังกล่าว จากนั้นจึงได้ดำเนินการพัฒนาร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โดยมีการนำข้อมูลของคนไทยและชาวเอเชีย เข้าไปเทรนด์ในระบบ AI เพื่อศึกษาเข้าใจความชุกของโรคของคนและภูมิภาคนี้ จากนั้นได้มีการปรับปรุงอีกหลายเวอร์ชันเพื่อตอบโจทย์การวิฉิจฉัยได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ เพราะเราต้องการทำคุณภาพเทียบเท่าหรือดีกว่าของต่างประเทศ แต่ยังต้องเข้ากับบริบทของประเทศไทยและคนในภูมิภาคอาเซียนด้วย

 

ขณะที่ รศ.นพ.ตรงธรรม ทองดี หัวหน้าภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวเสริมว่า หัวใจสำคัญของการสร้างนวัตกรรมใหม่คือต้องทำให้ผู้ใช้งานมีความสุข ขณะเดียวกันเครื่องมือเหล่านี้จะเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจวินิจฉัย ลดความผิดพลาดของรังสีแพทย์ ในฐานะตัวแทนอาจารย์แพทย์และเป็นหมอ X-ray เห็นถึงข้อจำกัดความไม่เพียงพอของแพทย์เฉพาะทาง ที่มีความเชี่ยวชาญและสามารถอ่านฟิล์มได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากหมอที่จบใหม่ยังต้องใช้เวลาเรียนเพิ่มเพิ่มพูนประสบการณ์อีก 3 ปี ซึ่งในโรงเรียนแพทย์อย่างมากก็เทรนด์ได้ 200-300 คนเท่านั้น จึงไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ดังนั้น ระบบ AI Chest X-ray จึงเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความมั่นใจให้กับแพทย์ โดยเฉพาะประสิทธิภาพในการตรวจคัดกรองวัณโรคและมะเร็งปอดที่แม่นยำ เนื่องจากระบบมีฐานข้อมูลจำนวนมากหลายล้านภาพสำหรับประมวลผล 

 

“ปัญหาของคนไทยจำนวนมาก คือส่วนใหญ่ไม่มีสิทธิเลือก แต่เมื่อนำระบบ AI Chest X-ray มาใช้จะช่วยให้ผู้ป่วยไม่ว่าจะรักษาที่ไหน ก็เหมือนได้รักษามาตรฐานเดียวกับที่มาตรวจในโรงเรียนแพทย์ นับเป็นมาตรฐานใหม่ของคนไทย ซึ่ง สปสช. ก็ได้มอบสิทธิประโยชน์นี้ให้กับสถานบริการทั่วประเทศแล้ว” รศ.นพ.ตรงธรรม กล่าว 

 

พญ.ธัญพร กาญจนสุวรรณ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเกาะสมุย ร่วมแบ่งปันผลการนำนวัตกรรม AI Chest X-ray ไปใช้ ว่า โรงพยาบาลเกาะสมุยเป็นโรงพยาบาลทั่วไป ขนาด 166 เตียง ปัจจุบันมีรังสีแพทย์ 2 คน ได้เริ่มนำระบบ AI Chest X-ray มาตรวจคัดกรองในปี 2567 โดย ณ สิ้นปีงบประมาณ 2568 สามารถดำเนินการคัดกรองได้มากถึง 45,000 เคส ครอบคลุมทุกกลุ่มประชากรในพื้นที่ นับเป็นนวัตรกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการตรวจคัดกรอง อีกทั้งยังช่วยลดระยะเวลาในการแปลผลด้วย จึงช่วยให้แพทย์ผู้ตรวจรักษาที่ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการอ่านผล X-ray มีความมั่นใจมากขึ้น รวมถึงสามารถขยายพื้นที่ตรวจคัดกรองวัณโรคไปยังโรงพยาบาลชุมชนสามารถใช้ระบบ AI อ่านผลได้เช่นกัน เมื่อพบความผิดปกติก็สามารถส่งต่อการรักษาผ่านเครือข่ายได้ทันที ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาตรวจซ้ำ รวมถึงเพิ่มความรวดเร็วในการตรวจคัดกรองวัณโรคปอดผู้ต้องขังในเรือนจำด้วยเช่นกัน

 

“ผลลัพธ์การดำเนินการในปีงบประมาณที่ผ่านมา ไม่เพียงช่วยเพิ่มจำนวนการอ่านภาพ X-ray ได้มากกว่า 100,000 ภาพ โดยมีต้นทุนเพียงภาพละ 4 บาทเท่านั้น ยังช่วยลดระยะเวลาในการแปลผลคัดกรองจาก 48 ชั่วโมง เหลือเพียง 15 นาที ที่สำคัญคือความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคปอดเพิ่มขึ้นเป็น 96.3% จาก 87% ไม่เพียงเท่านั้นในด้านการยกระดับบริการสาธารณสุข ยังช่วยลดการใช้ทรัพยากรบุคคลลง 35% ลดอัตราแพร่เชื้อวัณโรคในเรือจำได้มากกว่า 62% และประหยัดงบประมาณได้ถึง 7.2 ล้านบาท” พญ.ธัญพร กล่าว

 

ภญ.ธมลวรรณ ดุลสัมพันธ์ มูลนิธิเพื่อการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ ชี้ว่าเป็นเรื่องปกติที่การนำนวัตกรรมและระบบ AI เข้ามาเพิ่มเติมในการตรวจคัดกรอง ย่อมตามมาด้วยจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามจากการประเมินความคุณค่าทางเศรษฐศาสตร์ โดยวิเคราะห์ต้นทุนที่เกิดขึ้นและผลลัพธ์ทางสุขภาพที่ได้รับ ผลศึกษายืนยันว่าระบบ AI Chest X-ray มีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ สะท้อนจากผลลัพธ์ทั้งตัวเลขจำนวนการตรวจคัดกรอง ทั้งในโรงพยาบาลและการออกตรวจแบบโมบายในพื้นที่ชุมชนห่างไกล รวมถึงในเรือนจำที่ต้องป้องกันการแพร่ระบาดมากกว่าปกติ เนื่องจากโดยทั่วไปหากเป็นในโรงพยาบาลผู้อ่านผลจะเป็นรังสีแพทย์ แต่ในการออกพื้นที่อาจเป็นแพทย์ทั่วไป เมื่อนำระบบ AI เข้ามาใช้จึงเพิ่มความแม่นยำมากขึ้น ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก อีกทั้งป้องกันการแพร่กระจายเชื้อทั้งในครอบครัวและชุมชนด้วย

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68