posttoday

มาเลเซียปักหมุดฮับหนุน SME อาเซียนเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียว

16 สิงหาคม 2568

มาเลเซียรับบทเจ้าภาพ ตั้ง 'ศูนย์ความเป็นเลิศฯ' ช่วย SME อาเซียนเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียว มุ่งแก้ปัญหาขาดความรู้-เงินทุน พร้อมดึงเทคโนโลยีจากจีนเป็นพี่เลี้ยง

 

ภายในงาน "Asean-China Innovative Economic Forum 2025" ได้มีการเปิดเผยวิสัยทัศน์ครั้งสำคัญเกี่ยวกับการสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ในอาเซียนให้สามารถเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียวได้อย่างยั่งยืน 

 

โดย นายอัดเมน ฮัสซัน (Admen Hassan) หัวหน้าสถาบัน SME แห่งศูนย์พัฒนาและวิจัยผู้ประกอบการ (CEDAR) จากประเทศมาเลเซีย ได้ขึ้นกล่าวในหัวข้อ "Driving the green transition effort of asean smes"

 

โดยเน้นย้ำถึงความท้าทายและโอกาสของผู้ประกอบการ SME ในภูมิภาค พร้อมประกาศจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือแห่งใหม่เพื่อขับเคลื่อนวาระดังกล่าว

 

นายอัดเมนกล่าวว่า ปัจจุบัน SME ถือเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยมีสัดส่วนมากกว่า 90% ของธุรกิจทั้งหมดและเป็นแหล่งจ้างงานหลักของประชากร

 

อย่างไรก็ตาม SME ก็เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษทางอุตสาหกรรมที่สำคัญเช่นกัน และกำลังเผชิญกับอุปสรรคมากมายในการปรับตัวสู่แนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Practices)

 

"อุปสรรคสำคัญที่ SME ต้องเผชิญมีทั้งข้อจำกัดด้านการเงิน การขาดความตระหนักรู้ ช่องว่างทางเทคนิค และความซับซ้อนของกฎระเบียบ" นายอัดเมนกล่าว 

 

"ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจว่าความยั่งยืนคืออะไร หรือเหตุใดแนวปฏิบัติสีเขียวจึงมีความสำคัญต่อธุรกิจของพวกเขา เพราะสิ่งที่พวกเขากังวลที่สุดคือการเอาตัวรอดในระยะสั้น เช่น จะหาเงินจ่ายค่าเช่าในเดือนหน้าได้อย่างไร ไม่ใช่เป้าหมายระยะยาวในปี 2030 หรือ 2050"

 

 

นายอัดเมนชี้ให้เห็นว่า หาก SME ไม่สามารถปรับตัวได้ ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกกีดกันออกจากห่วงโซ่อุปทานโลก (Global Supply Chain) และพลาดโอกาสทางการค้าและการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ

 

ในทางกลับกัน ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านสู่สีเขียวจะได้รับโอกาสเข้าถึงข้อตกลงทางธุรกิจและแหล่งเงินทุนที่ดีกว่า รวมทั้งสามารถขยายตลาดไปยังนานาประเทศได้กว้างขวางขึ้น

 

ด้วยเหตุนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียนจึงได้ริเริ่มโครงการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือ SME ทั้งในรูปแบบของสิทธิประโยชน์ทางภาษี การให้ความช่วยเหลือทางเทคนิค และการสร้างความตระหนักรู้

 

ไฮไลท์สำคัญของการบรรยายคือ การประกาศจัดตั้ง ศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในภูมิภาคอาเซียนสามารถปรับตัวเข้าสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Green Transition) ได้อย่างราบรื่นและยั่งยืน

 

หรือ The ASEAN Centre of Excellence (CoE) for SME in Green Transition  ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยประเทศมาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพ

 

 

ศูนย์ดังกล่าวจะมีภารกิจหลักในการสนับสนุน SME ทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน ดังนี้:

  • เป็นแนวทางที่เป็นมิตร (Friendlier Guide): ช่วยให้ SME เข้าใจและเริ่มต้นการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียวได้ง่ายขึ้น

 

  • การปฏิรูปธุรกิจ (Business Transformation): ช่วยเหลือในการปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจให้สอดคล้องกับหลักความยั่งยืน

 

  • การจัดทำรายงานความยั่งยืน (Sustainability Reporting): ให้ความรู้และเครื่องมือในการจัดทำรายงานเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

 

  • การเข้าถึงแหล่งเงินทุน (Access to Finance): เชื่อมโยง SME กับแหล่งเงินทุนสำหรับโครงการสีเขียว

 

  • สร้างความตระหนักรู้ถึงโอกาส (Awareness Programs): จัดกิจกรรมและเวทีทางธุรกิจเพื่อให้ SME เห็นโอกาสใหม่ๆ จากการปรับตัว

 

นายอัดเมนยังได้เน้นย้ำถึงบทบาทความร่วมมือระหว่างอาเซียนและจีน โดยมองว่าจีนสามารถเป็นพันธมิตรที่สำคัญในการแบ่งปันเทคโนโลยีสีเขียวที่มีราคาเหมาะสมและขยายผลได้จริง รวมถึงองค์ความรู้และผู้เชี่ยวชาญ 

 

นอกจากนี้ บริษัทขนาดใหญ่ของจีนยังสามารถเข้ามาเป็นพี่เลี้ยง (Mentor) ให้กับ SME ในอาเซียน เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

 

"การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศฯ และความร่วมมือกับจีน ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้ SME ในอาเซียนไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แต่จะสามารถเติบโตไปพร้อมกับกระแสเศรษฐกิจโลกที่มุ่งเน้นความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง" นายอัดเมนกล่าวทิ้งท้าย

 

ข่าวล่าสุด

กต.ชี้ กัมพูชาปิดด่านห้ามคนไทยกลับประเทศขัดกฎหมายระหว่างประเทศ