OTOD ปี 2 หนุนชุมชนสู่ เกษตรอัจฉริยะ ปั้นมูลค่าทางเศรษฐกิจ 500 ล้าน
เปลี่ยนผ่านเกษตรแบบดั้งเดิมสู่เกษตรอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยีโดรน –แทรกเตอร์ – IoT คาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทต่อปี
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ภาคเกษตรกรรมมีความสำคัญและถือเป็นเสาหลักของระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวงดีอี มุ่งพัฒนาศักยภาพเกษตรกรโดยการส่งเสริมให้เกิดการปรับเปลี่ยนสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการขับเคลื่อนให้เกิดการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลด้านการเกษตร มาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ ซึ่งถือเป็นส่วนช่วยในการสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศ และหนึ่งในโครงการสำคัญที่เป็นกลไกขับเคลื่อนแนวทางดังกล่าวคือ โครงการ One Tambon One Digital: OTOD#2 ที่ดำเนินการโดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า
โครงการ OTOD#2 ส่งเสริมให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลภาคการเกษตรแก่เกษตรกร กลุ่มชุมชน และช่างชุมชนใน 5 ภูมิภาคทั่วไทย โดยมีจำนวนผู้เข้ารับการส่งเสริมแยกตามภูมิภาค ประกอบด้วย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 54.83% ภาคเหนือ 18.88% ภาคกลาง 14.16% ภาคตะวันออก 8.31% และภาคใต้ 3.82% ซึ่งเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ IoT ภาคการเกษตรอัจฉริยะ โดรนเพื่อการเกษตร และแทรกเตอร์การเกษตรอัจฉริยะ ตามลำดับ
ทั้งหมดจะช่วยส่งเสริมให้ชุมชนสามารถสร้างรายได้และก้าวทันความเปลี่ยนแปลงในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นการสร้างสังคมดิจิทัลบนฐานความรู้อย่างทั่วถึง สนองตอบเป้าหมายสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัล เพื่อสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศตามแผนการดำเนินงานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศ
ด้านนายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าวว่า โครงการ OTOD#2 มุ่งส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทักษะดิจิทัลเพื่อการเกษตร เพื่อยกระดับกระบวนการผลิต ตั้งแต่การเพาะปลูก การดูแลรักษา และการจัดการผลผลิต อีกทั้งเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่เกษตรอัจฉริยะในอนาคต และยกระดับคุณภาพชีวิตกลุ่มชุมชน เกษตรกร ช่างชุมชน
อีกทั้งปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ด้วยการประยุกต์ใช้ 3 เทคโนโลยีดิจิทัลที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน dSURE และขึ้นทะเบียนบนบัญชีบริการดิจิทัล ได้แก่ โดรนเพื่อการเกษตร แทรกเตอร์การเกษตรอัจฉริยะ และ IoT ภาคการเกษตรอัจฉริยะ
สำหรับโครงการ OTOD#2 เริ่มต้นตั้งแต่การจัดทำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ใน 3 เทคโนโลยี จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการยกระดับทักษะเข้มข้น (Accelerate) ซึ่ง ดีป้า ได้ลงพื้นที่ 11 จังหวัด และจัดกิจกรรมอบรมข้อมูลเทคโนโลยี จับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เขียนข้อเสนอโครงการ และการนำเสนอ (Pitching) ข้อเสนอโครงการที่ผ่านการคัดเลือก (Pre-screen) ต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน 5 จังหวัด 5 ภูมิภาค ก่อนเข้าสู่เวทีตัดสินระดับประเทศในวันนี้
ทั้งนี้ โครงการ OTOD#2 เป็นโครงการที่เราเน้นให้เกษตรกรที่เป็นกลุ่มชุมชน และกลุ่มธุรกิจชุมชน สามารถ ‘คิดเอง ทำเป็น ทำได้’ เริ่มจากการเรียนรู้และการคัดเลือกเทคโนโลยีด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน โดยมี ดีป้า เป็นพี่เลี้ยงคอยสนับสนุนเท่าที่จำเป็น เพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่ได้มาตรฐาน dSURE ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ กลุ่มชุมชนและธุรกิจชุมชนเพิ่มทักษะเรื่องเทคโนโลยี โดยเรียนรู้ผ่านสื่อการเรียนรู้ออนไลน์อย่างต่อเนื่องกว่า 550,000 ราย
มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมยกระดับทักษะเข้มข้นกว่า 1,300 รายจากเป้าหมาย 1,000 ราย และมีผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่รอบ Final Pitching กว่า 500 ราย ซึ่งคาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาทต่อปี สอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการที่มุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาทักษะ Digital Agriculture เพื่อร่วมขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทยสู่เกษตรอัจฉริยะ และก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม ดีป้าได้จัดกิจกรรม Digital Agriculture Final Pitching Day เป็นเวทีตัดสินสุดยอดโครงการยกระดับชุมชนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่เปิดโอกาสให้กลุ่มชุมชนและธุรกิจชุมชนจาก 5 ภูมิภาคได้โชว์ศักยภาพ แบ่งเป็น 2 ประเภท ประกอบด้วย
1.ประเภทกลุ่มชุมชนประยุกต์ใช้เทคโนโลยี จำนวน 350 ราย รับการส่งเสริมสนับสนุนสูดสุด 150,000 บาทต่อโครงการ และ 2. ประเภทพัฒนาธุรกิจชุมชน จำนวน 50 ราย รับการส่งเสริมสนับสนุนสูงสุด 200,000 บาทต่อโครงการ
พร้อมกันนี้ยังมีรางวัลดีเด่นสำหรับสุดยอดโครงการของทั้ง 2 ประเภท อีก 3 รางวัล รวมทั้งสิ้น 6 รางวัล โดยทีมชนะเลิศได้รับรางวัลมูลค่า 50,000 บาท รองชนะเลิศอันดับที่ 1 รับรางวัลมูลค่า 30,000 บาท และรองชนะเลิศอันดับที่ 2 รับรางวัลมูลค่า 20,000 บาท
ทีมที่ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทกลุ่มชุมชนประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคือ วิสาหกิจชุมชนหอมเชียงม่วนภาคเหนือ และทีมที่ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทพัฒนาธุรกิจชุมชนคือ นายอรันดร์ จันโท
นอกจากนี้ ภายในงานตลอดทั้ง 2 วัน (5 – 6 ส.ค.) ยังมีการเปิดพื้นที่จำลอง 3 เทคโนโลยีเพื่อการเกษตรสุดล้ำ ทั้งเทคโนโลยีโดรนเพื่อการเกษตร แทรกเตอร์การเกษตรอัจฉริยะ และ IoT ภาคการเกษตรอัจฉริยะ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กลุ่มชุมชน เกษตรกร เข้าใจการยกระดับภาคการเกษตรอัจฉริยะยิ่งขึ้น รวมไปถึงเวทีเสวนาเข้มข้นที่ระดมหัวกะทิจากทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกรที่เป็นผู้รู้ตัวจริงในวงการเกษตรดิจิทัลร่วมมอบไอเดียพลิกชีวิตด้วยเทคโนโลยีเพื่อการเกษตรแบบครบจบในงานเดียว
กิจกรรม Digital Agriculture Final Pitching Day ในวันนี้ทำให้เห็นว่า เกษตรกรไทยของเราเก่ง มีดี ขอเพียงได้รับการสนับสนุนอย่างถูกวิธี พี่น้องเกษตรกรก็จะเติบโตได้ด้วยตนเองอย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายณัฐพล กล่าวว่า ก้าวต่อไป ดีป้า จะขยายการส่งเสริมสนับสนุนต่อเนื่องผ่านโครงการ OTOD ประกอบด้วย OTOD AI Transformation ช่วยชาติ ซึ่งเป็นโครงการที่จะเร่งส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในกลุ่มชุมชน ผู้ประกอบการ เกษตรกร และธุรกิจโรงงาน รวม 10,000 ราย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล และ OTOD ทุเรียนดิจิทัล ส่งเสริมและยกระดับเกษตรกรทุเรียนด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ในเฟสที่ 2
พร้อมกันนี้ ดีป้า ยังได้ร่วมกับ กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ผลักดันมาตรการลดหย่อนภาษี 200% ซึ่ง ดีป้า ต้องการให้คนไทยทุกคนสามารถรู้ เข้าใจ และประยุกต์ใช้ดิจิทัลเป็น เพื่อให้เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศเติบโตอย่างมั่นคง


