posttoday

CREDIT กางแผนครึ่งหลัง เจาะไมโครเอสเอ็มอี ดันสินเชื่อปี 68 โต 10-15%

01 สิงหาคม 2568

เปิดแผนธุรกิจ CREDIT ครึ่งปีหลัง ลุยขยายฐานลูกค้าสินเชื่อไมโครเอสเอ็มอี หนุนสินเชื่อดีกว่าครึ่งปีแรก ดันปี 68 โตเข้าเป้า 10-15% เข้มปล่อยสินเชื่อแบบระมัดระวัง คุม NPL ไม่เกิน 4.5%

นายรอยย์ ออกุสตินัส กุนารา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในอนาคต และกลยุทธ์การเติบโตของธนาคาร จะมาจากการเติบโตของผลิตภัณฑ์หลัก โดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก และกลุ่มลูกค้าที่เข้าไม่ถึงการเงินในระบบ โดยปีนี้ธนาคารมุ่งเน้นที่คุณภาพสินทรัพย์ และความเป็นเลิศในการดำเนินงาน

รวมไปถึง Digital Transformation การพัฒนาแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่องยกระดับนวัตกรรมดิจิทัล ให้ทันสมัยเพื่อสร้างประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีและปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวม 

ทั้งนี้ ในปี 2568 ธนาคารยังคงเป้าหมายการขยายตัวของสินเชื่อ 10-15% จากครึ่งปีแรกขยายตัว 5.2% มุ่งเน้นการเติบโตสินเชื่อไปพร้อมกับการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอีเป็นหลัก ที่สัดส่วนประมาณ 70% 

นอกจากนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ในช่วง 7.5-8% จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 7.4% และรักษาต้นทุนต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ให้อยู่ในระดับ 42-43% จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 42.7% เป็นผลมาจากธนาคารได้มีการลงทุนด้านไอที ทำให้ต้นทุนต่อรายได้ยังไม่ได้ปรับลดลง แต่จะส่งผลดีในระยะยาว หากธนาคารสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ได้เพิ่มขึ้น จะช่วยให้ต้นทุนต่อรายได้ปรับลดลงได้

ขณะที่อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL) ควบคุมให้อยู่ในระดับไม่เกิน 4.5% จากครึ่งปีแรก ลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 4.3% เนื่องจากธนาคารยังคงควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง

CREDIT กางแผนครึ่งหลัง เจาะไมโครเอสเอ็มอี ดันสินเชื่อปี 68 โต 10-15%  

ส่วนเป้าหมายต้นทุนความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อ (Credit cost) อยู่ที่ 2-2.7% จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 2.08% และผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ 15.5-20% จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 15.5% 

นายรอยย์ กล่าวถึงกรณีสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าไทยในอัตรา 19% ว่าเป็นอัตราที่ไม่ได้แย่ ซึ่งลดลงมาจาก 36% โดยลูกค้าของธนาคารไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้ประกอบการนำเข้าและส่งออก อย่างไรก็ตาม ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย ขณะที่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากภาษีดังกล่าวก็ต้องมีการปรับตัว เพื่อให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ 

นายกิตติพันธ์ ศรีวรรณวิทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงาน ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT กล่าวว่า ภาพรวมการเติบโตสินเชื่อในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 คาดจะดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากช่วงไฮซีซั่นช่วงการปล่อยสินเชื่อจะอยู่ในช่วงปลายไตรมาส 3 ถึงต้นไตรมาส 4 

โดยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จะมาจากสินเชื่อเพื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอีเป็นหลัก รวมทั้งสินเชื่อที่ใช้บ้านเป็นหลักประกัน และสินเชื่อบุคคล คาดว่าจะเติบโตได้ดี ขณะที่สินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตน่าจะทรงตัว 

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 สินเชื่อขยายตัว 5.2% จากสิ้นเดือน ธ.ค.2567 มียอดสินเชื่อคงค้าง 171,661.8 ล้านบาท สวนทางค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่หดตัว 0.4% 

CREDIT กางแผนครึ่งหลัง เจาะไมโครเอสเอ็มอี ดันสินเชื่อปี 68 โต 10-15%

สำหรับสินเชื่อเพื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี ขยายตัว 14.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดสินเชื่อคงค้าง 115,994.2 ล้านบาท สินเชื่อที่ใช้บ้านเป็นหลักประกัน ขยายตัว 13.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดสินเชื่อคงค้าง 26,704.9 ล้านบาท และสินเชื่อบุคคล ขยายตัว 66.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดสินเชื่อคงค้าง 7,515.8 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อนาโนและไมโครเครดิต หดตัว 3.8% มียอดสินเชื่อคงค้าง 21,377.8 ล้านบาท เป็นผลจากการรักษาคุณภาพสินเชื่อ 

ในส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 925.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.5% จากไตรมาสก่อน ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรก ธนาคารมีกำไรสุทธิ 1,828.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม ขยายตัว 3.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

ปัจจัยหลักที่ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น มาจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 36.7% จากการบริหารการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังของธนาคาร นอกจากนี้ ในปี 2568 ธนาคารมีการออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่อง เช่น โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อเร่งการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เพื่อป้องกันลูกหนี้ไหลเป็น Stage 2 และ Stage 3 ส่งผลให้ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ดีขึ้น

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันจันทร์ที่ 15 ธ.ค. 68