"EXIM BANK" ชูแผนหนุนผู้ประกอบการไทย เผชิญหน้ายุควิกฤตซ้อนวิกฤต

ดร.เบญจรงค์ สุวรรณคีรี รองกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวในงานสัมมนา Thailand SMART SME 2025 “Smart Solutions & Sustainable Growth” จัดโดย PostToday ในหัวข้อ SMART FINANCIAL SOLUTIONS เปิดเผยว่า ในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาตึงเครียดจนต้องปิดด่านชายแดน

 

เป็นสถานการณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มข้นของบริบทภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาค ซึ่งกระทบโดยตรงกับผู้ประกอบการที่ต้องปรับตัวภายใต้ข้อจำกัดที่รัดตัวมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs ที่ต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างเร่งด่วน

 

ภาคธุรกิจไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่เรียกว่า "โพลีพลัส" หรือ วิกฤตหลายด้านที่เกิดขึ้นพร้อมกัน  ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายนอกจากนโยบายของต่างประเทศ หรือการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันที่ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่

 

มีคำถามว่า ทำไมช่วงนี้ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาจึงต้องพบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด นโยบายของประธานาธิบดีประเทศมหาอำนาจเปลี่ยนแปลงโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า เช่น

-การประกาศเปลี่ยนอัตราภาษี

-การเจรจาข้อตกลงการค้าใหม่

-การสลับขั้วความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

ประเทศที่เคยเป็นคู่แข่งกลายมาเป็นมิตร และในทางกลับกัน ประเทศพันธมิตรก็อาจกลายเป็นศัตรูในเวทีการค้าโลก

“กติกาโลกใหม่ในการค้าระหว่างประเทศคือ — ไม่มี ‘กติกา’ อีกต่อไป” นี่คือข้อเท็จจริงที่ทำให้ผู้ประกอบการหลายคนตั้งคำถามว่า WTO ยังมีอยู่หรือไม่ และถ้ายังมีอยู่ ก็หายไปไหน? โลกปัจจุบันเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่ความขัดแย้งในหลายภูมิภาคก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

สิ่งเหล่านี้สร้างความลำบากให้กับภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นความกังวลในการทำการค้า การวางแผนธุรกิจ ต้นทุนที่ไม่แน่นอน ตลอดจนความเสี่ยงที่ยากจะประเมินล่วงหน้าได้

 

สำหรับความท้าทายที่ผู้ส่งออกไทยเผชิญ หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ผู้ส่งออกไทยต้องเจอในขณะนี้คือ “ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ” หรือที่เรียกกันว่าภาษีทรัมป์ ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าภาษีสุดท้ายจะอยู่ที่อัตราเท่าใด (ปัจจุบันประกาศไว้ที่ 36% แต่ยังอยู่ระหว่างการเจรจา)ผู้ส่งออกมีเวลาราว 3 เดือนในการปรับตัว และตัดสินใจร่วมกับคู่ค้า ว่าจะแบ่งภาระภาษีกันอย่างไรในห่วงโซ่การค้า

 

นอกจากภาษีแล้ว ต้นทุนการผลิตและค่าระวางเรือที่ผันผวนจากปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ ก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญ โดยเฉพาะ SMEs ที่ไม่มีทีมบริหารจัดการต้นทุนแบบองค์กรขนาดใหญ่

 

ปัญหาสภาพคล่องในระบบสินเชื่อก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทาย โดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs ที่มีข้อจำกัดเรื่องหลักประกัน ทำให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME D Bank) ต้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือมากขึ้น

ดร.เบญจรงค์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ความเสี่ยงในระยะยาวไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเรื่องภาษีเท่านั้น แต่รวมถึงประเด็นใหญ่ระดับโลก เช่น

- ความไม่แน่นอนของอัตราภาษีจากคู่ค้าสำคัญ

- สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ (เช่น สหรัฐฯ-จีน)

- ภาวะโลกร้อนที่ทำให้สภาพอากาศแปรปรวน เช่น พายุ น้ำท่วม ภัยแล้ง

- มาตรการสีเขียว (Green Measures) ที่จะกลายเป็นกฎเกณฑ์ถาวรในการค้าระหว่างประเทศ

 

มาตรการเหล่านี้ไม่ใช่เพียง “กำแพงภาษีชั่วคราว” แต่เป็นการปรับโครงสร้างเชิงลึกของระบบการค้าโลกในอนาคต สิ่งที่ผู้ประกอบการควรทำ ภายใต้ความไม่แน่นอนนี้ ผู้ประกอบการไทยควร “ตื่นตัว” มากกว่าตื่นตระหนก และเตรียมพร้อมรับมือด้วยแนวทางเหล่านี้

 

- อย่าเก็งกำไรค่าเงิน : เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนสูง และคาดเดายากมากในปีนี้

- ทำแผน Scenario Planning : เตรียมแผน A, B, C ไว้ล่วงหน้าสำหรับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง

- เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต : ลดต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

- มองหาตลาดใหม่ : แม้จะไม่ง่าย เพราะทุกประเทศต่างแย่งชิงตลาดเช่นกัน

-ใช้เครื่องมือประกันความเสี่ยงจาก EXIM Bank : ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคู่ค้าต่างประเทศ และประกันการชำระเงิน

 

สำหรับมาตรการช่วยเหลือจาก EXIM Bank

EXIM Bank ได้เตรียมมาตรการรองรับและช่วยเหลือผู้ส่งออกไทยที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตซ้อนวิกฤตนี้ ไม่ว่าจะเป็น

- ลดอัตราดอกเบี้ย 20%

- ยืดระยะเวลาชำระหนี้ 365 วัน

- เติมสภาพคล่อง

- สนับสนุนผู้ประกอบการในการหาตลาดใหม่ และเข้าร่วมงานแสดงสินค้า

- ให้บริการประกันความเสี่ยงด้านการชำระเงินจากคู่ค้า

- เสนอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan)

- เปิดช่องทางติดต่อผ่าน Facebook ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวก

 

แม้ว่าตัวเลขการส่งออกในครึ่งปีแรกจะดูดี จากความพยายามของผู้ประกอบการในการเร่งส่งออกเพื่อหลบภาษี แต่แนวโน้มในครึ่งปีหลังยังคงน่าเป็นห่วง EXIM Bank พร้อมที่จะเป็นแนวร่วมสำคัญในการพาผู้ส่งออกไทย “ปรับตัว-ฝ่าวิกฤต” ไปสู่โอกาสใหม่ในตลาดโลกที่ไม่หยุดนิ่ง