posttoday

ถอดไอเดีย V!NG รองเท้าแตะวิ่งมาราธอน แบรนด์ไทยดังไกลระดับโลก

06 มิถุนายน 2568

V!NG รองเท้าแตะวิ่งมาราธอนสัญชาติไทยแบรนด์แรก จากไอเดีย “วาที วิเชียรนิตย์” ผู้เชื่อในพลังของการคิดต่าง ปั้นแบรนด์จากศูนย์ ทำยอดขายทะลุ 150 ล้านบาท

KEY

POINTS

  • V!NG รองเท้าแตะวิ่งมาราธอนสัญชาติไทยแบรนด์แรก 
  • จากไอเดีย “วาที วิเชียรนิตย์” ผู้เชื่อในพลังของการคิดต่าง ปั้นแบรนด์จากศูนย์ ทำยอดขายทะลุ 150 ล้านบาท
  • วางเป้าอีก 5 ปี แตะพันล้าน วาดฝันใหญ่พาแบรนด์ก้าวสู่ระดับยูนิคอร์นสัญชาติไทย

ในสนามขอนแก่นมาราธอน ครั้งที่ 20 เมื่อเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา นักวิ่งชาวเคนยานามว่า Banabas Kiplimo เป็นผู้คว้าแชมป์มาราธอนระยะ 42.195 กิโลเมตร เข้าเส้นชัยด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 18 นาที 55 วินาที เร็วพอจะลุ้นทำลายสถิติโลก และทิ้งห่างอันดับสองไปเกือบ 3 นาที

 

แต่สิ่งที่ทำให้ภาพของเขาถูกส่งต่อไปทั่วโลก ไม่ใช่เพียงตัวเลขบนสถิติ... แต่คือสิ่งที่เขาสวมใส่

 

Kiplimo ไม่ได้สวมรองเท้าวิ่งจากแบรนด์กีฬาระดับโลก แต่เขาสวม “รองเท้าแตะ” จากแบรนด์ไทยที่ชื่อว่า V!NG (วีอิ้ง) 

 

ภาพของเขาที่เข้าเส้นชัยด้วยรองเท้าแตะ สร้างความตื่นตะลึงให้กับทั้งวงการกีฬา และกลายเป็นข่าวดังในหลายประเทศ ทั้งจากความเร็วอันน่าทึ่งของนักวิ่ง และจาก “ความกล้า” ของแบรนด์ไทยที่กล้าท้าทายขีดจำกัดของรองเท้าวิ่งแบบเดิมๆ ที่ไม่จำเป็นต้องหุ้มส้น
 

เหตุการณ์นี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ V!NG หลังจากสร้างแบรนด์มาแล้ว 6 ปี 

 

โพสต์ทูเดย์  ได้พูดคุยกับ วาที วิเชียรนิตย์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ V!NG เมื่อครั้งที่เขาเข้ารับรางวัล Bai Po Business Awards by Sasin ครั้งที่ 20 ที่จัดโดยธนาคารไทยพาณิชย์ และสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

วาที เล่าว่า แบรนด์ V!NG อาจไม่ใช่รายแรกของโลกที่ทำรองเท้าแตะสำหรับวิ่งมาราธอน แต่เป็นแบรนด์แรก ๆ ที่ใช้วัสดุ Carbon Plate สำหรับผลิตรองเท้าแตะ และนำไปใช้ในการแข่งขันวิ่งโดยมีคุณสมบัติเสมือนรองเท้า Super Shoe  ช่วยเสริมแรงส่ง เบา ติดเท้า และเพิ่มความเร็วให้กับนักวิ่ง

 

ถอดไอเดีย V!NG รองเท้าแตะวิ่งมาราธอน แบรนด์ไทยดังไกลระดับโลก

 

ไอเดียเกิดขึ้นกลางสนามวิ่งมาราธอน 

 

จุดเริ่มต้นของ V!NG มาจากประสบการณ์ตรงของวาที เมื่อครั้งหนึ่งเขาถูกรองเท้ากัดกลางสนามมาราธอน จนต้องแวะซื้อรองเท้าแตะธรรมดาริมทางมาใส่วิ่งต่อ และพบว่ารองเท้าแตะก็สามารถสวมวิ่งได้ เพียงแต่พื้นไม่รองรับแรงกระแทกอย่างที่ควรจะเป็น


เหตุการณ์นั้นจุดประกายให้เขาอยากพัฒนารองเท้าแตะสำหรับวิ่งมาราธอนขึ้นมา แม้ในตอนนั้นยังทำงานประจำเป็นโปรแกรมเมอร์ และคิดโปรเจกต์นี้เป็นเพียงรายได้เสริม


แล้วเริ่มลงมืออย่างไร? 

 

เขาเล่าว่า พยายามศึกษาตลาด และค้นหานวัตกรรมที่จะช่วยพัฒนาไอเดียรองเท้าแตะมาราธอน และพบว่ายังไม่เคยเห็นแบรนด์ไทยที่ทำรองเท้าแตะสำหรับมาราธอนเลย

 

ระหว่างนั้นก็ซุ่มพัฒนาเก็บเล็กผสมน้อยองค์ความรู้ วิ่งหาโรงงานและทำวิจัย (R&D) อยู่นานเกือบปีและใช้เวลาหลังเลิกงานในการปลุกปั้นโปรดักส์แบบค่อยเป็นค่อยไป พร้อมทั้งสร้างคอมมูนิตี้กับกลุ่มนักวิ่ง

 

“ตอนนั้นผมมีเงินทุนแค่แสนเดียว พอที่จะทำแม่พิมพ์ได้แค่คู่เดียวเท่านั้น แต่ถ้าจะผลิตจริงต้องใช้เงินถึงล้าน” วาทีเล่า
 

แนวคิดแบบสตาร์ทอัป คิดแบบ Lean จึงเกิดขึ้น 

 

ปี 2562 วาทีเริ่มต้นแบรนด์ V!NG ด้วยแนวคิดแบบสตาร์ทอัป ใช้กระบวนการ Lean Process ในการออกแบบธุรกิจ เน้นทดลองเล็ก ๆ ช่วงนั้นแทนที่จะหาทุนจากนักลงทุน เขาเลือกใช้วิธีระดมทุนด้วยการจัดงาน Virtual Run ลูกค้าจ่ายค่าสมัคร 1,000 บาท ได้รองเท้าฟรี ทำให้ได้เงินทุนกลับมา 1 ล้านบาท พร้อมได้ลูกค้ากลุ่มแรกถึง 1,000 คน

 

ด้วยเงินทุนนั้น ทำให้เขาสามารถเปิดตัวรุ่น VING100K รองเท้าแตะคีบรุ่นแรก ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับกลุ่มนักวิ่งอัลตร้ามาราธอน ซึ่งวิ่งระยะไกลกว่า 100 กิโลเมตร

 

“ตอนนั้นเรายังไม่ได้เน้นแพ็กเกจหรือดีไซน์สวยงาม เพราะเราไม่ใช่นักออกแบบ เราเน้นแค่ฟังก์ชั่นล้วน ๆ ผลิตจาก Compound-Eva & TPU นุ่มเบา 100g ป้องกันปัญหาเล็บม่วง รองเท้ากัด ปวดเท้า รองช้ำของนักวิ่ง และสามารถรองรับการวิ่งได้ไกลที่สุด”

 

จากฐานลูกค้าแรกๆ ก็เริ่มขยายฐานลูกค้าเพิ่มเรื่อย ๆ วาทีเริ่มลงมือทุกอย่างเอง ตั้งแต่ออกบูธ ศึกษาการตลาด พัฒนาทีละสเต็ป 

 

เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า ชื่อแบรนด์มาจากคำว่า "วิ่ง" โดยใช้เครื่องหมาย "!" เพื่อเพิ่มเอกลักษณ์และความจำได้ในตลาด

 

ขยายฐานลูกค้า พัฒนารองเท้าเพื่อสุขภาพ

 

อีกช่องว่างในตลาดที่วาทีเห็นเมื่อ 6 ปีก่อนคือ ไม่มีใครพูดถึง “สุขภาพเท้า” อย่างจริงจัง โดยเฉพาะในกลุ่มรองเท้าแตะ เขาพบว่าผู้คนวัย 30 ปีขึ้นไปจำนวนมากเริ่มมีปัญหาเรื่องฝ่าเท้า ปวดเท้า รองช้ำ แม้แต่สายฟิตเนสหรือออกกำลังกายก็ไม่เว้น

 

เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วิกฤตโควิด-19 เกิดขึ้น คนใส่ใจสุขภาพ วาทีหันมาโฟกัสกับแบรนด์อย่างจริงจัง เพื่อขยายฐานลูกค้าพัฒนารุ่นอื่น ๆ ตามมาอีก เช่น รองเท้าแตะรุ่น VARI ซึ่งเกิดจากการร่วมวิจัยกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นโดยใช้วัสดุ TPE (Thermoplastic Elastomer) เป็นรองเท้าแตะเพื่อสุขภาพ 

 

ทำให้วันนี้ ลูกค้าหลักของแบรนด์กลับกลายเป็น “ผู้สูงวัย” จำนวนมาก เพราะพวกเขาต้องการรองเท้าที่ทั้งใส่สบาย ซัพพอร์ต และทันสมัย ไม่ใช่รองเท้าแตะโบราณที่เคยมีในตลาดไทย ซึ่งก็สร้างยอดขายได้กว่า 80,000 คู่แล้ว 

 

ผ่านมากว่า 6 ปี วีอิ้งมีรองเท้าอยู่ 10 รุ่น รองรับทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน การเดินทาง และการแข่งขันวิ่งระยะไกล ซึ่งเขาพยายามฟังเสียงลูกค้า พัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนปีที่ผ่านมาสร้างยอดขายรวมทั้งหมด 150 ล้านบาท (ราว 2-3 แสนคู่) จากตลาดในประเทศเพียงอย่างเดียว

 

ช่องทางสร้างรายได้ มาจากออนไลน์ 60% 

 

โดยมีสัดส่วนการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์กว่า 60% และจำหน่าย 80 จุดจากร้านค้าเฉพาะทาง ไปจนถึงในห้างเซ็นทรัล โรบินสัน สปอร์ตฮอลล์ และร้านรองเท้ากีฬา อีกทั้งเตรียมเปิดแฟลกชิพสโตร์ที่สนามกีฬาเทพหัสดินเร็ว ๆ นี้

 

ในบรรดา 10 รุ่น เขาบอกว่ารุ่นขายดีที่สุดคือ KIRION ซึ่งเป็นรองเท้าแตะรัดส้นสายแอดเวนเจอร์ ด้วยจุดเด่นที่ใส่สบาย ผลิตง่าย และตอบโจทย์ตลาด ทำให้ขายดีต่อเนื่องมาหลายปี ซึ่งราคาของแบรนด์ไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับแบรนด์ดัง เริ่มต้นที่ 600 บาทไปจนถึง 4000 -5000 บาท แต่ราคานี้โฟกัสลูกค้าเฉพาะกลุ่ม 

 

ถอดไอเดีย V!NG รองเท้าแตะวิ่งมาราธอน แบรนด์ไทยดังไกลระดับโลก

 

“ที่ผ่านมา ผมพยายามสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแรงภายในประเทศไทย เราไม่ได้รีบร้อนจะขยายตลาดไปต่างประเทศทันที แต่เริ่มจากการฟังเสียงลูกค้าในไทยก่อนว่าอะไรที่ดี อะไรที่ควรปรับปรุง ลูกค้าเลยมีส่วนร่วมอย่างมากในการพัฒนาโปรดักส์ของเรา”

 

ตั้งเป้าก้าวสู่แบรนด์ไทยดังระดับโลก

 

วาทีกล่าวว่า รุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปีอย่าง “NIRUN” ถือเป็นรุ่นเรือธงที่สร้างชื่อให้แบรนด์อย่างชัดเจน โดยเฉพาะหลังจากนักวิ่งชาวเคนย่าสวมใส่แล้วคว้าแชมป์มาราธอนมาได้ ถือเป็นบทพิสูจน์ว่า รองเท้าแตะก็สามารถใช้แข่งขันจริงได้ และให้ประสิทธิภาพไม่แพ้รองเท้าวิ่งทั่วไป

 

แม้ในภาพรวม V!NG ยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่ รุ่น NIRUN ก็ถูกส่งออกไปแล้วกว่า 20–30 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี ญี่ปุ่น ฯลฯ ผ่านการจัดส่งตรงถึงมือลูกค้า

 

“บางประเทศส่งแค่ 1–10 คู่ ยังไม่ใช่จำนวนมาก แต่ก็เป็นก้าวแรกที่สำคัญ” วาทีกล่าว

 

เขาบอกว่า หนึ่งในตลาดสำคัญที่ V!NG เริ่มเข้าไป คือประเทศเคนยา ดินแดนของนักวิ่งระดับแชมป์โลก เขาได้ร่วมกับนักกีฬาโอลิมปิก ซึ่งเชื่อมั่นในแบรนด์ และเห็นว่ามีศักยภาพที่จะเติบโตในเวทีโลกได้พัฒนาและทดสอบรองเท้ากับนักกีฬาตัวจริง เพื่อให้ได้มาตรฐานที่สามารถยืนอยู่ได้ทั้งในด้านสมรรถนะ ความทนทาน และความยั่งยืนของสินค้า

 

“เราไม่ได้ต้องการแค่แข่งขันในประเทศไทย แต่ต้องการผลิตรองเท้าที่ได้มาตรฐานระดับโลก ทั้งในเรื่องคุณภาพ วัสดุ ความยั่งยืน และคุณค่าต่อผู้บริโภคจริง ๆ” 

 

 

ถอดไอเดีย V!NG รองเท้าแตะวิ่งมาราธอน แบรนด์ไทยดังไกลระดับโลก

รองเท้าทุกรุ่น เขาเป็นคนคิด พัฒนา ออกแบบ และเลือกวัสดุเองทั้งหมด แม้จะมีพาร์ตเนอร์ช่วยผลิต แต่สิ่งที่ทำให้แบรนด์แตกต่าง คือแนวคิดเรื่องสมดุลระหว่าง “ประสิทธิภาพ” และ “ความสบาย” แผ่นคาร์บอนไฟเบอร์ที่อยู่ในวัสดุรองเท้าถูกออกแบบให้มีความยืดหยุ่น ไม่แข็งจนทำให้บาดเจ็บ แต่ยังคงช่วยซัพพอร์ตแรงกระแทกได้อย่างดี

 

เขายังบอกอีกว่า สิ่งที่ทำคือการสร้างของธรรมดาให้ไม่ธรรมดา เราเอารองเท้าแตะมาพัฒนาให้วิ่งระยะไกลได้จริง มีการใช้แผ่นคาร์บอนออกแบบเองให้ “งอได้ง่ายกว่า” ใส่แล้วไม่เจ็บ ไม่แข็งกระด้างจนเสี่ยงบาดเจ็บ ความตั้งใจของผมคือสร้างรองเท้าที่สมดุลระหว่าง performance และความสบาย เพื่อให้คนวิ่งได้ทุกวันโดยไม่ปวดเท้า

 

“ผมไม่ใช่คนทำธุรกิจใหญ่ แค่เคยเป็นพนักงานประจำ แล้วเริ่มจากเป้าหมายเล็ก ๆ แต่มองภาพใหญ่ไว้เสมอ แต่ในแต่ละก้าว ผมตั้งเป้าเล็ก ๆ พอให้ไปต่อได้โดยไม่ท้อ ระยะแรกของแบรนด์ก็แค่หวังจะมีรายได้เสริมเดือนละแสน สองแสน ซึ่งสำหรับผมตอนนั้นถือว่าเยอะมากแล้ว"

 

เป้าหมายโต 2 เท่าทุกปี ก้าวสู่พันล้าน

 

ทั้งนี้ภายใน 3-4 ปี ตั้งเป้าว่า SKU จะเพิ่ม ช่องทางขายมีหน้าร้านที่สตรอง ใหญ่ขึ้น ในโลเคชั่นที่ดูดีขึ้น คาดจะต้องรีแบรนด์อีก เพื่อให้เป็นโกลบอล มากขึ้น 

 

วาทีเผยอีกว่า ความตั้งใจของเขาคืออยากให้แบรนด์โต 2 เท่าทุกปี อย่างปีที่แล้วขายได้ 150 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 200 ล้านบาท และอีก 4-5 ปีนับจากนี้อยากให้โต 10 เท่า หรือถึงพันล้าน เพราะตอนนี้ต่างชาติให้ความสนใจเยอะมาก ทั่วโลกขอเป็นตัวแทน แต่ยังเลือกไม่ถูกเพราะเราไม่มีเงินทุน

 

อีกทั้งความท้าทายด้านการผลิต เรามีโมเดลรองเท้าบางรุ่นที่ยอดขายพุ่ง แต่ผลิตได้เพียง 4,000-5,000 คู่ต่อเดือน ในขณะที่เป้าหมายจริงควรจะ 2-3 หมื่นคู่ ตอนนี้จึงเร่งขยายกำลังผลิต เปิดโรงงานใหม่ที่ชลบุรีและระยอง ใช้งบลงทุนราว 10 ล้านบาท เพื่ออัปสเกลให้ทันความต้องการ

 

ไม่อยากเป็นแค่แบรนด์ที่ส่งออก แต่อยากเป็นแบรนด์ไทยที่ไปไกลกว่านั้น

 

วาทีบอกว่า ตอนนี้ส่งขายแล้วในกว่า 20-30 ประเทศ ทั้งในยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น อังกฤษ เยอรมนี แม้จะยังไม่มีดีลกับดิสทริบิวเตอร์รายใหญ่ แต่มีความสนใจเข้ามาเยอะมาก เราเลือกได้ว่าใครจะเป็นพาร์ตเนอร์ เพราะเราตั้งใจจะ “ไปแบบมีแบรนด์” ไม่ใช่แค่ OEM หรือวางขายเฉย ๆ ในช็อปต่างประเทศ

 

ถอดไอเดีย V!NG รองเท้าแตะวิ่งมาราธอน แบรนด์ไทยดังไกลระดับโลก

เป้าหมายของเราในต่างประเทศคือ สร้างแบรนด์ V!NG ให้มีตัวตน ให้มีคัลเจอร์ คนซื้อเพราะเขา “เชื่อ” ในสิ่งที่เราทำ ไม่ใช่แค่ซื้อเพราะราคาหรือดีไซน์

 

เตรียมบุกสหรัฐ 

 

เขาเผยว่า ตอนนี้มีสตูดิโอระดับโลกที่เคยทำให้แบรนด์ระดับโลกมาช่วยโค้ช ทั้งยังมีมีโค้ชผู้ฝึกสอนนักกีฬาไทยมาเป็นสปอร์ตไดเรกเตอร์ มาช่วย ซึ่งวางแผนจะบุกอเมริกาจริงจัง ถ้าสำเร็จ เราอยากไปตั้งทีมที่นิวยอร์ก

 

ความสำเร็จไม่ใช่แค่ยอดขาย แต่มาจากวิชั่นและการเข้าใจลูกค้า


ผมเชื่อว่าถ้าจะเริ่มธุรกิจ “อย่าหาสินค้าก่อน ให้หาลูกค้าให้เจอก่อน” เพราะลูกค้าเท่านั้นที่จะบอกว่าสินค้าคุณควรเป็นแบบไหน 

 

"ผมเองก็เป็นลูกค้าคนแรกของแบรนด์ V!NG เพราะหารองเท้าวิ่งที่เหมาะกับเท้าตัวเองไม่ได้ โดนกัดบ้าง ไม่ซัพพอร์ตบ้าง จนสุดท้ายต้องซื้อรองเท้าแตะข้างทาง แล้วพบว่า…มันวิ่งได้ เพียงแค่ยังไม่มีใครทำให้ดีพอ แค่นั้นเอง

 

ถ้าเราไม่ทำเรื่องยาก คนอื่นก็จะทำแทน

 

ผมมองว่าถ้าธุรกิจไทยยังทำแบบเดิม อีกไม่นานเวียดนามหรือจีนก็จะครองตลาด เพราะเขาไปไกลกว่าเราทั้งระบบแล้ว คู่แข่งวันนี้ไม่ได้อยู่แค่ในประเทศ

 

ดังนั้นเราจึงต้องกล้าทำเรื่องยากก่อนใคร ตั้งเป้าให้ไกล อย่ารอแค่คนตัวใหญ่เข้ามาช่วย เพราะถ้ารอไม่รู้เมื่อไหร่จะเกิด ผมโชคดีตรงที่มีทีม และที่ปรึกษา มีการคุยกับลูกค้าเสมอ เพราะอย่างที่บอก เราเริ่มจากการโฟกัสกลุ่มนักวิ่ง ซึ่งตลาดโตเรื่อย ๆ แล้วก็พยายามหาคนที่มีความฝันหรือเป้าหมายเดียวกัน ที่จะพาเราไปสู่เป้าหมายแต่ละจุด อย่างผมฝันอยากไปตลาดต่างประเทศ โตระดับโลก ก็ต้องมีคนที่เขามีประสบการณ์ และเป็นที่ปรึกษา

 

วาดฝัน V!NG เป็นยูนิคอร์น 

 

ถ้าเราสำเร็จเราจะเป็นแบรนด์ไทยที่ถูกพูดถึงในเวทีโลก และผมตั้งใจว่า “วันหนึ่ง V!NG จะไปถึงยูนิคอร์น” ในวงการรองเท้าและวงการกีฬาโลกให้ได้

 

 

 

เครดิตภาพ : Ving Thailand Marathon Sandal รองเท้าแตะวิ่งมาราธอน 

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา