posttoday

ไฮแอท รีเจนซี่ ขานรับ ‘ท่องเที่ยวเชิงอาหาร’ โต ชูทุเรียนสร้างซอฟต์พาวเวอร์

25 เมษายน 2568

เปิดมูลค่าตลาด 'การท่องเที่ยวเชิงอาหาร' เมืองไทยแตะ 3.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท ขานรับเทรนด์ จับมือผู้ประกอบการสวนทุเรียนนำผลผลิต ครีเอทเซตน้ำชายามบ่ายในโรงแรม สร้างซอฟต์พาวเวอร์

 

อุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยวไทยกำลังเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง ด้วยรายได้ธุรกิจโรงแรมที่คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าราว 9.0-9.6 แสนล้านบาทในปี 2567-2568 อัตราการเข้าพักและราคาห้องพักเฉลี่ยกลับมาใกล้เคียงระดับก่อนโควิด 

 

โดยครึ่งแรกของปี 2567 ไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 17.5 ล้านคน หรือ 88% ของระดับปี 2562 ช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่แตกต่างและโดดเด่น โดยเฉพาะการใช้แคมเปญเชิงวัฒนธรรมและอาหาร เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศที่กำลังกลับมาเที่ยวเมืองไทยอย่างคึกคักอีกครั้ง
 
 

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) กำลังก้าวขึ้นมาเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของภาคการท่องเที่ยวโลก และ ประเทศไทย ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังจากวัฒนธรรมทางอาหาร ก็กำลังได้รับความนิยมในฐานะประเทศต้องห้ามพลาดของนักชิมทั่วโลก 

 

Credence Research บริษัทวิจัยตลาดได้คาดการณ์ว่าตลาดการท่องเที่ยวด้านอาหารของไทยจะเติบโตจาก 32,489.66 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2567 เป็น 80,730.95 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2575 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่สูงถึง 12.05% นอกจากนี้ ยังพบว่า 53% ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเลือกเมืองท่องเที่ยวจากอาหารและเครื่องดื่มที่อยากลิ้มลอง 

 

ไฮแอท หยิบราชาผลไม้ทุเรียนสร้างซอฟต์พาวเวอร์

 

ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท ขานรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเทรนด์การท่องเที่ยวเชิงอาหารหรือ Gastronomy Tourism ในเมืองไทย ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ “ทุเรียนหมอนทอง” จับมือ Toby’s Farm สวนทุเรียนจากจังหวัดจันทบุรี เปิดตัวแคมเปญสำคัญรับช่วงไฮซีซั่นหน้าร้อน กับ “Durian Decadent Afternoon Tea” หยิบ “ราชาผลไม้ไทย” มาเป็นวัตถุดิบหลักในการรังสรรค์เซตน้ำชายามบ่ายในโรงแรมสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวและการเข้าพักที่น่าจดจำในทุกมิติ 

 

ศักยภาพทุเรียนไทย มูลค่าส่งออก 3 พันล้านเหรียญ


ทั้งนี้ ศักยภาพการเติบโต ตลาดทุเรียนไทย ยังมีความโดดเด่น ตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์ ประเทศไทยส่งออกทุเรียนสดมูลค่า 3,219.42 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2565 คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดโลกสูงถึงร้อยละ 93.3 โดยมีตลาดหลักคือจีน ฮ่องกง และไต้หวัน ทั้งนี้ Mordor Intelligence รายงานว่าตลาดทุเรียนสดทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตจาก 10.78 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025 เป็น 16.89 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2030 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 9.4% 

 

โดยประเทศจีนยังคงเป็นตลาดหลักที่บริโภคทุเรียนมากถึง 91% ของดีมานด์ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ตลาดทุเรียนไทยยังเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและเวียดนาม รวมถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและมาตรฐานการส่งออกที่เข้มงวด ด้วยเหตุนี้ การยกระดับคุณค่าของทุเรียนไทยผ่านโมเดลธุรกิจใหม่ เช่น การสร้างประสบการณ์ตามเทรนด์ Gastronomy Tourism ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวยุคใหม่จึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะช่วยเสริมศักยภาพและเพิ่มมูลค่าให้ราชาผลไม้ไทย
 

มร.แซมมี่ คาโรลุส ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท กล่าวว่า การผสานซอฟต์พาวเวอร์ไทยอย่างทุเรียนเข้ากับประสบการณ์ Afternoon Tea สะท้อนวิสัยทัศน์ของเราที่มองว่า 'นักท่องเที่ยวยุคใหม่ไม่ได้แค่ต้องการที่พัก แต่แสวงหาประสบการณ์ที่มีเอกลักษณ์และเปี่ยมเรื่องราว' โดยเฉพาะกลุ่ม Millennials และ Gen Z ที่ให้คุณค่ากับการแชร์ช่วงเวลาพิเศษผ่านโซเชียลมีเดีย" 

 

แคมเปญ Durian Decadent Afternoon Tea เกิดจากความตั้งใจที่จะผสมผสานความเป็นไทย และความเป็นสากล เข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อนำเสนอทุเรียน ซอฟต์พาวเวอร์เมืองไทยในรูปแบบที่สดใหม่ ผ่านความประณีตของเมนูระดับ 5 ดาว ปีที่แล้วแคมเปญนี้ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากทั้งจากคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน ฮ่องกง และไต้หวัน

 

จึงร่วมมือกับ Toby's Farm เป็นปีที่สอง คัดสรรเฉพาะทุเรียนหมอนทองเกรดพรีเมียม ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกทุเรียนอันดับหนึ่งของโลก จึงให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าทางเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมยกระดับภาคการท่องเที่ยวและการเกษตรไทย 
 
 
 

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา