จากหมอสู่ซีอีโอ “มูฮัมหมัดฟะฮ์มี ตาเละ” พาอาหารใต้สู่ธุรกิจ 200 ล้าน
แม้ว่า “สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” ในความทรงจำของคนนอกพื้นที่อาจเป็นความไม่สงบ
แต่สำหรับในความทรงจำของ “มูฮัมหมัดฟะฮ์มี ตาเละ” คืออาหารท้องถิ่นที่เขาทานมาตั้งแต่เล็กจนโต และนับวันยิ่งหาทานได้ยาก เสี่ยงที่จะหายไปกับรุ่นพ่อรุ่นแม่ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาลุกขึ้นมาทำธุรกิจอาหารเพื่อจะเผยแพร่อาหารท้องถิ่นภาคใต้สู่นักท่องเที่ยว
มูฮัมหมัดฟะฮ์มี ตาเละ เกิดและเติบโตในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เริ่มต้นเส้นทางอาชีพด้วยการเป็นหมอตั้งแต่เรียนจบคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยพื้นเพเขาเป็นคนนราธิวาส แต่เติบโตที่ยะลา ก่อนจะมาใช้ชีวิตที่ปัตตานีเนื่องจากพบรักกับภรรยาที่นี่
“ผมมาจากครอบครัวมุสลิม เรียนจบโรงเรียนเอกชนศาสนาที่เรียกว่าโรงเรียนปอเนาะ ตอนเด็ก ๆ ผมมีหัวทางวิทยาศาสตร์อยู่บ้างก็เลยได้ไปแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ
จนเกือบได้เป็นตัวแทนประเทศ และได้โควตาเข้าเรียนคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่"
เขาท้าวความถึงเส้นทางชีวิตให้ฟังเมื่อครั้งเป็นเด็ก ก่อนจะเล่าต่อถึงการเริ่มต้นอาชีพหมอ
"จนกระทั่งเรียนจบ เริ่มต้นอาชีพหมออยู่สักพัก ก็รู้ว่าตนเองไม่น่าจะเหมาะกับการเป็นหมอ ผมชอบอาชีพหมอ แต่การได้เห็นคนป่วยในโรงพยาบาลทุกวัน และการทำงานหามรุ่งหามค่ำ ทำให้ผมคิดไว้ว่าจะหยุดจากอาชีพนี้ราว ๆ อายุ 40 ปี แต่ก็ได้ออกจากการเป็นหมอก่อนอายุ 40”
หลังจากที่เขาออกจากการเป็นหมอ เขาได้ไปเรียนต่อสาขาระบาดวิทยา ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นที่เดียวกันกับที่เขาเรียนปริญญาตรี เขาเรียนด้านนี้จนคว้าปริญญาเอก และผันตัวเป็นอาจารย์ประจำคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
ในช่วงนั้น ได้คลุกคลีกับการทำงานวิจัยเกี่ยวกับสาธารณสุขบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแม่และเด็ก การดูเรื่องโภชนาการต่ำ เด็กไอคิวต่ำ เรื่องของแม่คลอดลูกและเสียชีวิต
รวมถึงวิจัยเรื่องนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาเสพติดในหน่วยงานวิจัย ศูนย์ศึกษา ปัญหายาเสพติด และศูนย์วิจัยสุราแห่งประเทศไทยวนเวียนกับการวิจัย
จนกระทั่งได้ทำวิจัยเกี่ยวกับความยากจน
ครั้งนั้นทำให้เขาตั้งคำถามกับตนเองว่า ทำวิจัยเรื่องยากจน แล้วคนพ้นความจนหรือไม่?
“ผมพยายามตั้งคำถามกับตัวเองว่างานวิจัยของเราอิมแพคอย่างไรกับความยากจน เพราะไม่เห็นเปลี่ยนอะไรเลย ทำมา 3-4 ปี คนก็ยังจนเหมือนเดิม
แล้วตัวเองล่ะ? พ้นความยากจนหรือยัง เราเองก็ยังไม่พ้นความยากจนเลย แล้วจะไปทำงานวิจัยให้คนอื่นเขาเชื่อเราได้อย่างไรว่าเขาจะพ้นจากความยากจนได้ ผมก็เลยเริ่มคิดกับตนเองว่าถ้าผมไม่พ้นความยากจน ผมก็คงไปพูดกับคนอื่นไม่ได้ว่าแก้จนอย่างไร”
หารายได้เสริมหลังเลิกงาน เพื่อให้ตนเองผ่านพ้นความจน
มูฮัมหมัดฟะฮ์มี เล่าว่า พอหลังจากเวลาเลิกงาน ผมก็เริ่มหาอะไรทำเล็ก ๆ น้อย ๆ เริ่มทำธุรกิจเพื่ออยากมีรายได้เสริม เพราะอย่างที่รู้กันว่า อาจารย์ในเมืองไทย ค่าตอบแทนไม่ได้สูงมากนัก
ด้วยความชอบค้าขายแต่เด็ก จีงมีแนวคิดอยากทำธุรกิจ
ตอนเด็ก ๆ ผมก็ชอบซื้อมาขายไป ขายดินสอปากกาให้เพื่อนในโรงเรียน บางวันขายแม้กระทั่งการบ้าน เพราะสมัยนั้นไปโรงเรียนเพื่อนได้ 20 บาท เราได้ 5 บาท ก็ต้องขุดเอาของที่มีมาขาย ส่วนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยก็รับเขียนหนังสือตำรา เป็นคำคม สมัยนั้น Pop Culture กำลังมาแรง คนชอบอ่านอะไรสั้น ๆ ขายได้เงินมาหลายแสน ตั้งแต่เรียนมหาลัยแล้ว
อาหารท้องถิ่นใต้สเน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร
จุดเริ่มต้นธุรกิจอาหาร เกิดจากการที่ผมเริ่มมองไปรอบ ๆ ท้องถิ่นที่ผมอาศัยอยู่คือปัตตานี ผมรู้สึกว่าอาหารท้องถิ่นหายากขึ้นเรื่อย ๆ เสน่ห์ของอาหารสามจังหวัดชายแดนใต้ซ่อนอยู่เยอะมาก เรามีวัฒนธรรมอาหารที่แตกต่างจากภูมิภาคอื่นของประเทศ
บางเมนูทำยากมากเช่น “นาซี ดากัง” แม่ค้าต้องตื่นมาทำตั้งแต่ตี 3 ตี 4 เพื่อปรุงเมนูนี้ แต่ราคาที่ขายคือ 20 บาท เท่านั้น กำไรต่อห่อ 3-5 บาทเท่านั้น คำถามคือ “เขาขายเพื่ออะไร?”
คำตอบคือพ่อค้าแม่ค้าที่ขายแถวบ้านผม เขาไม่ได้ขายเพื่อร่ำรวยแต่ขายแค่ให้มีกินมีใช้ประทังชีวิต
ด้วยสภาพแบบนี้ผมว่าเราไม่สามารถสร้างเศรษฐกิจใหม่ได้ พอนานเข้าอาหารประเภทนี้ยิ่งจะน้อยลง เพราะเขาจะส่งต่อธุรกิจให้กับคนรุ่นต่อไปไม่ได้ ความกลัวของผมคือ กลัวว่าสิ่งเหล่านี้จะหายไป และไม่ได้กิน ผมก็เลยเริ่มทำธุรกิจ
ทั้งนี้การที่ธุรกิจจะอยู่ได้ เราก็ต้องพัฒนา เดิมชาวบ้านพัฒนาไม่ได้ เพราะจะให้รอดยังยาก ผมก็เลยต้องมาคิดใหม่ ทำใหม่ พัฒนาให้มีมูลค่าสูงขึ้นและเอากำไรที่ได้กลับมาพัฒนาต่อ
นั่นจึงเป็นที่มาของการเปิดร้าน “Roti De Forset” ขายโรตี กินกับแกงซึ่งเป็นเมนูหลักของสามจังหวัดชายแดนใต้ อีกทั้งยังมองว่าเป็นเมนูที่ทานได้ตั้งแต่เช้ายันเย็น หรือทานได้ตลอดเวลา
และค่อยๆ เพิ่มเมนูอาหารอื่นเข้ามา โดยลูกค้าหลัก ๆ ที่เข้ามาคือนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาไกลมาก บ้างก็มาจากมาเลเซียเพื่อมาชิมอาหารท้องถิ่นของสามจังหวัดชายแดนใต้
ผ่านมา 5 ปีธุรกิจโตเร็วกว่าที่คิด ยอดขาย 200 ล้านบาท
เขาเล่าอีกว่า 5 ปีที่เริ่มต้นทำธุรกิจอาหาร เติบโตเกินกว่าที่คาดหวังไว้มาก จนไม่คิดว่าจะโตถึงวันนี้ จึงก่อตั้งบริษัท De Forest Group มีร้านอาหาร 3 แบรนด์ อาทิ Roti de forset, บ้านเล, นมฤาดี กระจายตัวออกไปรวม 14 สาขา
ซึ่งแต่ละแบรนด์มีสาขาต่างกันออกไป สร้างงานคนพื้นที่ได้กว่า 450 ตำแหน่ง ยอดขายรวมเกือบ 200 ล้านต่อปี
ผมภาคภูมิใจมากที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจท่องเที่ยวในจังหวัดที่เราอาศัยอยู่ โดยเฉพาะปัตตานี ที่เป็นสาขาแม่
แม้เราจะเริ่มจากการเป็นธุรกิจร้านอาหารเล็ก ๆ แต่เราพัฒนาธุรกิจตามมาตรฐานที่เราเป็นเสมอมา ทำให้สินค้าและการบริการของเรา เกินคำว่าดีที่สุด แต่กำลังซื้อในพื้นที่มันน้อยมาก เราสร้างแบรนด์จากพื้นที่ที่ทำธุรกิจอย่างยากลำบาก แต่เราก็ทำด้วยการมีองค์ความรู้จากการอ่าน และเข้าใจ
จนเข้าใจว่าหลักการทำธุรกิจที่เป็นระบบสากล ทุนนิยมนั้น สิ่งสำคัญคือการเพิ่มมูลค่าใหกับธุรกิจอย่างมากคือความเชื่อมั่นหรือว่าเครดิต ซึ่งสำคัญกว่าเงินสดมาก
การสร้างความเชื่อมั่นขององค์กร
ผมต้องทำบริษัทและองค์กรของเราให้ได้รับความเชื่อมั่น ทั้งจากภายในของเราเอง จากลูกค้าที่เข้ามารับบริการ และนักลงทุนที่ลงทุนกับเรา
ถึงแม้ว่าเราจะเติบโตเร็ว แต่ระหว่างทางก็เจออุปสรรคมากมาย เช่น คนในพื้นที่กำลังซื้อต่ำ กำไรไม่เยอะมาก เจอปัญหาการเปลี่ยนผ่าน จากท้องถิ่น กลายเป็นธุรกิจ SME ซึ่งเราไม่ได้เตรียมที่จะโตมาแต่แรก เผชิญความท้าทายหลายอย่าง ทั้งความเข้าใจเรื่องกฏหมาย โครงสร้างภาษี ที่ทำให้เรามีผลกระทบในเรื่องของการเปลี่ยนแปลง การเติบโต
สร้างงานคนในพื้นที่สามชายแดนใต้
นอกจากนี้ มูฮัมหมัดฟะฮ์มี กล่าวว่าคนที่เข้ามาทำงานในบริษัทจะอยู่ในพื้นที่ ซึ่งต้องบอกว่าสามจังหวัดชายแดนใต้ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส เป็นพื้นที่ที่ดัชนีการศึกษาต่ำที่สุดของประเทศไทย ไม่มีมหาวิทยาลัยชั้นนำในพื้นที่ ผมให้โอกาสคนในพื้นที่ได้เข้ามาร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ทำงานด้วยกัน
ขณะเดียวกันผมก็ต้องสร้างองค์กรที่มี Learning culture ตลอดเวลา ทำให้คนที่อยู่ในองค์กรของเราไม่หยุดการเรียนรู้ อย่างผู้จัดการร้านของผมบางคน เป็นเด็กจบ ม.3 แต่เขาต้องใช้ซอฟต์แวร์ในการบริหารจัดการให้เป็น
นับเป็นสิ่งที่ผมภาคภูมิใจในการเทรนคนเหล่านี้ให้สามารถทำงาน ในระดับมาตรฐานที่สูงขึ้นกว่าระดับการศึกษาที่เขามีได้
สิ่งที่ผมทำมันมีความยากลำบาก แต่ผมเชื่อเสมอว่าผมทำมันสำเร็จ ผมจะเป็นแรงบันดาลใจ และเป็นความหวังให้กับคนที่ไม่รู้ว่าทำอย่างไรจะสำเร็จ