posttoday

DIP พัฒนาระบบ เปลี่ยนทรัพย์สินทางปัญญาสู่สินทรัพย์ดิจิทัล ต่อยอดเศรษฐกิจ

05 พฤษภาคม 2567

กรมทรัพย์สินทางปัญญา เผยความสำเร็จภารกิจ ใช้เทคโนโลยีเปลี่ยนทรัพย์สินทางปัญญาสู่การต่อยอดทางเศรษฐกิจ และสินทรัพย์ทางดิจิทัล

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญามุ่งมั่นดำเนินภารกิจให้ตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจและประชาชน ผ่านบริการสำคัญ อาทิ นโยบาย Smart DIP ใช้เทคโนโลยีพลิกโฉมงานบริการ เช่น ระบบ Image Search ช่วยตรวจสอบความเหมือนคล้ายเครื่องหมายการค้ารวดเร็วยิ่งขึ้น บริการจดทะเบียนเร่งด่วน (Fast Track)เช่น จดเครื่องหมายการค้าภายใน 4 เดือน จากเดิม 12 เดือน ต่ออายุเครื่องหมายการค้าภายใน 30 นาที จากเดิม 60 วัน จดสิทธิบัตรภายใน 12 เดือน จากเดิม 55 เดือน เป็นต้น 

 

DIP พัฒนาระบบ เปลี่ยนทรัพย์สินทางปัญญาสู่สินทรัพย์ดิจิทัล ต่อยอดเศรษฐกิจ

 

ด้านการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์ กรมฯ ได้ส่งเสริมการสร้างธุรกิจต้นแบบที่ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับธุรกิจ โดยเฉพาะการสร้างแบรนด์กีฬาของคนไทยสู่สากล เช่น เจ็ตสกีชิงแชมป์โลก WGP#1 ของไทย จัดแข่งขันในทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชีย ถ่ายทอดการแข่งขันไปยัง 121 ประเทศทั่วโลก มีผู้รับชมกว่า 500 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 5,000 ล้านบาท และจะมีการต่อยอดแนวทางดังกล่าวในอุตสาหกรรมกีฬาประเภทอื่นที่ไทยมีศักยภาพ เช่น มวยไทย ต่อไป

ด้านการยกระดับสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่น ปัจจุบันกรมฯ ได้ขึ้นทะเบียนสินค้า GI ไทย 203 สินค้า สร้างมูลค่าการตลาด 70,000 ล้านบาท รวมทั้งเร่งรัดการจด GI ไทยในต่างประเทศให้เร็วขึ้น ผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศในการแลกเปลี่ยนการจดทะเบียน GI ระหว่างกัน นอกจากนี้ ยังมีการยกระดับวัตถุดิบ GI สู่เมนู Fine Dining โดยเชฟมิชลิน ซึ่งช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าท้องถิ่น สร้างความแปลกใหม่ และสร้างแรงบันดาลใจในการนำสินค้า GI มารังสรรค์เมนูใหม่ๆ อีกด้วย

 

DIP พัฒนาระบบ เปลี่ยนทรัพย์สินทางปัญญาสู่สินทรัพย์ดิจิทัล ต่อยอดเศรษฐกิจ

 

นายวุฒิไกร กล่าวว่า อีกหนึ่งความท้าทายสำคัญคือ การเชื่อมโยงผลงานทรัพย์สินทางปัญญาของคนไทยไปสู่โอกาสทางการค้าและแหล่งทุน โดยกรมฯ อยู่ระหว่างพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติบนพื้นฐานเทคโนโลยี Blockchain เพื่อแปลงทรัพย์สินทางปัญญาให้เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งสะดวกต่อการซื้อขายแลกเปลี่ยน และสร้างความมั่นใจว่าผู้รับโอนสิทธิจะได้รับผลงานที่เป็นของแท้ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ซื้อขายผลงาน (Market Place) จากผู้สร้างสรรค์ได้โดยตรง และสามารถพัฒนาไปสู่การระดมทุนในลักษณะ Crowd Funding ได้อีกด้วย โดยจะนำร่องในการซื้อขายงานลิขสิทธิ์เพลงก่อนเป็นลำดับแรก

นอกจากการดำเนินภารกิจดังกล่าวแล้ว กรมฯ ยังให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ผ่านการประกาศเจตนารมณ์ กรม “ไม่เอาถ่าน” และวางมาตรการต่างๆ เพื่อเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง  20% ภายในปี 2573 เพิ่ม Carbon Stock ให้สภาพแวดล้อม ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ ชดเชย 30,000 ต้นอีกด้วย