ปราสาทในอินโด-เวียดนาม เกี่ยว ‘อารยธรรมขอม’ ที่ไม่เท่ากับ ‘ของกัมพูชา’
แกะคำพูด 'สีหศักดิ์' รมว.กระทรวงต่างประเทศ โพสต์ทูเดย์ พาดูปราสาทในอินโด-เวียดนาม เกี่ยว ‘อารยธรรมขอม’ ที่ไม่เท่ากับ ‘ของกัมพูชา’
KEY
POINTS
- แกะคำพูด 'สีหศักดิ์' รมว.กระทรวงต่างประเทศ โพสต์ทูเดย์ พาดูปราสาทในอินโด-เวียดนาม เกี่ยว ‘อารยธรรมขอม’ ที่ไม่เท่ากับ ‘ของกัมพูชา’
- อารยธรรมขอมเป็นมรดกร่วมทางวัฒนธรรมที่แผ่ขยายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ได้ผูกขาดโดยประเทศกัมพูชาเพียงชาติเดียว
- เวียดนามมีความเชื่อมโยงกับอารยธรรมขอมโดยตรงผ่านกลุ่มชาติพันธุ์ "ขแมร์กรอม" ที่อาศัยในดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรขอม
- ปราสาทปรัมบานันในอินโดนีเซียและโบราณสถานหมี่เซินในเวียดนาม แม้มีลักษณะคล้ายปราสาทขอม แต่ไม่ได้สร้างโดยอาณาจักรขอม แต่เกิดจากแม่แบบวัฒนธรรมฮินดู-พุทธจากอินเดียใต้ซึ่งเป็นอิทธิพลร่วมในภูมิภาค
เมื่อสองวันก่อน (9 ธันวาคม 2568) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ของไทย ตอบคำถามสื่อยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่างอัลจาซีรา (AL Jazeera) ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ไว้อย่างน่าสนใจ
เมื่อนักข่าวถามว่า
“ ในแง่ทางทหาร กัมพูชามีขนาดเล็กกว่ากองทัพไทยมาก ประเด็นหลักดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มปราสาทหิน ซึ่งตั้งอยู่ตามแผนที่อาณานิคมปี 2450 ซึ่งไทยปฏิเสธ และศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ตัดสินเมื่อปี 2505 ให้ปราสาทเหล่านั้นและพื้นที่โดยรอบเป็นของกัมพูชา เหตุใดท่านจึงไม่สามารถยอมรับประเด็นนี้ได้"
นายสีหศักดิ์ตอบว่า
“แล้วเหตุใดกัมพูชาจึงไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่า ไม่ใช่ปราสาทขอมทุกแห่งที่ตั้งอยู่ในดินแดนกัมพูชา
ใช่ครับ สำหรับปราสาทเฉพาะแห่งที่คุณอ้างถึง ซึ่งมีคำตัดสินของศาลโลกนั้น เราไม่ได้โต้แย้งคำตัดสินที่ให้ตัวปราสาทเป็นของกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม ยังมีปราสาทอีกหลายแห่งตามแนวชายแดน ซึ่งหลายแห่งตั้งอยู่ในเขตแดนของไทย และคุณต้องเข้าใจว่า ปราสาทเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของ อารยธรรมขอม ซึ่งไม่ใช่ทรัพย์สินผูกขาดของกัมพูชาแต่เพียงผู้เดียว อารยธรรมขอมยังปรากฏอยู่ในไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย
ดังนั้น ผมจึงขอปฏิเสธข้อกล่าวอ้างที่ว่า ปราสาทเหล่านี้ทั้งหมดเป็นของกัมพูชา ขอให้คุณได้ตรวจสอบประวัติศาสตร์ด้วย”
โพสต์ทูเดย์ จึงได้ไปตามหาว่าอารยธรรมขอม ที่อยู่ในดินแดนของเวียดนามและอินโดนิเซีย คือที่ไหนหรืออะไรกันแน่อย่างที่ท่าน รมว. ได้พูดไป!
ก่อนอื่นต้องแยกเป็น 2 กรณีสำคัญ
กรณีแรก คือ เวียดนามและอินโดนิเซียมีสิ่งที่เรียกว่า อารยธรรมขอม ปรากฎหรือไม่ นั่นหมายความว่า ต้องเป็นหลักฐานที่เกิดขึ้นว่าได้รับอิทธิพลจาก อาณาจักรขอม โดยตรง พบว่า
เวียดนาม เป็นประเทศที่มีร่องรอยอารยธรรมขอมชัดเจนอีกแห่งหนึ่ง สาเหตุจากในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 ถึง 15 ถือเป็นยุคเฟื่องฟูของอาณาจักรขอมโบราณ สามารถแผ่ขยายอาณาเขตออกไปตามพื้นที่หลักๆ ของทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ประเทศเมียนมาไปจนถึงเวียดนามได้
หลักฐานสำคัญคือ ‘ชาวขแมร์กรอม’ ที่ยังอาศัยอยู่ในเวียดนาม ขแมร์กรอมเป็นกลุ่มชาติพันธุ์เขมรที่อาศัยอยู่ในแถบดินดินสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเขตประเทศเวียดนาม
ขแมร์กรอมเป็นกลุ่มที่มีเชื้อสายเดียวกับชาวเขมรมาอย่างยาวนาน พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นชนชาติพันธุ์เขมร อาศัยอยู่บริเวณนี้ตั้งแต่สมัยวัฒนธรรมเขมรโบราณ ตอนสร้างนครวัดเหล่าขแมร์กรอมก็อาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้แล้ว และอาศัยต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน เพราะดินแดนแถบนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรขอม ก่อนที่จะถูกผนวกเข้ากับเวียดนามในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17-18
มีรายงานปี พ.ศ.2562 ชาวขแมร์กรอมอาศัยอยู่ในเวียดนามราว 1.32 ล้านคน และนับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาท
ส่วนประเทศ อินโดนิเซีย แม้จะไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรขอม แต่ก็เคยมีความเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์ระหว่างชวาหรืออินโดนิเซีย กับขอมอย่างมีนัยสำคัญ
โดยงานวิจัยพบว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในยุคก่อนเป็น 'ระบบเปิด' คือ มีการเคลื่อนย้ายของช่างศิลป์ ตระกูลผู้ปกครอง พราหมณ์ และพุทธ ระหว่างรัฐใหญ่ในยุคราวศตวรรษที่ 8-9 ทำให้มีการเชื่อมโยงกันระหว่าง รัฐชวา จามปา ขอม และมอญ-ทราวดี ซึ่งเกิดการแบ่งปันงานศิลปะ งานฝีมือระหว่างรัฐ เป็นเครือข่ายการสร้างวัฒนธรรมฮินดู-พุทธ ในภูมิภาค มากกว่าที่แต่ละรัฐจะแยกตัวและสร้างวัฒนธรรมของตนเองขึ้นมา
กรณีที่ 2 ที่ทำเอาสับสนคือ ปราสาทขอม ที่คนไทยเรียกกัน! แท้จริงแล้ว ต้องเรียกว่าต่อให้เป็นปราสาทขอมในกัมพูชาเอง ก็ได้รับอิทธิพลจาก แม่แบบทางวัฒนธรรม อย่างอินเดียใต้แทบทั้งสิ้น
ถ้าวัดจากรูปร่าง-รูปทรงของปราสาทขอม จึงพบเห็นปราสาทหินในรูปแบบนี้ได้เยอะมากในอาเซียน ซึ่งคนทั่วไปดูก็รู้สึกว่าคล้ายๆ กันและเรียกเหมาๆ ว่า 'ปราสาทขอม' คงเพราะ 'นครวัด' ดังมากจากการเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 7 ของโลกยุคใหม่
แต่ที่จริงแล้ว 'ปราสาทหิน' ในอาเซียนมีหลายแห่งที่มีรูปทรงคล้ายกันจากการที่ได้รับ 'แม่แบบวัฒนธรรมจากอินเดียใต้' เพราะมีการเชื่อมโยงกัน และนำมาปรับใช้หรือแตกต่างกันตามยุคสมัย อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงหลงเหลือกลิ่นของการเป็น ‘ปราสาทฮินดู’ ที่คล้ายๆ กัน ยกตัวอย่างเช่น
เวียดนาม มีเมืองโบราณอย่าง โบราณสถานหมี่เซิน ในจังหวัดกว๋างนาม ภาคกลางของประเทศเวียดนาม ดูภายนอกอาจจะรู้สึกว่าคล้ายกับ ‘ปราสาทขอม’ สำหรับคนทั่วไป แต่แท้จริงแล้วปราสาทแห่งนี้สร้างด้วยศิลปะจามโบราณ ซึ่งเป็นรัฐที่รุ่งเรืองอยู่ในช่วงระยะเวลาไล่เลี่ยกัน แต่อาณาจักรจามปา เจ้าของศิลปะจามโบราณนั้น เริ่มก่อนขอมเกือบ 600 ปี
โบราณสถานหมี่เซิน ถูกสร้างในศตวรรษที่ 4 เพื่อใช้เป็นศาสนสถานสำหรับบูชาพระศิวะ ตามความเชื่อในศาสนาฮินดู หมี่เซินเป็นนครศักดิ์สิทธิที่มีความสำคัญลำดับต้นๆ ของอาณาจักร ที่มองว่าเหมือนปราสาทขอม ก็เพราะว่าเป็นศาสนสถานของพระศิวะ และได้อิทธิพลรูปแบบสถาปัตยกรรมจากอินเดียใต้แบบเดียวกัน
เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากเครือข่ายและคติความเชื่อเดียวกันซึ่งเป็นปกติของอารยธรรมในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยุคต้นที่มีการแบ่งปันและสร้างเป็นเครือข่ายวัฒนธรรมร่วมกันนั่นเอง
ด้าน อินโดนิเซีย ปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ 'ปรัมบนัน (Prambanan)' ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 เป็นปราสาทฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนิเซีย
ถ้าเทียบกับ 'นครวัด' ที่ดังมากในกัมพูชา ปรัมบนันนี้สร้างขึ้นก่อนการสร้าง ‘นครวัด’ ที่อยู่ในฝั่งกัมพูชาซึ่งสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 12 แต่ความคล้ายคลึงกันก็เพราะทั้งสองวัฒนธรรมรับอิทธิพล ศาสนาฮินดู–พุทธจากอินเดีย เหมือนกัน
อย่างแนวคิด เขาพระสุเมรุ ที่ถ้าเทียบกับนครวัด ปรัมบนันก็จะถูกสร้างเป็นภาพจำลองจักรวาล ที่มีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลาง ล้อมรอบด้วยศาลาและเจดีย์ย่อยๆ นอกจากนี้ ยังอุทิศให้กับพระศิวะเช่นกัน อีกทั้งยังพบ ‘ศิวลึงค์’ ภายในปราสาท
ที่สำคัญคือ เป็นการใช้การแกะสลักหินอย่างละเอียด แม้ว่าปรัมบนันจะใช้หินภูเขาไฟ และนครวัดจะใช้หินทรายก็ตาม และทั้งสองแห่งยังสร้างเป็นเทวสถานเพื่อกษัตริย์ หรือเชื่อมโยงระหว่างกษัตริย์และเทพอีกด้วย
นอกจากปรัมบนันแล้ว ในประเทศอินโดนิเซียยังมีปราสาทฮินดูบนภูเขา อย่าง Candi Jago ซึ่งสร้างในศตวรรษที่ 13 หลังการสวรรคตของกษัตริย์ วิษณุวรรธนะ (Vishnuvardhana) แห่งสิงหะสาริในปี 1268 พระองค์ถูกสถาปนาเป็นเทพที่วัดแห่งนี้ในฐานะพระศิวะในรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เป็นต้น
…
นี่เป็นเพียงตัวอย่างสิ่งที่ทำให้เห็นว่า นอกพื้นที่เขมร มีอารยธรรมขอม และมีปราสาทที่ดูคล้ายคลึงกับปราสาทขอม แต่ไม่ใช่อยู่อีกหลายจุด!
และในไทยเอง แม้จะมีหลายปราสาทในเขต ‘อีสาน’ ที่เป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมขอมโบราณจริง แต่เมื่อประวัติศาสตร์ผ่านการสร้างรัฐชาติมาแล้ว ปราสาทเหล่านั้นถือว่าอยู่ในเขตดินแดนประเทศไทย
ที่สำคัญคือ มีปราสาทในไทยอีกไม่น้อย ที่ได้รับอิทธิพลฮินดูเหมือนกันกับอารยธรรมขอม แต่ไม่ใช่ของขอมโบราณ กลับได้รับอิทธิพลจากอารายธรรมทวารวดี หรือาณาจักรศรีวิชัยที่ได้รับอิทธิพลจากชวา หรืออินโดนิเซีย (ซึ่งคล้ายกันอย่างที่เล่าไป) มากกว่าใกล้ขอมเสียอีก.
อ้างอิง
https://whc.unesco.org/en/list/949
https://whc.unesco.org/en/list/642
https://www.britannica.com/topic/Khmer-Empire


