ไทยปักหมุดสู่ผู้นำเศรษฐกิจสร้างสรรค์ อุตสาหกรรมวัฒนธรรม แรงหนุนอาเซียน–UK
ความร่วมมืออาเซียน–สหราชอาณาจักรเปิดโอกาสใหม่ให้ไทยพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทั้งด้านทักษะ นโยบาย และเครือข่าย เชื่อมศิลปะ–นวัตกรรมสู่เวทีโลก
KEY
POINTS
- ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการเป็นผู้นำเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในภูมิภาค โดยมีจุดแข็งสำคัญคือทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่แข็งแกร่ง ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 8.01% ของ GDP
- ความร่วมมือระหว่างอาเซียนและสหราชอาณาจักร (ASEAN–UK) เป็นกลไกสนับสนุนหลักในการยกระดับศักยภาพของไทย ผ่านโครงการที่มุ่งเน้นการพัฒนา 3 ด้านคือ ทักษะบุคลากร (คน), การวางนโยบาย (นโยบาย), และการสร้างเครือข่าย (เครือข่าย) ระดับนานาชาติ
- ไทยยังคงเผชิญความท้าทายสำคัญคือ "ช่องว่างด้านทักษะ" โดยเฉพาะทักษะดิจิทัล และ "ช่องว่างด้านระบบนิเวศ" ที่ต้องอาศัยความร่วมมือเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายที่เกื้อหนุนให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน ตั้งแต่ความเหลื่อมล้ำ การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ไปจนถึงวาระด้านความยั่งยืน เศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้กลายเป็นกำลังขับเคลื่อนสำคัญที่หลายประเทศทั่วโลกร่วมกันผลักดัน ไม่เพียงสร้างรายได้และมูลค่าทางเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และวัฒนธรรมมาบรรจบกันเพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้สังคมอย่างกว้างขวาง
สหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในตัวอย่างชัดเจนของประเทศที่พัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์จนเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ที่จ้างงานกว่า 2 ล้านคน และคาดว่าจะเติบโตเป็น 3 ล้านคนภายในไม่กี่ปีข้างหน้า ขณะที่มูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 124 พันล้านปอนด์ต่อปี ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่านอกจากความบันเทิงและศิลปะ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ยังเป็นโครงสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งซึ่งหลายประเทศรวมถึงกลุ่มอาเซียนต้องการนำมาประยุกต์ใช้
สำหรับไทย บริติช เคานซิลและสหราชอาณาจักรเห็นศักยภาพชัดเจนว่าอาเซียนสามารถผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เติบโตได้ถึง 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2573 ขณะที่ประเทศไทยเองมีสัดส่วนมูลค่าทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์สูงถึง 8.01% ของ GDP ซึ่งถือว่าโดดเด่นในภูมิภาค หากสามารถข้ามพ้นข้อจำกัดด้านโครงสร้างและทักษะ ไทยมีโอกาสก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านความคิดสร้างสรรค์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแท้จริง
เฮเลน เฟซีย์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำอาเซียน กล่าวว่า “จากประสบการณ์ที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรได้แสดงให้เห็นว่า ความคิดสร้างสรรค์สามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเติบโตได้ และในตอนนี้เรามุ่งมั่นที่จะยกระดับศักยภาพในลักษณะเดียวกันให้เกิดขึ้นทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านความร่วมมือกับอาเซียน”
แดนนี ไวท์เฮด ผู้อำนวยการ บริติช เคานซิล ประเทศไทย กล่าวว่า “สหราชอาณาจักรมองเห็นศักยภาพของกลุ่มอาเซียนในด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่สามารถเติบโตได้ถึง 300,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 9.7 ล้านล้านบาท ในปี 2573 และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภูมิภาคโดยเฉพาะในประเทศไทย เศรษฐกิจสร้างสรรค์มีมูลค่าสูงถึง 8.01% ของ GDP”
ภาพสะท้อนศักยภาพและโจทย์ท้าทายจากผลสำรวจระดับภูมิภาค
ผล “Regional Perception Poll on the ASEAN Creative Economy” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ASEAN–UK Advancing Creative Economy ช่วยเปิดภาพกว้างของภูมิทัศน์สร้างสรรค์ในอาเซียน และชี้จุดแข็งที่น่าสนใจของไทยอย่างชัดเจน คนไทยเกือบ 40% เลือกเสพสื่อและผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ท้องถิ่นเป็นประจำ ทั้งภาพยนตร์ ดนตรี หัตถกรรม และงานทำมือ ขณะที่ 54% ของผู้ตอบแบบสำรวจมองว่า “ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่น” คือรากฐานสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ นี่คือหลักฐานว่าทุนทางวัฒนธรรมของไทยยังคงมีพลัง ไม่เพียงดึงดูดผู้บริโภคภายในประเทศ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของสินค้าและบริการที่สามารถต่อยอดสู่ตลาดโลกได้
อย่างไรก็ตาม ไทยยังเผชิญความท้าทายที่ต้องเร่งแก้ ทั้ง “ช่องว่างด้านทักษะ” โดยเฉพาะความสามารถด้านดิจิทัล การคิดสร้างสรรค์ การตลาด และการสร้างแบรนด์ ตลอดจน “ช่องว่างด้านระบบนิเวศ” ที่ต้องการนโยบาย โครงสร้างพื้นฐาน และสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังพบว่า 50% ของผู้ประกอบการสร้างสรรค์ในอาเซียนมองว่าการขาดความร่วมมือระดับภูมิภาคเป็นอุปสรรคใหญ่ สิ่งนี้ตอกย้ำว่าการรวมพลังกันในระดับภูมิภาคเป็นเรื่องจำเป็นมากกว่าที่ผ่านมา
ความร่วมมือที่สร้างผลลัพธ์ได้จริง
โครงการ ASEAN–UK Advancing Creative Economy จึงเข้ามาตอบโจทย์สำคัญนี้ ผ่านกิจกรรมที่เน้นสร้างระบบนิเวศสร้างสรรค์ให้เติบโตอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในมิติของ “คน นโยบาย และเครือข่าย”
ในด้านการเสริมทักษะมนุษย์ โครงการอบรม ASEAN–UK Festival Management ช่วยพัฒนาศักยภาพผู้จัดเทศกาลไทยและอาเซียนให้ผลิตงานคุณภาพระดับสากล ขณะที่เครื่องมือฝึกทักษะออนไลน์ Craft Toolkit ช่วยให้ช่างฝีมือและธุรกิจท้องถิ่นสามารถเรียนรู้การออกแบบผลิตภัณฑ์ การบริหารต้นทุน และการพัฒนาตลาดได้ด้วยตนเอง นับเป็นการเสริมทักษะที่เข้าถึงได้จริงและตอบโจทย์พื้นที่ห่างไกล
ส่วนด้านนโยบาย โครงการได้ผลักดันงานวิจัยและการฝึกอบรมผู้กำหนดนโยบาย เช่น โปรแกรม Hybrid Creative Economy Policy Training ซึ่งช่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐในอาเซียนเข้าใจกลไกเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และออกแบบนโยบายที่ตอบโจทย์ยุคใหม่ได้ดียิ่งขึ้น
ในด้านความเชื่อมโยงระหว่างประเทศ ความร่วมมือระหว่างอาเซียนและสหราชอาณาจักรได้เปิดพื้นที่ให้เทศกาลดนตรีไทยอย่าง Wonderfruit, Mahorasob และ Bangkok Music City เข้าร่วมเทศกาลในสหราชอาณาจักร สร้างเครือข่ายใหม่และมุมมองใหม่เกี่ยวกับการพัฒนางานดนตรีระดับนานาชาติ พร้อมทั้งเชื่อมโยงศิลปิน ผู้ผลิตเทศกาล และผู้กำหนดนโยบายเข้าหากันอย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้ ยังมีการนำร่องการสร้างเครือข่ายสร้างสรรค์ในหลายจังหวัดของไทย เช่น เชียงใหม่ แพร่ สกลนคร จันทบุรี และนครราชสีมา ผ่านความร่วมมือกับ CEA, TCEB และ อพท. เพื่อทดลองต้นแบบการพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์ในเชิงลึก ระดับจังหวัดเหล่านี้กลายเป็นห้องทดลองที่แสดงว่าการพัฒนาเชิงพื้นที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง หากมีหุ้นส่วนที่แข็งแรงและทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
เส้นทางสู่อนาคต ไทยในฐานะผู้นำความคิดสร้างสรรค์ในภูมิภาค
ทุนทางวัฒนธรรมไทยคือกำลังสำคัญที่ไม่มีใครปฏิเสธ แต่ทุนเพียงอย่างเดียวไม่อาจผลักดันประเทศไปไกลได้ หากไม่มีกรอบคิดและเครือข่ายระดับโลกที่สนับสนุน ความร่วมมืออาเซียน–สหราชอาณาจักรจึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ไทยมองเห็นโอกาสใหม่ ทั้งด้านทักษะคน นโยบาย โครงสร้างพื้นฐาน และตลาดต่างประเทศ การเชื่อมโยงระดับภูมิภาคและระดับโลกไม่เพียงช่วยเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการไทย แต่ยังช่วยให้เราเข้าใจว่าประเทศอื่นพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างไร และอะไรคือปัจจัยที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ
หากไทยสามารถผสานทุนทางวัฒนธรรมเข้ากับมุมมองสากล นวัตกรรม และระบบนิเวศที่พร้อมรองรับ ประเทศไทยมีศักยภาพสูงที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และขยายบทบาทสู่ตลาดโลกอย่างมั่นคงในอนาคต


