posttoday

พบกับ 4 นวัตกรรมสะท้อน 'เด็กไทยเจ๋ง' สร้างแอปตั้งแต่ฝึกมวย-คัดกรองกระดูกสันหลังคด

08 ธันวาคม 2568

พบกับ 4 นวัตกรรมเพื่อสังคมฝีมือเยาวชนไทย จากโครงการ Samsung Solve for Tomorrow 2025 มีดีตั้งแต่แอปฯฝึกมวย-คัดกรองโรคกกระดูกสันหลังคด!

KEY

POINTS

  • นักเรียนมัธยมปลายพัฒนา 4 สุดยอดนวัตกรรมเพื่อสังคม จากโครงการ Samsung Solve for Tomorrow 2025
  • แอปพลิเคชัน 'Boxar' ใช้ AI ช่วยฝึกมวยสากลออนไลน์ ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการออกกำลังกายแต่มีข้อจำกัดด้านค่าใช้จ่ายและเวลา
  • 'OnionZee' ผงสกัดจากหอมหัวใหญ่ ช่วยยืดอายุผลไม้ โดยเฉพาะอะโวคาโดได้นานขึ้น 8-10 วัน เพื่อลดความสูญเสียทางการเกษตร
  • นวัตกรรมเพื่อผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังคด 2 ชิ้น ได้แก่ เสื้อเซนเซอร์ 'Str8 up' ช่วยปรับท่าทาง และ 'AI SpineCheck' แพลตฟอร์มคัดกรองความเสี่ยงในเด็ก

เปิด 4 นวัตกรรมเพื่อสังคมจากพลังเยาวชนไทยผู้ชนะโครงการ Samsung Solve for Tomorrow 2025 เวทีที่เปิดโอกาสให้นักเรียนมัธยมปลายทั่วประเทศได้ใช้เทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์มาร่วมกันพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ชีวิตและชุมชนรอบตัว ภายใต้แนวคิด “Make Your Impact! คิดแก้ปัญหา พัฒนานวัตกรรม ลงมือทำให้ยั่งยืน” โดยผลงานความสำเร็จของเยาวชนในปีนี้ทั้ง 4 ทีม สะท้อนถึง พลังความมุ่งมั่นของคนรุ่นใหม่ที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมไทยได้จริงอย่างเป็นรูปธรรม

 

1. Boxar แอปฝึกมวยสากลออนไลน์

 

ทีม 'แคปหมู'

 

ทีม 'แคปหมู' จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) คว้ารางวัลชนะเลิศมาครองด้วย นวัตกรรม 'Boxar' แอปพลิเคชันฝึกมวยสากลพื้นฐาน ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ปัญหาของผู้ที่ฝึกมวยออนไลน์ ตอบโจทย์ด้านค่าใช้จ่าย เช่น การจ้างโค้ช การเดินทาง และเพิ่มโอกาสให้เข้าถึงการฝึกฝนจากโค้ชมืออาชีพได้ง่ายยิ่งขึ้น เข้าถึงง่าย สนุก และมีประสิทธิภาพได้ทุกที่ทุกเวลา

อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการดูแลสุขภาพให้คนในสังคม สร้างสังคมไทยให้เข้มแข็ง เพิ่มกำลังการผลิตของประเทศ และสร้างสรรค์สังคมที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น ทีมจึงนำเทคโนโลยีมาออกแบบร่วมกับอินไซต์จริงที่ลงพื้นที่ไปคุยกับค่ายมวย จนพัฒนาขึ้นเป็นแพลตฟอร์มที่มีทั้งคลิปฝึกทักษะ เกมที่ช่วยสร้างแรงจูงใจ และระบบ AI ตรวจจับการเคลื่อนไหว เช่น การเคลื่อนไหวของศีรษะ และการออกอาวุธ

โดยผลงานนี้ได้ทดลองใช้จริงกับโค้ชมวยและผู้ใช้กว่า 71 คน ซึ่งกว่า 88.9% ยืนยันว่าอยากใช้งานต่อ ถือเป็นความสำเร็จก้าวสำคัญที่สร้างความเป็นไปได้ใหม่ให้วงการฝึกมวยออนไลน์ 

 

2. OnionZee ผงสารสกัดหอมหัวใหญ่ ยืดอายุผลไม้ ลดความสูญเสียทางการเกษตร

 

ทีม Onion Power Rangers

 

 

ทีม Onion Power Rangers จากโรงเรียนแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้พัฒนา 'OnionZee' ผงสารสกัดจากหอมหัวใหญ่ที่ช่วยลดเชื้อราและชะลอการเน่าเสียของผลไม้ โดยเฉพาะอโวคาโด ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของเชียงใหม่ที่มักได้รับความเสียหายจากเชื้อราและแบคทีเรีย โดยแรงบันดาลใจของนวัตกรรมนี้เริ่มจากปัญหาของเกษตกรที่เผชิญปัญหาหอมหัวใหญ่ขนาดเล็กที่ต้องถูกทิ้งจำนวนมาก เกิดเป็นการเพิ่มมูลค่า และใช้สารสำคัญจากหอมหัวใหญ่อย่าง สารเควอซิทิน (Quercetin) มาใช้ในการยืดอายุการเก็บรักษาผลไม้ ซึ่งอยู่ในรูปแบบผงที่ใช้งานง่าย ปลอดภัย พร้อมผ่านการทดลองกับผู้ปลูก ผู้ค้าปลีก และครัวเรือนเป็นที่เรียบร้อย จนพบว่าสามารถ ยืดอายุผลไม้ได้นานขึ้น 8–10 วัน 

 

3. “Str8 up” เสื้อเซนเซอร์ช่วยปรับท่าทาง สนับสนุนการรักษาโรคกระดูกสันหลังคด

 

Str8 up จาก ทีม Sciourtoo

 

Str8 up จาก ทีม Sciourtoo โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จังหวัดอุบลราชธานี ที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังคด ซึ่งต้องแบกรับค่าใช้จ่ายด้านการรักษาและอุปกรณ์เสื้อเกราะดัดหลังที่มีราคาสูง ทีมจึงคิดค้นเสื้อที่ติดตั้งเซนเซอร์ Gyroscope เพื่อวัดระดับการเอนของกระดูกสันหลังแบบเรียลไทม์ พร้อมระบบแจ้งเตือนเมื่อนั่งผิดท่านานเกิน 5 วินาที โดยข้อมูลจากเสื้อจะถูกส่งไปยังแอปพลิเคชันสำหรับติดตามผล ซึ่งแพทย์สามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้ประกอบการรักษาได้จริง พร้อมยังมีจุดเด่นที่ใส่ง่าย ใส่สบาย ใช้ได้ทุกวัน และราคาจับต้องได้

นางสาวแพรวลดา ทุมมากรณ์ ตัวแทนทีม Sciourtoo เล่าถึงประสบการณ์ที่ได้รับว่า “พวกเราไม่เคยเขียนโค้ดเลย แต่ต้องเรียนรู้ทุกอย่างตั้งแต่ศูนย์ให้ทันเวลา โชคดีที่มีอาจารย์และพี่ๆ จากซัมซุงคอยช่วยเหลือ โดยในอนาคตเราอยากให้เสื้อ Str8 up ช่วยผู้คนได้จริงและเข้าถึงคนได้กว้างขึ้น ผ่านการเข้าร่วมกับสิทธิบัตรทองหรือเป็นพาร์ทเนอร์กับโรงพยาบาลรัฐ เพราะเชื่อว่าหลายคนยังมีข้อจำกัดด้านเวลาและค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงการรักษา”

 

 

4. AI SpineCheck เครื่องมือคัดกรองโรคกระดูกสันหลังคดในเด็กด้วย AI 

 

AI SpineCheck

 

 

AI SpineCheck จากปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ ที่เลือกหยิบปัญหาโรคกระดูกสันหลังคดในเด็ก มาพัฒนาเป็นแพลตฟอร์ม AI SpineCheck ที่ให้ผู้ปกครองหรือโรงเรียนถ่ายภาพหลังของเด็กตามกรอบที่กำหนด แล้วให้ระบบ AI วิเคราะห์ความเสี่ยง พร้อมคำแนะนำเบื้องต้นจากผู้เชี่ยวชาญด้านออร์โธปิดิกส์ โดยมีจุดเด่นคือ เข้าถึงง่าย ใช้ได้ทุกโรงเรียนเพียงแค่สมาร์ทโฟน และยังเก็บข้อมูลได้อย่างเป็นส่วนตัว ซึ่งปัจจุบันได้ทดลองใช้งานจริงแล้วในโรงเรียน 3 แห่ง รวม 50 คน พบว่าสามารถช่วยให้รายงานความผิดปกติได้อย่างแม่นยำ เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กเข้ารับการรักษาได้ทันเวลามากขึ้น

นายเกียรติพงศ์ บุญญานุพงศ์ ตัวแทนทีม AI SpineCheck เผยว่า “พวกเราลงพื้นที่ถ่ายรูปหลังเด็กด้วยตัวเอง ทำให้พวกเราเห็นถึงความสำคัญของนวัตกรรมในมุมที่ไม่เคยตระหนักมาก่อนว่า นวัตกรรมที่ดีต้องไม่ใช่แค่เจ๋ง แต่ต้องแก้ปัญหาให้คนได้จริง ๆ นอกจากนี้ในอนาคตเรายังอยากให้ AI SpineCheck ต่อยอดฟีเจอร์เพิ่มขึ้น เช่น telemedicine เฉพาะทางหลังคด รวมไปถึงให้คำแนะนำด้านกายภาพ  และรับฟังให้คำปรึกษาทางจิตใจให้เด็กที่อาจไม่มั่นใจในตัวเอง เพื่อเข้าถึงการดูแลที่ดีขึ้น”

ข่าวล่าสุด

แนะเส้นทางเดินรถ เปิดพิกัดขึ้นรถฟรี ชมพิธีเปิดซีเกมส์ วันที่ 9 ธ.ค.