พบกับ 4 นวัตกรรมสะท้อน 'เด็กไทยเจ๋ง' สร้างแอปตั้งแต่ฝึกมวย-คัดกรองกระดูกสันหลังคด
พบกับ 4 นวัตกรรมเพื่อสังคมฝีมือเยาวชนไทย จากโครงการ Samsung Solve for Tomorrow 2025 มีดีตั้งแต่แอปฯฝึกมวย-คัดกรองโรคกกระดูกสันหลังคด!
KEY
POINTS
- นักเรียนมัธยมปลายพัฒนา 4 สุดยอดนวัตกรรมเพื่อสังคม จากโครงการ Samsung Solve for Tomorrow 2025
- แอปพลิเคชัน 'Boxar' ใช้ AI ช่วยฝึกมวยสากลออนไลน์ ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการออกกำลังกายแต่มีข้อจำกัดด้านค่าใช้จ่ายและเวลา
- 'OnionZee' ผงสกัดจากหอมหัวใหญ่ ช่วยยืดอายุผลไม้ โดยเฉพาะอะโวคาโดได้นานขึ้น 8-10 วัน เพื่อลดความสูญเสียทางการเกษตร
- นวัตกรรมเพื่อผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังคด 2 ชิ้น ได้แก่ เสื้อเซนเซอร์ 'Str8 up' ช่วยปรับท่าทาง และ 'AI SpineCheck' แพลตฟอร์มคัดกรองความเสี่ยงในเด็ก
เปิด 4 นวัตกรรมเพื่อสังคมจากพลังเยาวชนไทยผู้ชนะโครงการ Samsung Solve for Tomorrow 2025 เวทีที่เปิดโอกาสให้นักเรียนมัธยมปลายทั่วประเทศได้ใช้เทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์มาร่วมกันพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ชีวิตและชุมชนรอบตัว ภายใต้แนวคิด “Make Your Impact! คิดแก้ปัญหา พัฒนานวัตกรรม ลงมือทำให้ยั่งยืน” โดยผลงานความสำเร็จของเยาวชนในปีนี้ทั้ง 4 ทีม สะท้อนถึง พลังความมุ่งมั่นของคนรุ่นใหม่ที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมไทยได้จริงอย่างเป็นรูปธรรม
1. Boxar แอปฝึกมวยสากลออนไลน์
ทีม 'แคปหมู' จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) คว้ารางวัลชนะเลิศมาครองด้วย นวัตกรรม 'Boxar' แอปพลิเคชันฝึกมวยสากลพื้นฐาน ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ปัญหาของผู้ที่ฝึกมวยออนไลน์ ตอบโจทย์ด้านค่าใช้จ่าย เช่น การจ้างโค้ช การเดินทาง และเพิ่มโอกาสให้เข้าถึงการฝึกฝนจากโค้ชมืออาชีพได้ง่ายยิ่งขึ้น เข้าถึงง่าย สนุก และมีประสิทธิภาพได้ทุกที่ทุกเวลา
อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการดูแลสุขภาพให้คนในสังคม สร้างสังคมไทยให้เข้มแข็ง เพิ่มกำลังการผลิตของประเทศ และสร้างสรรค์สังคมที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น ทีมจึงนำเทคโนโลยีมาออกแบบร่วมกับอินไซต์จริงที่ลงพื้นที่ไปคุยกับค่ายมวย จนพัฒนาขึ้นเป็นแพลตฟอร์มที่มีทั้งคลิปฝึกทักษะ เกมที่ช่วยสร้างแรงจูงใจ และระบบ AI ตรวจจับการเคลื่อนไหว เช่น การเคลื่อนไหวของศีรษะ และการออกอาวุธ
โดยผลงานนี้ได้ทดลองใช้จริงกับโค้ชมวยและผู้ใช้กว่า 71 คน ซึ่งกว่า 88.9% ยืนยันว่าอยากใช้งานต่อ ถือเป็นความสำเร็จก้าวสำคัญที่สร้างความเป็นไปได้ใหม่ให้วงการฝึกมวยออนไลน์
2. OnionZee ผงสารสกัดหอมหัวใหญ่ ยืดอายุผลไม้ ลดความสูญเสียทางการเกษตร
ทีม Onion Power Rangers จากโรงเรียนแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้พัฒนา 'OnionZee' ผงสารสกัดจากหอมหัวใหญ่ที่ช่วยลดเชื้อราและชะลอการเน่าเสียของผลไม้ โดยเฉพาะอโวคาโด ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของเชียงใหม่ที่มักได้รับความเสียหายจากเชื้อราและแบคทีเรีย โดยแรงบันดาลใจของนวัตกรรมนี้เริ่มจากปัญหาของเกษตกรที่เผชิญปัญหาหอมหัวใหญ่ขนาดเล็กที่ต้องถูกทิ้งจำนวนมาก เกิดเป็นการเพิ่มมูลค่า และใช้สารสำคัญจากหอมหัวใหญ่อย่าง สารเควอซิทิน (Quercetin) มาใช้ในการยืดอายุการเก็บรักษาผลไม้ ซึ่งอยู่ในรูปแบบผงที่ใช้งานง่าย ปลอดภัย พร้อมผ่านการทดลองกับผู้ปลูก ผู้ค้าปลีก และครัวเรือนเป็นที่เรียบร้อย จนพบว่าสามารถ ยืดอายุผลไม้ได้นานขึ้น 8–10 วัน
3. “Str8 up” เสื้อเซนเซอร์ช่วยปรับท่าทาง สนับสนุนการรักษาโรคกระดูกสันหลังคด
Str8 up จาก ทีม Sciourtoo โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จังหวัดอุบลราชธานี ที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังคด ซึ่งต้องแบกรับค่าใช้จ่ายด้านการรักษาและอุปกรณ์เสื้อเกราะดัดหลังที่มีราคาสูง ทีมจึงคิดค้นเสื้อที่ติดตั้งเซนเซอร์ Gyroscope เพื่อวัดระดับการเอนของกระดูกสันหลังแบบเรียลไทม์ พร้อมระบบแจ้งเตือนเมื่อนั่งผิดท่านานเกิน 5 วินาที โดยข้อมูลจากเสื้อจะถูกส่งไปยังแอปพลิเคชันสำหรับติดตามผล ซึ่งแพทย์สามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้ประกอบการรักษาได้จริง พร้อมยังมีจุดเด่นที่ใส่ง่าย ใส่สบาย ใช้ได้ทุกวัน และราคาจับต้องได้
นางสาวแพรวลดา ทุมมากรณ์ ตัวแทนทีม Sciourtoo เล่าถึงประสบการณ์ที่ได้รับว่า “พวกเราไม่เคยเขียนโค้ดเลย แต่ต้องเรียนรู้ทุกอย่างตั้งแต่ศูนย์ให้ทันเวลา โชคดีที่มีอาจารย์และพี่ๆ จากซัมซุงคอยช่วยเหลือ โดยในอนาคตเราอยากให้เสื้อ Str8 up ช่วยผู้คนได้จริงและเข้าถึงคนได้กว้างขึ้น ผ่านการเข้าร่วมกับสิทธิบัตรทองหรือเป็นพาร์ทเนอร์กับโรงพยาบาลรัฐ เพราะเชื่อว่าหลายคนยังมีข้อจำกัดด้านเวลาและค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงการรักษา”
4. AI SpineCheck เครื่องมือคัดกรองโรคกระดูกสันหลังคดในเด็กด้วย AI
AI SpineCheck จากปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ ที่เลือกหยิบปัญหาโรคกระดูกสันหลังคดในเด็ก มาพัฒนาเป็นแพลตฟอร์ม AI SpineCheck ที่ให้ผู้ปกครองหรือโรงเรียนถ่ายภาพหลังของเด็กตามกรอบที่กำหนด แล้วให้ระบบ AI วิเคราะห์ความเสี่ยง พร้อมคำแนะนำเบื้องต้นจากผู้เชี่ยวชาญด้านออร์โธปิดิกส์ โดยมีจุดเด่นคือ เข้าถึงง่าย ใช้ได้ทุกโรงเรียนเพียงแค่สมาร์ทโฟน และยังเก็บข้อมูลได้อย่างเป็นส่วนตัว ซึ่งปัจจุบันได้ทดลองใช้งานจริงแล้วในโรงเรียน 3 แห่ง รวม 50 คน พบว่าสามารถช่วยให้รายงานความผิดปกติได้อย่างแม่นยำ เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กเข้ารับการรักษาได้ทันเวลามากขึ้น
นายเกียรติพงศ์ บุญญานุพงศ์ ตัวแทนทีม AI SpineCheck เผยว่า “พวกเราลงพื้นที่ถ่ายรูปหลังเด็กด้วยตัวเอง ทำให้พวกเราเห็นถึงความสำคัญของนวัตกรรมในมุมที่ไม่เคยตระหนักมาก่อนว่า นวัตกรรมที่ดีต้องไม่ใช่แค่เจ๋ง แต่ต้องแก้ปัญหาให้คนได้จริง ๆ นอกจากนี้ในอนาคตเรายังอยากให้ AI SpineCheck ต่อยอดฟีเจอร์เพิ่มขึ้น เช่น telemedicine เฉพาะทางหลังคด รวมไปถึงให้คำแนะนำด้านกายภาพ และรับฟังให้คำปรึกษาทางจิตใจให้เด็กที่อาจไม่มั่นใจในตัวเอง เพื่อเข้าถึงการดูแลที่ดีขึ้น”


