ฉบับแรกของโลก! WHO ออกประกาศแนวทางใช้ยากลุ่ม GLP-1 สำหรับโรคอ้วน
WHO ออกแนวทางฉบับแรกของโลกอย่างเป็นทางการ ใช้ยากลุ่ม GLP-1 สำหรับโรคอ้วนได้ แต่ควรจะมีการวางระบบเพื่อดูภาวะโรคอ้วนในระยะยาวไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรัง
KEY
POINTS
- องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกประกาศแนวทางการใช้ยากลุ่ม GLP-1 สำหรับรักษาโรคอ้วนเป็นครั้งแรกของโลก
- แนวทางดังกล่าวเป็น "คำแนะนำแบบมีเงื่อนไข" สำหรับผู้ใหญ่ โดยต้องใช้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
- WHO เน้นย้ำว่ายาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาโรคอ้วนในระยะยาวได้ และชี้ให้เห็นถึงความท้าทายด้านราคาและการเข้าถึงยาอย่างเท่าเทียม
ก่อนหน้านี้ โพสต์ทูเดย์ เคยรายงานความเคลื่อนไหวของ WHO เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า WHO จ่อที่จะออกแนวทางการใช้ยากลุ่ม GLP-1 สำหรับโรคอ้วนได้ ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลกที่จะมีการบรรจุยาลดความอ้วนในบัญชียาจำเป็น เพราะแต่เดิม WHO จะใช้วิธีการแนะนำการปรับเปลี่ยนสุขภาพเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จากสถิติขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าโรคอ้วนส่งผลกระทบต่อผู้คนในทุกประเทศ และเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตทั่วโลกถึง 3.7 ล้านรายในปี 2024 หากไม่มีมาตรการที่เด็ดขาด จำนวนผู้เป็นโรคอ้วนคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2030
จากการคาดการณ์ของสมาพันธ์โรคอ้วนโลก (World Obesity Federation) ความเสียหายทางเศรษฐกิจจากภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ
คาดว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจะสูงถึง 4.32 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ภายในปี 2035
ซึ่งคิดเป็นเกือบ 3% ของ GDP โลก
สำหรับประเทศไทยปัจจุบันพบคนไทยมากกว่า 30% น้ำหนักเกินมาตรฐาน และมีจำนวนมากกว่า 10% ที่ค่า BMI อยู่ในเกณฑ์อ้วน และที่สำคัญคือ การเป็นโรคอ้วนไม่ได้เป็นเพียงปัญหาน้ำหนักเกิน แต่เป็นปัจจัยเสี่ยงชัดเจนต่อโรคไม่ติดต่อ (non-communicable diseases — NCDs) เช่น เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง และอื่น ๆตามมา
รายละเอียด WHO ออกแนวทางการใช้ยากลุ่ม GLP-1 อย่างเป็นทางการ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา WHO ได้ออกแนวทางปฏิบัติระดับโลก (Global Guideline) สำหรับการใช้ยากลุ่ม GLP-1 โดยมีรายละเอียดตามประกาศ ที่สำคัญดังต่อไปนี้
ในเดือนกันยายน 2025 WHO ได้เพิ่มยาบำบัดในกลุ่ม GLP-1 เข้าไปในรายการยาจำเป็น (Essential Medicines List) สำหรับการจัดการโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง และด้วยแนวทางใหม่นี้ WHO จึงได้ออก คำแนะนำแบบมีเงื่อนไข สำหรับการใช้ยาบำบัดเหล่านี้ เพื่อสนับสนุนผู้ที่ป่วยเป็นโรคอ้วนให้สามารถเอาชนะความท้าทายด้านสุขภาพที่ร้ายแรงนี้ได้ โดยเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึงการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ การออกกำลังกายเป็นประจำ และการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
สำหรับแนวทางใหม่ของ WHO มีคำแนะนำแบบมีเงื่อนไขที่สำคัญสองประการ
- ยาบำบัด GLP-1 อาจใช้ได้ในผู้ใหญ่ ยกเว้นสตรีมีครรภ์ สำหรับการรักษาโรคอ้วนในระยะยาว แม้ว่าประสิทธิภาพของยาบำบัดเหล่านี้ในการรักษาโรคอ้วน และการปรับปรุงผลลัพธ์ด้านเมตาบอลิซึมและด้านอื่น ๆ จะชัดเจน แต่คำแนะนำนี้เป็น แบบมีเงื่อนไข เนื่องจากยังมีข้อมูลจำกัดเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยในระยะยาว, การคงสภาพและการหยุดใช้ยา, ค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน, การเตรียมความพร้อมของระบบสุขภาพที่ไม่เพียงพอ, และนัยยะที่อาจส่งผลต่อความเท่าเทียม
- การแทรกแซงทางพฤติกรรมอย่างเข้มข้น เช่น การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและการออกกำลังกาย อาจถูกเสนอให้กับผู้ใหญ่ที่เป็นโรคอ้วนที่ได้รับยา GLP-1 ร่วมได้ แต่หลักฐานที่มีนั้นจำกัด ที่จะบอกว่าช่วยเพิ่มผลลัพธ์ของการรักษาของยากลุ่ม GLP-1
แต่ WHO ก็ย้ำว่ายาเพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถแก้ปัญหาโรคอ้วนได้ในระยะยาว
แม้ว่ายาบำบัด GLP-1 จะเป็นทางเลือกในการรักษาที่มีประสิทธิภาพเป็น ครั้งแรก สำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นโรคอ้วน แต่แนวทางของ WHO เน้นย้ำว่า ยาเพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถแก้ปัญหานี้ในระยะยาวได้ โรคอ้วนไม่ใช่แค่เรื่องส่วนบุคคล แต่เป็นระบบของสังคมที่มีปัญหาและต้องแก้ไขร่วมกัน โดยใช้เสาหลัก 3 ประการ ได้แก่
- การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ ผ่านนโยบายระดับประชากรที่แข็งแกร่งเพื่อส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคอ้วน เช่น การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
- คนที่มีความเสี่ยงจะเกิดโรคอ้วนและภาวะร่วมที่เกี่ยวข้อง ต้องมีการคัดกรองเพื่อป้องกันความเสี่ยงตั้งแต่เนิ่นๆ
- การประกันการเข้าถึงการดูแลตลอดชีวิต ที่เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ( คือ การดูแลผู้ป่วยโรคอ้วนระยะยาวไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำและปรับบริบทการดูแลให้ตรงกับความต้องการของผู้ป่วยแต่ละคน)
ข้อพิจารณาในการนำไปใช้
แนวทางดังกล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเข้าถึงยาบำบัด GLP-1 อย่างยุติธรรม และการเตรียมความพร้อมของระบบสุขภาพสำหรับการใช้ยาเหล่านี้ หากไม่มีนโยบายที่รอบคอบ การเข้าถึงยาบำบัดเหล่านี้อาจทำให้ความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพที่มีอยู่เดิมรุนแรงขึ้น WHO เรียกร้องให้มี การดำเนินการเร่งด่วน ในด้านการผลิต ความสามารถในการซื้อ และความพร้อมของระบบ เพื่อตอบสนองความต้องการทั่วโลก
เพราะแม้จะมีการขยายการผลิตอย่างรวดเร็ว ยาบำบัด GLP-1 คาดการณ์ว่าจะเข้าถึงผู้ที่ได้รับประโยชน์ได้ น้อยกว่า 10% ภายในปี 2030 แนวทางนี้เรียกร้องให้ประชาคมโลกพิจารณากลยุทธ์เพื่อขยายการเข้าถึง เช่น การจัดซื้อร่วมกัน การกำหนดราคาแบบแบ่งระดับ และการอนุญาตให้ใช้สิทธิโดยความสมัครใจ เป็นต้น
......
ทั้งนี้ ราคาของยา GLP-1 มีราคาค่อนข้างแพง จากประกาศของ WHO จึงมีความกังวลถึงการเข้าถึงของกลุ่มผู้ป่วย รวมถึงมองว่าการดูแลระยะยาวไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ เป็นเรื่องสำคัญ
สำหรับตลาดยา GLP-1 สำหรับลดน้ำหนัก มีมูลค่าทางเศรษฐกิจในปี 2024 ราวตามรายงานของบริษัทวิจัยตลาดหนึ่ง มีมูลค่าประมาณ 13.84 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดว่าจะโตไปเป็น 48.84 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2030
สำหรับประเทศไทย รายงานหนึ่งประเมินว่า ตลาด GLP-1 สำหรับลดน้ำหนัก มีรายได้ราว 53.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2024 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 179.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2030 โดยยากลุ่ม GLP-1 นั้น มีข้อบ่งชี้ในการรักษา โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes) โรคอ้วน (Obesity) และการลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด และกำลังมีการขยายข้อบ่งชี้ไปสู่โรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงโรคไต (CKD) ซึ่งจะผลักดันมูลค่าตลาดให้สูงขึ้นอีก.
** หมายเหตุยากลุ่มนี้ รวมไปถึงในรูปแบบปากกาฉีด ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น**


