posttoday

รื้อความเข้าใจใหม่! ร่างกายของมนุษย์ไม่ได้มีแค่อวัยวะเพศ ‘ชาย’ หรือ ‘หญิง’

22 ตุลาคม 2568

มนุษย์ถูกสอนมาว่า อวัยวะเพศของเรามีแค่อวัยวะเพศในรูปแบบ ‘ชาย’ และแบบ ‘หญิง’ แต่แนวคิดยุคใหม่บอกว่ามนุษย์ไม่ได้มีแค่อวัยวะเพศ 2 แบบเท่านั้น ยังมี Intersex

KEY

POINTS

  • อินเตอร์เซ็กส์ (Intersex) คือบุคคลที่มีลักษณะเพศทางชีววิทยาแต่กำเนิดไม่ตรงตามกรอบชาย-หญิง ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่ลักษณะของอวัยวะเพศภายนอก แต่รวมถึงโครโมโซม ฮอร์โมน และอวัยวะสืบพันธุ์ภายในด้วย
  • อินเตอร์เซ็กส์เป็นเรื่องของ "เพศสรีระ" ซึ่งแตกต่างจากกลุ่ม LGBTQ+ ที่เป็นเรื่องของ "เพศสภาพ" (อัตลักษณ์ทางเพศ) และ "เพศวิถี" (รสนิยมทางเพศ)
  • กรอบคิดเรื่องเพศที่มีเพียงชายและหญิงในสังคมและการแพทย์ ได้นำไปสู่การกีดกันชาวอินเตอร์เซ็กส์ และการบังคับผ่าตัดเพื่อกำหนดเพศโดยที่เจ้าของร่างกายอาจไม่ยินยอม
  • บางประเทศ เช่น อินเดีย ได้ให้การยอมรับทางกฎหมายแก่อินเตอร์เซ็กส์ในฐานะ "เพศที่สาม" เพื่อรับรองสิทธิและยุติการเลือกปฏิบัติ ซึ่งเป็นแนวทางที่แตกต่างจากประเทศไทยในปัจจุบัน

ถึงแม้บทความนี้จะโปรยไปที่ ‘อวัยวะเพศ’ ซึ่งปัจจุบันพบว่ารูปแบบของมันไม่ได้มีแค่ชายและหญิง

เพื่อให้สื่อสารได้เข้าใจอย่างรวดเร็ว และเข้าใจไอเดียที่ต้องการจะสื่อ

 

แต่แท้ที่จริงคำว่า Intersex (อินเตอร์เซ็กส์) ที่ถูกใช้เรียกคนกลุ่มนี้

จะไม่ได้ปรากฏในรูปแบบเพศสรีระที่มองเห็นได้ด้วยตาเท่านั้น!

หรือง่ายๆ คือไม่ใช่รูปลักษณ์ของ ‘อวัยวะเพศ’ เท่านั้น

 

คำว่า Intersex (อินเตอร์เซ็กส์)ในภาษาไทยเรียกว่า คนที่มีลักษณะเพศทางชีววิทยาไม่ชัดเจน หมายถึง บุคคลที่เกิดมาพร้อมกับร่างกายที่ไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าเป็นหญิงหรือชาย  ปรากฎได้ทั้งรูปแบบเพศสรีระที่มองเห็นได้ด้วยตา เช่น อวัยวะเพศ รวมไปถึงบางคนที่อวัยวะภายนอกไม่ได้แสดงออกว่าเป็น Intersex เลย แต่เมื่อตรวจโคมโครโมโซมกลับพบว่าไม่ใช่ XY หรือ XX แต่เป็นโครโมโซมแบบอื่น!

 

รื้อความเข้าใจใหม่! ร่างกายของมนุษย์ไม่ได้มีแค่อวัยวะเพศ ‘ชาย’ หรือ ‘หญิง’

 

อินเตอร์เซ็กส์ ขึ้นอยู่กับ 5 อย่างในร่างกาย ได้แก่

  1. โครโมโซมเพศ  เช่น  XX → เพศหญิง, XY → เพศชาย  ส่วนคนที่เป็น อินเตอร์เซ็กส์ (intersex) อาจมีโครโมโซมแตกต่างจากนี้ เช่น  XXY (กลุ่มอาการไคลน์เฟลเทอร์; Klinefelter syndrome) XO (กลุ่มอาการเทอร์เนอร์; Turner syndrome) หรือมีโครโมโซมผสมบางส่วน เช่น บางเซลล์เป็น XX บางเซลล์เป็น XY (เรียกว่า mosaicism)  ซึ่งความแตกต่างนี้ทำให้การพัฒนาเพศในร่างกายไม่เป็นไปตามแบบ “ชายหรือหญิง” ชัดเจน
  2. อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก   คือส่วนที่เห็นได้จากภายนอก เช่น องคชาต, ถุงอัณฑะ แคมใหญ่ แคมเล็ก ช่องคลอด  สำหรับในคนอินเตอร์เซ็กส์ อวัยวะภายนอกอาจมีลักษณะ อยู่ระหว่างกลาง เช่น องคชาตมีขนาดเล็กมากคล้ายคลิตอริส, คลิตอริสมีขนาดใหญ่คล้ายองคชาต
  3. อวัยวะสืบพันธุ์ภายใน  ได้แก่ รังไข่, มดลูก, ท่อนำไข่,อัณฑะ  คนอินเตอร์เซ็กส์บางคนอาจมีทั้งอัณฑะและรังไข่ในร่างกายเดียวกัน หรือมีเพียงบางส่วนของอวัยวะภายในที่พัฒนา เช่น มีท่อนำไข่แต่ไม่มีมดลูก เป็นต้น
  4. ระดับฮอร์โมนเพศ   เช่น เทสโทสเตอโรน คือ ฮอร์โมนเพศชาย, เอสโตรเจน คือ ฮอร์โมนเพศหญิง ฮอร์โมนเหล่านี้มีผลต่อการพัฒนาอวัยวะเพศและลักษณะทางเพศทุติยภูมิ (เช่น เสียง ขน รูปร่าง)
  5. ต่อมเพศ หมายถึง อวัยวะที่ผลิตเซลล์สืบพันธุ์และฮอร์โมนเพศ 

 

ในแนวคิดยุคใหม่ การจะมองถึงแต่อวัยวะเพศภายนอกแล้วตัดสินว่าเป็น อินเตอร์เซ็กส์ ซึ่งเป็นแค่หนึ่งใน 5 อย่างนี้ จึงทำให้มี อินเตอร์เซ็กส์ อีกไม่น้อยที่ถูกหลงลืมไป

 

 

 

อินเตอร์เซ็กส์ ไม่เท่ากับ  LGBTQ+

 

ต้องแยกให้ออกระหว่าง ‘อินเตอร์เซ็กส์’ และ ‘LGBTQ+’ 

 

เมื่อพูดถึง LGBTQ+ เราพูดถึง เพศสภาพ หรือคุณลักษณะ บทบาท พฤติกรรมที่กำหนดความเป็นเพศต่างๆ เช่น การแต่งกาย ท่าทาง การพูด ความรู้สึกภายใจของแต่ละคน และรวมไปถึงเพศวิถี คือ รสนิยมและความพึงพอใจทางเพศต่อบุคคลอื่น

 

แต่กลับไปอ่านข้างบน ‘อินเตอร์เซ็กส์’ สะท้อนผ่าน ‘ร่างกาย’ คือ ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดตามธรรมชาติ อาจจะค้นพบตั้งแต่แรกเกิดหรือทีหลังก็แล้วแต่ ซึ่งแตกต่างกัน!

 

หากมองในมุมนี้ ก็เท่ากับว่า ความเข้าใจของมนุษย์ที่อิงอยู่บนพื้นฐานของ ‘การแพทย์’ ที่แบ่งฮอร์โมน สรีระ การทำงานของร่างกายแค่เพศ ชายและหญิง นั้นทำให้คนที่ไม่ได้มีร่างกายดังกล่าว ถูกกันออกไปจากโลกใบนี้โดยสิ้นเชิง

 

 

 

อินเตอร์เซ็กส์ ไม่ใช่ความพิเศษและความแปลกแยก!

 

ในโลกนี้มีมนุษย์ อินเตอร์เซ็กส์ ซึ่งเป็นสถิติขั้นต่ำอยู่ที่ราว 1ใน 2,000 คน หรือ 0.05% ของการเกิด และสูงสุดอยู่ที่ราว 2% ของประชากร ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับอัตราการเกิดของเด็กที่เป็นแฝด (ไม่นับอินเตอร์เซ็กส์ที่ไม่ได้ถูกประเมิน เพราะมีเพศสภาวะภายนอกที่ไม่ได้แสดงความเป็นอินเตอร์เซ็กส์ออกมา)

 

ประชากรอินเตอร์เซ็กส์มีอยู่มากมายบนโลกใบนี้

 

ย้อนไปในประวัติศาสตร์ แนวคิดของคนที่ถูกเรียกว่าไม่ได้เป็นชายหรือหญิงโดยสมบูรณ์มีมาตั้งแต่ยุคกรีกและโรมัน พอเข้าในยุคกลาง คนที่เป็น อินเตอร์เซ็กส์  กลับถูกตีตราว่าเป็นลักษณะ ‘ผิดธรรมชาติ’ และเริ่มถูกกีดกันจากสังคม

 

ในประเทศไทยคำว่า ‘บัณเฑาะว์’ ปรากฎในเอกสารหลายฉบับตั้งแต่สมัยอดีต  ซึ่งบัณเฑาะว์มีสถานะเฉพาะ ถูกห้ามรับราชการบางตำแหน่ง

 

ส่วนในอินเดียมีคำว่า ‘ฮิจรา’ ซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 2,000 ปี แม้ว่าในยุคอาณานิคมอังกฤษ ฮิจราจะถูกตีตราว่าเป็นอาชญากรโดยธรรมชาติ เพราะไม่เข้ากับ ‘กรอบเพศ’ ตะวันตก แต่ฮิจราในวัฒนธรรมอินเดียดั้งเดิมมีบทบาทศักดิ์สิทธิ และเป็นผู้ที่มีพลังเหนือเพศชายและหญิง

 

กรอบเพศตะวันตก ซึ่งมาพร้อมกับวิวัฒนาการทางการแพทย์นี้เอง ที่ทำให้อินเตอร์เซ็กส์ ถูกกีดกันออกจากสังคม จากกรอบเพศที่ต้องมีแค่เพศชายและหญิงเท่านั้น ตั้งแต่ศาสนา การเมือง การแพทย์ ไปจนถึงเอกสารราชการ จะปรากฎแค่กรอบเพศชายและหญิง แต่ไม่มี อินเตอร์เซ็กส์ ให้เลือกเลย

 

ในระบบการแพทย์ เพศที่ไม่ใช่ชายและหญิงต้องถูกจัดการ นั่นคือ ‘การผ่าตัดซ่อมเพศ’ เพื่อให้มีลักษณะทางกายภาพในกรอบเพศชายหรือหญิง ซึ่งแต่เดิมการผ่าตัดหลายครั้งเป็นการตกลงร่วมกันของแพทย์และผู้ปกครอง โดยคนที่เป็นเจ้าของร่างกายไม่มีสิทธิในการตัดสินใจ

 

รื้อความเข้าใจใหม่! ร่างกายของมนุษย์ไม่ได้มีแค่อวัยวะเพศ ‘ชาย’ หรือ ‘หญิง’

 

หรือสิทธิทางสุขภาพก็จะกำหนดให้แค่ หญิง และ ชาย ตามด้วยวัยหรืออายุเท่านั้น! เพราะกรอบความคิดยังตั้งอยู่ฐานเดิมคือโลกนี้มี 2 เพศ คือหญิงและชาย

 

นอกจากนี้ กฎหมายก็สะท้อนการตีความเพศ ชายหรือหญิง อย่างชัดเจน จนทำให้คนที่เกิดมาตามธรรมชาติ แต่ไม่ได้มีโครโมโซม หรือ ร่างกายเป็นแบบชายหรือหญิง 100% ไม่มีที่ยืนทางกฎหมายหรือสังคม

 

คำถามคือ การเป็นเพศกำกวม หรือ อินเตอร์เซ็กส์ หากไม่กระทบกับความสามารถทางการใช้ชีวิต แล้วพวกเขาผิดตรงไหน? ทำไมโลกถึงกันพวกเขาออกไป ทั้งๆ ที่มีจำนวนมากถึง 2% ของประชากร!

 

 

การเดินหน้าของ อินเตอร์เซ็กส์

 

จุดเปลี่ยนสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เป็นหนึ่งตัวอย่างชั้ดีด้านสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับอินเตอร์เซ็กส์ที่สำคัญ เกิดขึ้นที่ 'อินเดีย'

 

เมื่อศาลสูงสุดของอินเดีย ได้มีคำพิพากษาย้อนไปกว่า 10 ปีที่แล้วในปี 2014 รับรองสิทธิของกลุ่ม อินเตอร์เซ็กส์ ให้ได้รับการยอมรับทางกฎหมายเป็นทางการ ในฐานะเพศที่สาม ของประเทศ!

 

โดยศาลระบุว่าการบังคับให้บุคคลเลือกเพียง 'ชาย' หรือ 'หญิง' เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญอินเดีย

 

ฮิจรา

 

บุคคลมีสิทธิระบุเพศของตนเอง โดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัดหรือวินิจฉัยทางการแพทย์ รวมถึงจะได้รับสิทธิในการศึกษา การทำงาน การรักษาพยาบาล และสวัสดิการของรัฐโดยไม่เลือกปฏิบัติ

ภายหลังคำพิพากษา ปี 2014 รัฐบาลอินเดียเริ่มบรรจุ ‘เพศที่สาม’ (ถ้านึกก็คือช่องสี่เหลี่ยมไว้กากบาทเลือก) ในเอกสารราชการ เช่น บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง และแบบฟอร์มต่างๆ

 

ก่อนหน้าอินเดียมี 3 ประเทศแรกที่ยอมรับ อินเตอร์เซ็กส์ คือ เนปาล ปากีสถาน และบังคลาเทศ ก่อนจะมาถึงอินเดีย แล้วจึงเกิดการเคลื่อนไหวในประเทศฝั่งยุโรป!

 

 

ส่วนประเทศไทยยังเหลือหนทางอีกยาวไกล .. แต่อย่างน้อยก็อยากให้สังคมเข้าใจพื้นฐานสำคัญ ที่จะบอกว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้มาตลอดชีวิตนั้นไม่เป็นความจริง!

 

นั่นคือ โลกนี้ไม่ได้มีแค่ เพศชายและหญิง ยังมีอีกเพศหนึ่งที่เกิดมาก็เป็นแบบนี้ตามธรรมชาติอยู่ด้วย.

ข่าวล่าสุด

เปิดแฟ้มครม.9 ธ.ค.68 ลุ้นคนละครึ่งพลัส2 เคลียร์โครงการงบค้างท่อ