ไม่จริง! สปสช. โต้ นพ.วีระพันธ์ ย้ำยอดค้างที่อ้างเอามาจากไหน?
สปสช. โต้ข้อมูล นพ.วีระพันธ์ ตัวเลขค้างจ่ายแต่ละโรงพยาบาลไม่เป็นความจริง โอนงบผู้ป่วยในให้ รพ.ในรอบ ส.ค.-ก.ย.68 ไปแล้ว 3,108 ล้านบาท ยันจ่ายตามหลักเกณฑ์กำหนด
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะโฆษก สปสช. กล่าวว่า ตามที่ นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา ได้โพสต์ Facebook ระบุว่า สปสช. ค้างจ่ายเงินค่าบริการให้กับหน่วยบริการเกือบทั่วประเทศนั้น และต่อมา สปสช. ได้ชี้แจงทางเว็บไซต์ สปสช. และ Facebook สปสช. ในวันเดียวกันคือวันที่ 18 ตุลาคม 2568 แต่ยังพบว่ามีสื่อมวลชนหลายแห่งยังคงนำโพสต์ Facebook ของ นพ.วีระพันธ์ ไปเผยแพร่ต่อ
จ่ายแล้ว 3 พันล้าน ตัวเลขที่อ้างไม่จริง
สปสช. จึงขอชี้แจงอีกครั้งว่า ตัวเลขค้างจ่ายดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2568 สปสช. ได้โอนเงินค่าบริการผู้ป่วยใน (IP) ในรอบผลงานบริการเดือนสิงหาคม – 15 กันยายน 2568 ให้กับหน่วยบริการแล้ว จำนวน 756 ล้านบาท โดยเป็นการโอนจ่ายตามรอบปกติของการดำเนินการตามแผน ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของการปิดปีงบประมาณ 2568 และในวันที่ 19 ตุลาคม 2568 สปสช. ได้โอนงบบบริการผู้ป่วยใน (IP) ในรอบบริการ 16-30 กันยายน 2568 อีกจำนวน 2,352 ล้านบาท รวมเป็น 3,108 ล้านบาท
และภายในสัปดาห์นี้ สปสช. จะโอนเงินค่าบริการผู้ป่วยในปี 2568 ที่อยู่ระหว่างการประมวลจ่ายเพิ่มเติมให้หน่วยบริการ จำนวน 2,753 ล้านบาท แบ่งเป็น งบประมาณในส่วนของการปิดวงเงิน Global budget หรืองบประมาณปลายปิดผู้ป่วยในจำนวน 1,560 ล้านบาท งบประมาณในส่วนของการลดผลกระทบ DRGs หรือการจ่ายตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม จำนวน 541 ล้านบาท และงบประมาณในส่วนของผลงานบริการของภาครัฐ ตามรายการ Fee schedule หรือการจ่ายตามรายการจำนวน 652 ล้านบาท
โฆษก สปสช. กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น ยังมีงบประมาณตาม พ.ร.บ.กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2569 ที่ สปสช. จะโอนให้หน่วยบริการตามมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 อีกจำนวน 2,053 ล้านบาท ภายในสัปดาห์หน้าเช่นกัน โดยเป็นงบในส่วนของค่าบริการกรณีเฉพาะ บริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค และบริการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์
ทั้งนี้จากโพสต์ของ นพ.วีระพันธ์ ที่ระบุจำนวนค้างจ่ายของแต่ละโรงพยาบาลนั้น สปสช.
ขอย้ำว่า ตัวเลขดังกล่าวไม่เป็นความจริง และไม่ทราบว่านำตัวเลขเหล่านั้นมาจากแหล่งใด
ในส่วนของการจ่ายเงินให้กับโรงพยาบาลนั้น สปสช. ดำเนินการตามรอบปกติและมีการประมวลผลก่อนจ่าย การจ่ายเป็นไปตามประกาศหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามกฎหมายทุกประการ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือไม่สร้างความสับสนแก่ประชาชน
งบ AdjRW จ่ายโรงพยาบาล ต่างกันเนื่องจากค่า k ซึ่งทางสป.สธ.จัดสรรภายในเอง / จ่อของบกลางเพิ่ม
ทพ.อรรถพร กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันในส่วนของตัวเลข AdjRW. หรือค่าน้ำหนักสัมพันธ์ ที่ระบุว่า ลด AdjRW. จาก 8,350 บาท ลงไปเหลือ 6,643 บาทนั้น ก็ไม่เป็นความจริง ในปีงบประมาณ 2568 สปสช. จ่ายงบบริการผู้ป่วยในให้กับโรงพยาบาลข้อมูล 10 เดือน (ตุลาคม 2567-กรกฎาคม 2568) จ่ายเบื้องต้น 8,350 บาทต่อ AdjRW. แต่เนื่องจากเป็นงบประมาณปลายปิด เมื่อคำนวณผลงานการให้บริการใน 2 เดือนที่เหลือคือ สิงหาคม และกันยายน 2568 พบว่าค่าเฉลี่ยภาพรวมทั้งประเทศประมาณ 7,800 บาทต่อ AdjRW. ซึ่งตามหลักการทางบัญชีต้องมีการคิดคำนวณย้อนหลัง จึงเป็นเหตุให้ สปสช. ต้องคำนวณและปรับการจ่ายใหม่
อย่างไรก็ตามในแต่ละโรงพยาบาลจะมีค่าน้ำหนัก AdjRW. แตกต่างกันเนื่องจาก ค่า k ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) คำนวณในลักษณะของการปรับเกลี่ยระหว่างโรงพยาบาล ซึ่งเป็นการจัดสรรภายในของ สป.สธ. เอง
ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณค่ารักษาผู้ป่วยในที่ไม่เพียงพอ เนื่องจากการใช้บริการผู้ป่วยในเพิ่มมากกว่าที่คาดการณ์ไว้นั้น ที่ผ่านมามติบอร์ด สปสช. ได้ดำเนินการของบกลางจากรัฐบาลเพิ่มเติมเพื่อให้ได้อัตรา 8,350 บาทต่อ AdjRW. ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป
เตรียมเสนอรัฐเพิ่มค่า AdjRW เป็น 10,000 จากควาต้องการด้านสาธารณสุขที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เคยเปิดเผย ในเวที เสวนาแนวทาง “การบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2569” ว่า จะขอค่า AdjRW เป็น 10,000 เพื่อให้สอดคล้องกับตัวเลขจริงที่เกิดขึ้น
นพ.สมฤกษ์ กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสำหรับกองทุนของ สปสช. เกิดจาก งบประมาณไม่เพียงพอต่อรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น เมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์ ต่อ GDP ของไทยในภาพรวมต้องมากกว่านี้ ซึ่งเมื่อหาตัวเลขมาเปรียบเทียบ เมื่อเทียบกับประเทศใน OECD ประเทศไทยจะต่างอยู่ 7% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายต่อหัวของประชากร จะพบว่า สิงคโปร์และ OECD สูงกว่าประเทศไทยอยู่มากเช่นกัน
คำถามคือควรจะเป็นตัวเลขเท่าไหร่?
" เมสเสจที่เราบอกกับรัฐบาลร่วมกับสปสช. คือ เราอยากจะบอกว่าการบริการเพิ่มขึ้นทุกปี เงินที่จัดสรรให้กระทรวงสาธารณสุขในการให้บริการไม่พอ เพราะฉะนั้นที่บอกว่าจัดสรรเงินไม่พอ ต้องมาดูวิธีการจัดสรรเงินจากสปสช. ว่ายังไง"
" เราอยากขอที่ 10,000 บาทในปีหน้า แต่ว่าต้องทำให้รัฐบาลเห็นว่ามีบริการอะไรในการรักษาบ้าง หากเป็น 13,000 บาท จะทำให้คนในภูมิภาคได้รับบริการที่ทัดเทียมโรงพยาบาลแพทย์ และแก้ปัญหาเรื่องสมองไหลของบุคลากรทางการแพทย์ เพราะเขาจะได้รับค่าชดเชยที่ดีขึ้น ... ทางกระทรวงจึงต้องลุกขึ้นมาดูว่าจะหารายได้เพิ่มที่ตรงไหน " ปลัดกระทรวงสธ.ระบุ
สำหรับค่า AdjRW คือตัวเลขสำคัญที่ทำโรงพยาบาลหลายแห่งขาดทุน โดยตามกฎหมายเนื่องจากเป็นงบปลายปิด เมื่อจะหมดปีงบประมาณ จึงมีการคำนวนตัวเลขจากงบดังกล่าวเพื่อเกลี่ยงบประมาณไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งเมื่อมีผู้ป่วยมากขึ้น จึงทำให้ค่า AdjRW ที่กำหนดไว้ที่ 8,350 บาทลดลง (เนื่องจากงบมีเท่าเดิม).


