รู้จัก ‘โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย’ หลังอย.ปรับกฎ-ลดขั้นตอน หวังชิงพื้นที่ตลาด 8.6 พันล้าน!
โพสต์ทูเดย์ พารู้จักโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย หน้าตาเป็นอย่างไร? หลังอย.ปรับกฎ-ลดขั้นตอน หวังชิงพื้นที่ตลาด 8.6 พันล้าน! ซึ่งแต่เดิมเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ
KEY
POINTS
- อย. เตรียมปรับปรุงกฎระเบียบและลดขั้นตอนการอนุญาต เพื่อส่งเสริมการใช้โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย
- ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดโพรไบโอติกในประเทศซึ่งมีมูลค่ากว่า 8.6 พันล้านบาท และลดการพึ่งพาสายพันธุ์นำเข้าที่มีราคาสูง
- หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ มหาวิทยาลัย และเอกชน กำลังวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทยเพื่อนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ภายใต้โครงการ “การประเมินความปลอดภัยและคุณสมบัติของจุลินทรีย์สายพันธุ์ไทย” เพื่อผลักดันให้ “โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย" เป็นสินค้าดาวรุ่งที่มีศักยภาพแข่งขันในตลาดโลก
เพราะเมื่อเจาะดูมูลค่าตลาดโพรไบโอติกในประเทศไทยจะพบว่ามีมูลค่ากว่า 8.6 พันล้านบาท
โดย เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า กระแสรักสุขภาพเชิงป้องกันส่งผลให้ตลาดโพรไบโอติกในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2568 มีมูลค่าประมาณ 8,600 ล้านบาท และคาดว่าจะขยายตัวไปถึง 12,700 ล้านบาท ภายในปี 2573 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 8% จึงตลาดที่น่าจับตามองของผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ
แต่ในปัจจุบันจุลินทรีย์โพรไบโอติกที่ใช้ในอาหารส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์นำเข้าจากต่างประเทศ! ซึ่งทาง BOI เคยมีการเปิดเผยว่ามีราคาสูงถึง 25,000 – 45,000 บาทต่อกิโลกรัม
ข้อจำกัดนี้จะกลายเป็นโอกาสสำคัญสำหรับการลงทุนและพัฒนาโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย ซึ่งสามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลกและช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าได้
การเกิดขึ้นของโครงการดังกล่าว มีเป้าหมายหลายประการ ได้แก่
ลดเวลา เพิ่มรายการโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทยที่ผ่านการรับรองแล้ว เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปผลิตอาหารได้อย่างรวดเร็ว
เพิ่มความมั่นใจ ทวนสอบสายพันธุ์จุลินทรีย์ในตลาดและขอข้อมูลทางเทคนิคจากผู้ประกอบการ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการลดขั้นตอนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ที่มีโพรไบโอติกเป็นส่วนประกอบในอนาคต
นอกจากนี้ อย. ยังเร่งปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วย ฯ ว่าด้วยการใช้จุลินทรีย์โพรไบโอติกในอาหาร ให้สอดคล้องกับหลักการขององค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการให้สามารถนำโพรไบโอติกไปใช้ในอาหารได้สะดวก เป็นมาตรฐานสากลยิ่งขึ้นอีกด้วย
โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย ไปถึงไหนแล้ว
โพรไบโอติก เป็นหนึ่งใน Future Food หรืออาหารแห่งอนาคต ซึ่งกลายเป็นส่วนสำคัญในกลุ่ม Functional Food เนื่องจากคุณสมบัติในการปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเครียดและอาการซึมเศร้า และเสริมสร้างสุขภาพจิต ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โพสต์ทูเดย์ รวบรวมความคืบหน้าของ โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย จะพบว่า มีการร่วมมือของหน่วยงานทั้งภาครัฐ มหาวิทยาลัย และเอกชน ในการวิจัยและขับเคลื่อนพัฒนาโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทยมาโดยตลอด อาทิ
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เปิดตัว ‘นมอัดเม็ดเสริมโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย’ ทางเลือกใหม่ช่วยจัดการภาวะเมตาบอลิกซินโดรมในเด็ก ซึ่งได้รับรางวัลเหรียญเงินในงาน "Higher Education Innovation Awards 2025" จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิจัย ไมโครเอนแคปซูเลทบาซิลลัส 63-11 ที่มีศักยภาพเป็นโพรไบโอติกเพื่อเพิ่มอายุการเก็บและฤทธิ์ทางชีวภาพสำหรับใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
BOI ได้ให้ทุนส่งเสริมโครงการผลิต Probiotics สายพันธุ์ไทย เช่น ของบริษัท ออล อะเบ๊าท์ เอ็กซ์แทรกท์ จำกัด ที่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำเทคโนโลยีชีวภาพมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เงินลงทุนกว่า 12 ล้านบาท ที่ไม่เพียงแค่พัฒนาผลิตภัณฑ์โพรไบโอติกคุณภาพสูง แต่ยังเป็นการพัฒนาโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทยที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
บพข.ให้ทุนสนับสนุนงานวิจัยแก่ มศว.ร่วมกับบริษัท วิโนน่า เฟมินิน จำกัดพัฒนา โพรไบโอติกส์สายพันธุ์ไทย ที่เน้นการแก้ปัญหาสุขภาพองค์รวมของสตรีวัยหมดระดู
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว. ) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับบริษัท อินโนบิก (เอเชีย) จำกัด ในเครือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดตัว 'ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสูตรจุลินทรีย์โพรไบโอติกสำหรับระบบทางเดินอาหาร' เป็นต้น
ทั้งนี้ โรงพยาบาลเมดพาร์ค ได้ให้ข้อมูลไว้ในเว็บไซต์ เกี่ยวกับประโยชน์ของโพรไบโอติกส์ไว้ดังนี้
- ต่อสู้กับแบคทีเรียตัวร้ายที่รุกรานเข้ามา
- เสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันเพื่อลดการอักเสบ
- ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
- สร้างวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย
- ป้องกันไม่ให้แบคทีเรียที่ไม่ดีต่อร่างกายเติบโตมากจนเกินไป
- เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์บุผนังที่ช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียที่ไม่ดีเข้าสู่กระแสเลือด
- ช่วยร่างกายในการเผาผลาญและดูดซึมอาหารและยา
จากงานวิจัย โพรไบโอติกส์มีส่วนช่วยในบรรเทาอาการเจ็บป่วยบางอย่าง เช่น ท้องผูก ท้องเสียจากยาปฏิชีวนะและเชื้อแบคทีเรีย Clostridioides difficile โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง โรคลำไส้แปรปรวน กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ตกขาวจากเชื้อรา ติดเชื้อในกระเสเลือดในเด็กทารก หูชั้นกลางอักเสบ หวัดตามฤดูกาล และไซนัสอักเสบ อย่างไรก็ตามผลลัพธ์อาจแตกต่างไปในแต่ละบุคคล
อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงของโพรไบโอติก หากกินมากเกินไป จะเกิดในผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดมาไม่นานมานี้ หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพรุนแรง การรับประทานโพรไบโอติกส์อาจไปเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ การดื้อยาปฏิชีวนะ และการที่จุลินทรีย์โพรไบติกส์เองสร้างสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย.


