มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ หันมาสอบแบบเขียน! ป้องกันนักเรียนใช้ AI
มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา หันมาใช้วิธีการสอบแบบข้อเขียน! เพื่อป้องกันนักศึกษาใช้ AI ในการสอบ ทำให้ยอดขาย Blue Book หรือสมุดสอบกระดาษพุ่งสูงในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา
KEY
POINTS
- มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาหันกลับมาใช้วิธีสอบแบบเขียนด้วยลายมือในสมุดสอบ หรือ "Blue Book" เพื่อป้องกันนักศึกษาใช้ AI อย่าง ChatGPT ในการทุจริต
- ยอดขาย "Blue Book" ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งมียอดขายสูงขึ้น 30-80% ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มการกลับไปสอบแบบดั้งเดิม
- อาจารย์หลายคนเปลี่ยนมาใช้วิธีสอบแบบเขียนหลังจากพบว่างานที่นักศึกษาส่งโดยใช้ AI มีการอ้างอิงข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง เพื่อวัดความเข้าใจของนักศึกษาได้ดีขึ้น
- นอกจากการสอบเขียนแล้ว บางสถาบันยังใช้วิธีอื่น เช่น การสอบปากเปล่า เพื่อประเมินความเข้าใจของนักศึกษาโดยตรงและป้องกันการโกงด้วย AI
ปัญหาการใช้ AI ในการสอบ ยังคงเผชิญกับความท้าทายว่าจะสามารถวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอย่างไรในยุคที่ AI เข้ามามีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ เด็กจะเข้าใจสิ่งที่เรียนได้จริงหรือไม่ นั่นเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลต่อวงการการศึกษาไม่น้อย
เมื่อดูผลการสำรวจในเดือนมกราคม 2023 ของ Study.com จากอาจารย์กว่า 100 คนและนักเรียนกว่า 1,000 คน พบว่าเกือบ 90%ของนักศึกษามหาวิทยาลัยใช้ ChatGPT ทำการบ้าน 53% ใช้เขียนเรียงความ และ 48% ใช้สำหรับข้อสอบหรือแบบทดสอบที่ทำที่บ้าน มากกว่า 70% ของอาจารย์มหาวิทยาลัยแสดงความกังวลว่า ChatGPT อาจถูกใช้โกงในการทำงานเหล่านี้
ล่าสุด หนังสือพิมพ์อย่าง The Wall Street Journal รายงานในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่ายอดขาย "Blue Book" (สมุดสอบกระดาษ) ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง เช่น มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ (University of California, Berkeley) ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 80% มหาวิทยาลัยฟลอริดา (University of Florida) เพิ่มขึ้นเกือบ 50% และมหาวิทยาลัยเท็กซัส เอแอนด์เอ็ม (Texas A&M University) เพิ่มขึ้นมากกว่า 30%
ส่วนบริษัทอย่าง Roaring Spring Paper Products บริษัทในรัฐเพนซิลเวเนีย ผู้ผลิต Blue Book รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ รายงานว่า ยอดขาย Blue Book เพิ่มขึ้นเกือบ 75% ระหว่างปี 2022 ถึง 2023 และแนวโน้มยังคงเติบโตมากขึ้นในปี 2024 อีกด้วย
การเพิ่มขึ้นนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากอาจารย์ในมหาวิทยาลัยหันมาใช้วิธีการสอบแบบดั้งเดิมมากขึ้น หรือการเขียนคำตอบในกระดาษหรือในสมุดเป็นเล่มๆ เพื่อป้องกันการทุจริตในการสอบที่อาจเกิดจากการใช้เทคโนโลยี เช่น ChatGPT หรือเครื่องมือ AI อื่นๆ
The Wall Street Journal ยังรายงานอีกด้วยว่า Kevin Elliott อาจารย์ของมหาวิทยาลัยเยล ซึ่งสอนด้านจริยธรรม การเมืองและเศรษฐศาสตร์ สังเกตเรียงความที่ผิดปกติและเปลี่ยนมาใช้วิธีการ Blue Book แทนหลังพบว่านักเรียนใน AI เขียนงานและมีการอ้างคำพูดของนักปรัชญาชื่อดังที่สร้างขึ้นเอง ซึ่งเป็นความ "หลอน" ของ AI อย่างชัดเจน ซึ่งการหันกลับมาใช้การสอบแบบ "เขียนทั้งหมด" นี้ให้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยอย่าง Elon University พบว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัยกว่า 59% รายงานว่ามีการโกงเพิ่มขึ้นในมหาวิทยาลัยด้วยการใช้เครื่องมือ AI ซึ่งเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลาย และมากกว่าครึ่งเชื่อว่าอาจารย์ไม่สามารถแยกความต่างระหว่างงานที่สร้างโดย AI กับงานที่เขียนโดยนักเรียนได้
อาจารย์งัดหลายวิธีใช้สอบ เพื่อวัดความสัมฤทธิ์ผลทางการเรียนโดยห้ามใช้ AI
จจุบันการสอบในมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่มีชื่อเสียงทั่วโลก หันไปทำการทดสอบด้วยปากเปล่า (Oral Exams) เพื่อป้องกันการโกงผ่าน AI ซึ่งเป็นวิธีที่ยากต่อการปลอมแปลงและช่วยให้อาจารย์สามารถประเมินความเข้าใจและความคิดของนักศึกษาได้โดยตรง
รวมไปถึงการใช้เครื่องมือตรวจจับ AI เช่น Turnitin ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ว่ามีการใช้ AI ในการเขียนงานหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เครื่องมือเหล่านี้ยังมีข้อจำกัดและอาจมีความผิดพลาดในการระบุได้ อีกทั้งยังมีการรายงานว่ามหาวิทยาลัยหลายแห่งในออสเตรเลียประสบปัญหากับการใช้เครื่องมืออย่าง Turnitin ในการตรวจสอบ เหตุจากเครื่องมือเหล่านี้มักมีอัตราการตรวจจับผิดพลาดสูง โดยเฉพาะในกรณีของนักศึกษาที่ใช้เครื่องมือช่วยเขียนอย่าง Grammarly หรือมีทักษะภาษาอังกฤษที่จำกัดก็จะถูกมองว่าเป็นการใช้ AI เขียนทั้งสิ้น
Blue Book คืออะไร?
Blue Book คือ สมุดสอบราคาถูก ที่ใช้ในมหาวิทยาลัยสหรัฐอเมริกาเพื่อให้นักเรียนเขียนคำตอบข้อสอบหรือเรียงความด้วยลายมือ ซึ่งถูกนำมาใช้ครั้งแรกปลายปี 1920 มีราคาประมาณเล่มละ 23 เซนต์ หรือประมาณ 8 บาท


