เช็คลิสต์ คอนเทนต์แบบไหน ปั้นยอดได้ AI ชอบ! แถมกลับมาใช้ซ้ำ
โพสต์ทูเดย์ พานักสร้างคอนเทนต์เช็คลิสต์ คอนเทนต์แบบไหน ปั้นยอดได้ AI ชอบใช้ หลังจากที่ AI ได้ปฏิวัติระบบการเสริชหาข้อมูลแบบเดิมๆ ไปตลอดกาล
KEY
POINTS
- AI ชอบคอนเทนต์ที่มีโครงสร้างชัดเจน (เช่น มีหัวข้อย่อย, bullet point) ใช้ภาษาที่เป็นกลาง ตรงไปตรงมา และมีข้อเท็จจริงประกอบ
- เนื้อหาควรมีความเฉพาะเจาะจง เช่น ตัวเลข สถิติ ชื่อบุคคล/องค์กร และเป็นข้อมูลที่ไม่ซ้ำใครซึ่งมาจากประสบการณ์ตรงหรือการสัมภาษณ์
- การมีแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือและตรวจสอบได้ รวมถึงการเผยแพร่บนเว็บไซต์สาธารณะที่เข้าถึงง่าย จะเพิ่มโอกาสให้ AI เลือกใช้ข้อมูล
- AI มีแนวโน้มที่จะอ้างอิงแหล่งข้อมูลเดิมซ้ำๆ ดังนั้นบทความที่เคยถูกอ้างอิงแล้วจะมีโอกาสถูกนำไปใช้บ่อยขึ้น (Matthew Effect)
ทุกวันนี้เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ นักสร้างคอนเทนต์ ล้วนแล้วแต่ต้องติดหล่มกับยอดเอนเกจที่บางทีก็ไม่กระเตื้องไปไหน เนื่องจากเมื่อผู้คนใช้ AI ในหลายๆ โปรแกรมค้นหา จะพบว่าผู้ใช้ไม่คลิกเข้าเว็บต้นทาง
จากเดิม ถ้าผู้ใช้งานอยากรู้เรื่องไหน ก็จะเปิด Google เพื่อค้นหา และเข้าไปอ่านเพิ่มเติมในลิงก์ของต้นทาง แต่เมื่อ Google เพิ่มฟังก์ชั่นว่าเมื่อค้นหาแล้ว คำตอบจะปรากฎขึ้นมาเลย ก็ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องคลิกอีกต่อไป อีกทั้ง AI ยังมีแนวโน้มที่จะเลือกอ้างอิงเฉพาะเว็บที่ ‘น่าเชื่อถือสูง’ และ ‘ใช้ซ้ำในเว็บเดิม’ จึงทำให้ เว็บไซต์เล็กๆ หรือเว็บใหม่ๆ อาจไม่ถูกเลือกหรือถูกอ้างอิง
และด้วยเหตุผลต่างๆ ผลกระทบจากนักสร้างคอนเทนต์ที่เคยพึ่ง SEO ก็ทำให้มีการคลิกเข้าเว็บไซต์ลดลง การค้นหาแบบ Organic ลดลง จนต้องปรับกลยุทธ์กันระนาว
เปิดแนวทางคอนเทนต์แบบไหน? ที่ AI ชอบ และจะดึงมาใช้งานซ้ำๆ บ่อยๆ
- มีโครงสร้างที่ชัดเจน AI จะชอบข้อมูลที่มีโครงสร้างอย่างมีระเบียบ เพราะจะสามารถทำให้ AI ดึงข้อมูลมาใช้ได้ดีขึ้น เช่น มีการใช้หัวข้อย่อย มีการใช้ Bullet Point มีการขึ้นย่อหน้าใหม่ที่ชัดเจน หรือใช้คำเฉพาะหรือคำซ้ำในเรื่องเดียวกันอย่างมีแบบแผน เพราะ AI จะสามารถเข้าใจเนื้อหาเหล่านั้นง่าย จึงมีแนวโน้มจะดึงมาใช้งานเพื่อความแม่นยำ อีกทั้งยังช่วยลดทอนความ ‘มโน’ หรือ ‘ความหลอนของ AI ที่เป็นประเด็นอยู่.. AI จึงถูกป้อนให้เลือกเนื้อหาที่มีโครงสร้างที่ชัดเจนมากกว่า
- ใช้ภาษาที่ ‘ตรงไปตรงมา’ เข้าใจง่าย และมีข้อเท็จจริงร่วมด้วย AI จะดึงข้อมูลที่เขียนด้วยภาษาชัดเจน ตรงประเด็น และไม่มีการคลุมเครือ กล่าวคือ ยิ่งอ่านยิ่งเข้าใจง่าย นั่นแหละ AI ชอบ
- มีข้อมูลเฉพาะ เช่น ข้อมูลวันเดือนปีเกิดของเรื่อง ของบุคคล ตัวเลขและสถิติที่น่าสนใจ หรือมีชื่อของบุคคลและองค์กร และมีคำจำกัดความด้านเทคนิคผสมผสาน เพราะ AI จะคิดว่าข้อมูลเหล่านั้น ‘เฉพาะเจาะจง’ เป็นข้อมูลที่เอ็กซ์คลูซีฟ
- มีแหล่งอ้างอิง เช่น บทความที่มีลิงก์กลับไปยังแหล่งข้อมูลของทางการต่างๆ เพราะ AI จะใช้แหล่งอ้างอิงเหล่านี้ในการประเมินความน่าเชื่อถือของบทความ AI จึงชอบบทความเชิงวิชาการที่มีการอ้างอิงชัดเจน เพราะ AI ก็อยากจะได้ความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม AI บางรุ่นก็มีปัญหาการอ้างอิงเท็จถึงประมาณ 40-50% หรือที่เรียกกันว่า ‘หลอน’ (Hallucinated Citations) ก็จะยิ่งทำให้ AI มุ่งไปหาบทความหรือเนื้อหาที่มีแหล่งอ้างอิงตรวจสอบได้มากขึ้น
- เนื้อหาไม่ซ้ำกับบทความทั่วๆ ไป โดย AI จะรู้ว่าบทความหรือสิ่งที่เราเขียน ‘ซ้ำ’ กับเว็บไซต์หรือคอนเทนต์อื่นหรือไม่ ฉะนั้น AI จะชอบเนื้อหาที่เขียนจากประสบการณ์ตรง การสัมภาษณ์ หรือข้อมูลเจาะลึกในพื้นที่มากกว่า!
- เขียนในภาษาที่เป็นกลาง ด้วยความที่ AI มุ่งหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือ มันจึงลดการดึงข้อมูลหรือเนื้อหาที่เน้นอารมณ์ Clickbait หรือภาษาลำเอียงเกินไป และเน้นเนื้อหาให้ความรู้มากกว่าโน้มน้าวหรือโฆษณาชวนเชื่อ เช่น AI จะชอบประโยคที่ว่า “การจมน้ำเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งในเด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปี (กรมควบคุมโรค, 2566)” แต่จะไม่ชอบประโยคที่ว่า “น่าสลดใจอย่างยิ่ง! เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีตายเพราะผู้ใหญ่ไม่ใส่ใจ” เป็นต้น
- เปิดให้เข้าถึงได้ กล่าวคือบทความต้งออยู่บนเว็บที่เปิดให้เข้าถึงได้ และเป็นเว็บสาธารณะ จะมีโอกาสสูงที่จะถูกอ้างอิงมากกว่าเกือบ 6 เท่า!
โดยมีการระบุจากเว็บไต์ของ Cornell University กล่าวว่า AI นั้นมีแนวโน้มจะอ้างอิงแหล่งข้อมูลเหมือนมนุษย์ แต่พบความต่างคือ AI จะอ้างถึงแหล่งข้อมูลเดิมๆ ซ้ำๆ มากกว่ามนุษย์ ซึ่งเรียกว่า Matthew Effect เพราะฉะนั้นบทความที่เคยถูกอ้างบ่อยๆ ก็จะยิ่งถูก AI ดึงมาใช้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นแหล่งข้อมูลหลักที่ AI จดจำ
คอนเทนต์สายนักเขียนอาร์ตจะทำอย่างไร?
เมื่ออ่านสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็จะพบว่าคอนเทนต์ที่มีวรรณศิลป์ ซึ่งใช้ภาษาเปรียบเทียบ เปรียบเปรย อาจไม่ถูกเลือกจาก AI
เพราะถูก AI ตัดสินว่ามีอารมณ์ร่วม และไม่น่าเชื่อถือ อีกทั้ง AI จะรู้สึกว่าไม่สามารถใช้ประโยคที่ปรากฎไปสรุปเป็นข้อเท็จจริงได้ อีกทั้งรูปประโยคก็ซับซ้อนเกินกว่าที่ AI จะอยากเลือกใช้
อย่างไรก็ตาม หากผลงานชิ้นนั้นมีข้อมูลเฉพาะทางวัฒนธรรมร่วมอยู่ในงาน ก็มีโอกาสสูงขึ้นที่ AI จะดึงมาใช้งาน เช่น มีการเล่าประสบการณ์พิธีกรรมทางศาสนาเฉพาะท้องถิ่น มีการอธิบายแฝงอยู่ในบทกวี เช่น การอธิบายพิธีแต่งงานของชนเผ่าต่างๆ ร่วมในงาน เป็นต้น
.
.
สรุปแล้วข้อมูลเชิงสารคดี ข่าว จะเป็นรูปแบบของข้อมูลหรือคอนเทนต์ที่ AI มีแนวโน้มดึงมาใช้งานได้ง่ายมากกว่า แต่หากเป็นบทความเชิงวรรณศิลป์ กวีที่กลับยากที่ AI จะดึงข้อมูลมาใช้ แต่ถ้าหากผลงานดังกล่าวมีการผสมข้อมูลจริงร่วมด้วย ก็มีโอกาสมากขึ้นนั่นเอง.


