posttoday

พลาสติกทำลายสุขภาพ ยันเศรษฐกิจโลก สูญปีละ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์

05 สิงหาคม 2568

The Lancet เตือนภัยพลาสติก ทำลายสุขภาพตั้งแต่ในครรภ์จนถึงวัยชรา สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี

KEY

POINTS

  • มลพิษพลาสติกสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจโลกกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี จากต้นทุนด้านสาธารณสุขและผลกระทบต่อแรงงาน
  • พบไมโครพลาสติกในร่างกายมนุษย์ เช่น เลือดและรก สารเคมีในพลาสติกเชื่อมโยงกับโรคร้ายแรงและการรบกวนระบบฮอร์โมน
  • การผลิตพลาสติกเพิ่มขึ้นมหาศาลแต่รีไซเคิลได้น้อยมาก จึงมีการเรียกร้องให้มีสนธิสัญญาระดับโลกเพื่อควบคุมการผลิตตั้งแต่ต้นทาง

วารสารการแพทย์ชั้นนำ The Lancet เผยรายงานล่าสุดชี้ให้เห็นว่า มลพิษจากพลาสติกกำลังเป็นภัยเงียบต่อสุขภาพมนุษย์ในทุกช่วงชีวิต ตั้งแต่ทารกในครรภ์จนถึงผู้สูงอายุ โดยก่อให้เกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี จากต้นทุนทางสาธารณสุขและผลกระทบต่อแรงงาน

 

The Lancet ระบุว่า พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง คือตัวการสำคัญของปัญหา ตั้งแต่ปี 1950 เป็นต้นมา การผลิตพลาสติกทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 200 เท่า โดยเฉพาะพลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียว หรือ Single Use Plastic เช่น ขวดน้ำ หลอด และบรรจุภัณฑ์อาหาร ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นเกือบ 40% ของการใช้พลาสติกทั้งหมด (ข้อมูลจาก UNEP, 2023)

 

แม้จะมีการรณรงค์เรื่องการรีไซเคิล แต่อัตราการรีไซเคิลพลาสติกทั่วโลกยังอยู่ที่เพียง 9% ขณะที่ส่วนใหญ่ถูกเผาทำลายหรือถูกทิ้งในสิ่งแวดล้อม สร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศและสุขภาพมนุษย์อย่างต่อเนื่อง

 

พลาสติกทำลายสุขภาพ ยันเศรษฐกิจโลก สูญปีละ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์

 

พลาสติก = ปิโตรเลียม + คาร์บอน

พลาสติกส่วนใหญ่ผลิตจากน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน ส่งผลให้การผลิตพลาสติกปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 2 พันล้านตันต่อปี (ประมาณ 3.4% ของการปล่อยคาร์บอนทั่วโลก) ซึ่งมากกว่าการปล่อยก๊าซของประเทศรัสเซียทั้งประเทศ (International Energy Agency, 2022)

 

หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง ภายในปี 2060 การปล่อยคาร์บอนจากภาคพลาสติกอาจพุ่งสูงถึง 4.3 พันล้านตันต่อปี (OECD, 2022)

 

จากการค้นพบในเลือด ถึงหลักฐานในไขกระดูก

ไม่นานมานี้ งานวิจัยจากทีมวิทยาศาสตร์หลายประเทศเผยว่า พบไมโครพลาสติกในตัวมนุษย์ ไม่ใช่แค่ในลำไส้หรืออุจจาระเท่านั้น แต่ยังพบในเลือด รกทารก น้ำนมแม่ อสุจิ และแม้แต่ในไขกระดูก ซึ่งหมายความว่าพลาสติกสามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิต และอาจเดินทางไปยังอวัยวะสำคัญอย่างสมองและหัวใจ

 

ผลกระทบต่อสุขภาพนั้นไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป รายงานของ The Lancet ชี้ว่า สารเคมีในพลาสติก เช่น BPA, phthalates และ PFAS อาจรบกวนระบบต่อมไร้ท่อ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาทางร่างกาย ฮอร์โมน และระบบสืบพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทารกและเด็กเล็ก ซึ่งอวัยวะต่าง ๆ ยังพัฒนาไม่เต็มที่

 

พลาสติกในครรภ์ เมื่อชีวิตเริ่มต้นในโลกที่ปนเปื้อน

การสัมผัสกับไมโครพลาสติกตั้งแต่ในครรภ์ ถูกเชื่อมโยงกับความเสี่ยงของการแท้งบุตร ภาวะคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักแรกเกิดต่ำ โรคภูมิแพ้และระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติในวัยเด็กมะเร็งในวัยเยาว์ ไปจนถึงภาวะมีบุตรยากในวัยผู้ใหญ่

แม้หลายประเด็นยังอยู่ในระหว่างการศึกษาเชิงลึก แต่หลักฐานทางระบาดวิทยาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ว่าพลาสติกไม่ได้ “เฉย” กับร่างกายมนุษย์

 

รายงาน The Lancet ย้ำว่า ความเสียหายด้านสุขภาพที่เกิดจากสารเคมีเพียง 3 ชนิดในพลาสติก (BPA, PBDE, phthalates) ใน 38 ประเทศ คิดเป็นต้นทุนทางเศรษฐกิจรวมกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 54 ล้านล้านบาท)

 

นักวิจัยเรียกร้อง สนธิสัญญาระดับโลกเพื่อควบคุมการผลิตพลาสติก

นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกเตือนว่า การรีไซเคิลเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จำเป็นต้องมี สนธิสัญญาระดับโลกที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย เพื่อควบคุมการผลิตพลาสติกตั้งแต่ต้นทาง เช่น การจำกัดการผลิตพลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียว และการแทนที่ด้วยวัสดุทางเลือกที่ปลอดภัยและยั่งยืน

 

ปัจจุบัน องค์การสหประชาชาติ (UN) กำลังเจรจาร่างสนธิสัญญาว่าด้วยมลพิษพลาสติก (Global Plastics Treaty) ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 2025 โดยมีเป้าหมายลดการผลิตพลาสติกใหม่และสนับสนุนการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

 

ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม

ปริมาณพลาสติกทั่วโลกในปี 2023 อยู่ที่ราว 460 ล้านตัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,231 ล้านตันในปี 2060 (OECD, 2022)

ประมาณการว่ามีพลาสติกไหลลงมหาสมุทร มากกว่า 11 ล้านตันต่อปี และจะเพิ่มขึ้นเป็น 29 ล้านตันต่อปีภายในปี 2040 หากไม่มีมาตรการควบคุม (Pew Charitable Trusts, 2020)

 

ข่าวล่าสุด

กรมชลฯ สั่งเฝ้าระวังและเตรียมเครื่องจักรรับมือฝนหนักภาคใต้ 11–15 ธ.ค. นี้