posttoday

พื้นที่ใดควรระวังไข้หวัดนกระบาด? หลังพบผู้ป่วยกัมพูชาตาย 6 ราย

09 กรกฎาคม 2568

กรมควบคุมโรคออกโรงเตือน พื้นที่เฝ้าระวังไข้หวัดนกระบาด โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังพบผู้เสียชีวิตชาวกัมพูชา 6 รายอัตราการตายมากกว่า 50%

ล่าสุด เมื่อวานนี้ (8 กรกฎาคม 2568) กรมควบคุมโรค ได้ออกมาเตือนอีกครั้งในรอบ 2 เดือน จากประเด็นของโรคไข้หวัดนกระบาดที่ประเทศกัมพูชา โดย นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า

 

ขณะนี้ยังคงพบโรคไข้หวัดนกทั่วโลก สถานการณ์ยังพบการระบาดอย่างต่อเนื่อง กัมพูชาได้รายงานผู้ป่วยโรคไข้หวัดนก H5N1 เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในปี 2568 ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา

 

มีรายงานผู้ป่วยแล้ว 12 ราย ทั้งนี้ในระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2568 - 1 กรกฎาคม 2568 พบมีรายงานผู้ป่วย 4 รายจากจังหวัดเสียมราฐ และมีผู้เสียชีวิต 6 ราย (หรืออัตราการตาย 54%) 

 

เมื่อป่วยและมีอาการรุนแรง มักพบมีภาวะปอดอักเสบซึ่งจะทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตค่อนข้างสูง การระบาดมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีความเชื่อมโยงกับการสัมผัสไก่ที่ป่วย หรือตาย หรือนำซากสัตว์ปีกมาประกอบอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการติดเชื้อจากสัตว์สู่คน

 

ทั้งนี้ จากการแถลงข่าวดังกล่าว พบว่า มีผู้ป่วยเกิดขึ้นในหลายจังหวัดของกัมพูชา เช่น เสียมราฐ กระแจะ กำปอต ตาแก้ว สวายเรียง และอื่นๆ  ซึ่งชายแดนของจังหวัดดังกล่าวของกัมพูชาจะอยู่ห่างจากไทยอย่างต่ำ 50 กม.

แม้ว่าประเทศไทยไม่พบผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดนกทั้งในคน และสัตว์ ตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งนับเป็นเวลากว่า 19 ปีแล้ว แต่ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลาง  เนื่องจากในประเทศไทยยังคงมีการเลี้ยงสัตว์ปีกในบริเวณบ้านในหลายพื้นที่ มีการค้าขายบริเวณชายแดน ทางกรมควบคุมโรคจึงประกาศให้มีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดนกัมพูชา ได้แก่ สระแก้ว บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ตามลำดับ

 

WHO ยืนยันเชื้อยังไม่แพร่สู่คนในวงกว้าง ‘แต่ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ออก’

 

ทั้งนี้ WHO หรือองค์การอนามัยโลก ได้รายงานเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2025 ที่ผ่านมา ระบุว่าในกัมพูชาพบผู้ป่วยตั้งแต่ปี 2003 ถึงปัจจุบันราว 83 รายเสียชีวิต 49 ราย ซึ่งเป็นอัตราการตายที่สูงถึง 59%  ในปี 2025 เพียงช่วงเวลา 6 เดือน พบผู้ป่วยยืนยันแล้วใน 7 จังหวัด โดยเชื้อยังไม่แพร่จากคนสู่คนในวงกว้าง แต่ ‘ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ออกทั้งหมด’ ว่าจะมีการติดเชื้อจากมนุษย์สู่มนุษย์หรือไม่ และขอให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

สำหรับสายพันธุ์ที่มีการระบาดนั้น มีการรายงานจาก FAO ขององค์การสหประชาชาติ ระบุว่า สายพันธุ์ที่พบในกัมพูชาเป็นกึ่งผสมระหว่าง clade 2.3.2.1e ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับสายพันธุ์เก่าของกัมพูชา และล่าสุดมีการผสมกับ clade 2.3.4.4b ซึ่งกำลังระบาดทั่วโลกในสัตว์ปีกและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ

 

 

 

ปัจจัยเสี่ยงและวิธีการป้องกัน

 

นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อไข้หวัดนกยังคงเกี่ยวข้องกับการเลี้ยงสัตว์ปีกแบบหลังบ้าน โดยไม่ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพ การสัมผัสสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตายผิดปกติ นอกจากนี้ ประชาชนในพื้นที่ชนบทมักจะรอให้มีอาการรุนแรงก่อนจึงไปพบแพทย์ ซึ่งส่งผลให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูงขึ้น

ทั้งนี้ ทางกรมควบคุมโรคได้เน้นย้ำให้ประชาชนปฎิบัติตามเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ ได้แก่

  • เลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่ได้มาตรฐาน จากร้านค้าที่เชื่อถือได้
  • รับประทานอาหารที่ปรุงสุก
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีก สุกร โค ที่ป่วยหรือตายผิดปกติ
  • การสัมผัสสัตว์ควรสวมหน้ากากอนามัย ถุงมือ และล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัส
  • เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีก สุกร โค หากพบสัตว์ป่วยตายจำนวนมากบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่เลี้ยง ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ และไม่นำซากสัตว์ไปประกอบอาหาร

 

ส่วนอาการ หากมีอาการคล้ายโรคไข้หวัดนก เช่น ไข้ ไอ หายใจลำบาก หลังสัมผัสสัตว์ปีก สุกร โค ควรรีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการสัมผัสสัตว์ให้แพทย์ทราบ และหากพบสัตว์ปีก สุกร โค ป่วยตายไม่ทราบสาเหตุ ให้รีบแจ้งปศุสัตว์หรือสัตวแพทย์ในพื้นที่ทันที

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"