กทม.ตรวจสุขภาพคนไร้บ้าน ปีที่ 2 คุมเข้มขอทานในพื้นที่เมือง
ชัชชาติลุยต่อปีที่ 2 ตรวจสุขภาพคนไร้บ้าน พร้อมจัดการปัญหาขอทานในกรุงเทพฯ เน้นดูแล-คัดแยกกลุ่ม พร้อมวางระบบช่วยเหลือฟื้นฟูชีวิตคนข้างถนน
กรุงเทพมหานครเดินหน้าโครงการ “ตรวจสุขภาพคนไร้บ้าน” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ณ บ้านอิ่มใจ (ประปาแม้นศรี) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
โดยปีนี้ตั้งเป้าดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบางกว่า 300–400 คน ให้ได้รับการตรวจสุขภาพครบทุกด้าน ทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น ตรวจเลือด ตรวจปอด ตรวจหัวใจ ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต พร้อมช่วยเหลือด้านอื่น ๆ เช่น ทำบัตรประชาชน และหางานทำ เพื่อให้คนไร้บ้านสามารถกลับเข้าสู่ระบบและมีชีวิตที่มั่นคงขึ้นในระยะยาว
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า วันนี้ต้องขอขอบคุณทุกภาคีเครือข่ายที่มาร่วมกัน เรามีโครงการตรวจสุขภาพฟรี 1 ล้านคน ในขณะเดียวกันคนไร้บ้านบางครั้งจะอยู่นอกระบบตกสำรวจ ซึ่งเขาก็เป็นประชาชนเหมือนพวกเราทุกคน มีสิทธิและศักดิ์ศรีเหมือนกัน และโครงการตรวจสุขภาพคนไร้บ้านเป็นโครงการต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว คาดว่าจะตรวจได้ประมาณ 300 - 400 คน และเชื่อว่าจะมีข้อมูลเดิมต่อเนื่องมาด้วย วันนี้ไม่ใช่แค่ให้บริการตรวจสุขภาพแต่ยังให้บริการทำบัตรประชาชนรวมถึงดูเรื่องหางานให้ด้วย เพื่อให้พี่น้องคนไร้บ้านมีสถานะชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว
"สำหรับประปาแม้นศรีแห่งนี้ กทม. ทำการเช่าพื้นที่มาเพื่อเตรียมเป็นศูนย์ดูแลคนไร้บ้าน เรียกว่าบ้านอิ่มใจ เป็นศูนย์พักชั่วคราวและเป็นจุดสำหรับผู้ที่จะนำของมาช่วย จะได้รวมไว้อยู่ที่นี่ คาดว่าจะเปิดให้บริการในเดือนมกราคม 2569 จำนวน 200 เตียง เป็นสถานที่ที่ไม่ได้ให้อยู่อาศัยถาวร แต่เป็นที่พักพิงชั่วคราวให้ได้มาฟื้นร่างกายและจิตใจ ตั้งหลักชีวิตและเดินต่อไป ทั้งนี้ หลังเปิดบ้านอิ่มใจแล้ว ยืนยันว่าโครงการตรวจสุขภาพประจำปีคนไร้บ้านจะยังดำเนินการต่อ" ผู้ว่าชัชชาติเสริม
จัดโซนแจกของคนไร้บ้าน ง่ายต่อการควบคุม
ส่วนปัญหาที่คนไร้บ้านไม่เข้าระบบและไม่ค่อยตรวจสุขภาพนั้น ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า หากเรามีบริการที่ดีทุกคนก็อยากจะมา ไม่มีใครอยากไปนอนข้างถนน ทุกคนอยากมีงานทำ มีบ้านอยู่ บางคนอาจจะมีความโชคร้ายในชีวิตหน้าที่เราคือต้องช่วยดูแลประคองให้เขากลับมาสู่สภาพปกติและเป็นทรัพยากรที่สำคัญของสังคมได้
ด้านภาพรวมคนไร้บ้านในกรุงเทพฯ จากการสำรวจด้วยการแจงนับ (One Night Count) เมื่อเทียบกับปีก่อนจำนวนลดลงเล็กน้อยจากประมาณ 1,300 คน เหลือ 1,271 คน อีกรูปแบบคือคนจนเมือง บางคนมีบ้านอยู่อาศัยแต่ก็มารับอาหารแจก ซึ่งเราต้องพยายามจำแนกกลุ่มให้ชัดเจน และส่วนใหญ่คนไร้บ้านจะกระจุกอยู่ตามจุดที่มีคนให้อาหาร เช่น ตรอกสาเก ริมถนนราชดำเนิน จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าคนไร้บ้านเยอะ วิธีหนึ่งที่ทำคือการจัดพื้นที่เฉพาะสำหรับคนที่อยากแบ่งปันแจกอาหารคนไร้บ้าน มี 2 จุด คือ ใต้สะพานพระปิ่นเกล้าและตรอกสาเก ทั้งนี้ ต่อไปขอให้มาที่ประปาแม้นศรีที่แห่งนี้จะได้เป็นจุดเดียวในการบริหารจัดการ และนำคนไร้บ้านกลับเข้าสู่ระบบ
“หลายคนอาจจะกลัวคนไร้บ้าน แต่เชื่อว่าคนไร้บ้านส่วนใหญ่ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย บางคนก็เหมือนพวกเราทุกคนแต่อาจโชคร้ายไม่มีงานทำ อาจมีผู้ที่ป่วยจิตเวชบ้างแต่จำนวนน้อย หากพบปัญหาสามารถแจ้งเข้ามาได้ กรุงเทพมหานครจะเข้าไปช่วยดูแล” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
แก้ปัญหาขอทานเร่ร่อน เจอต่างด้าวส่งกลับประเทศอยางเดียว
สำหรับการควบคุมขอทานในพื้นที่กรุงเทพฯ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เสริมว่า เราตรวจอย่างเข้มงวด โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1.ขอทานต่างชาติ และ 2. ขอทานคนไทย
ต่างชาติต้องส่งกลับอย่างเดียวเพราะมาผิดกฎหมาย และหลายคนที่มีการนำเด็กมาขอทานจะเป็นต่างชาติเยอะ
ส่วนขอทานคนไทยต้องช่วยดูแลพยายามแก้ที่ต้นเหตุซึ่งก็ต้องร่วมมือกับทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งมีหน่วยลงพื้นที่ตลอด ทั้งนี้ หากพบปัญหาขอทานหรือขอทานเด็กขอให้ช่วยแจ้งพิกัดเข้ามาที่ Traffy Fondue สายด่วน กทม .1555 หรือสายด่วน พม. 1300
สำหรับการตรวจสุขภาพคนไร้บ้าน ปีที่ 2 ได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลกลาง สำนักการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ศูนย์บริการสาธารณสุข 20 ป้อมปราบศัตรูพ่าย สำนักอนามัย มูลนิธิกระจกเงา และเครือข่ายภาคประชาสังคมและเอกชน ให้บริการตรวจสุขภาพตั้งแต่เวลา 07.00 - 12.00 น. ได้แก่
ตรวจเลือด
ตรวจปอด
ตรวจหัวใจ
ตรวจสุขภาพจิต
ตรวจอายุรกรรม
ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
เมื่อตรวจเสร็จนัดรับผล หากมีปัญหาสุขภาพจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลพาพบแพทย์กินยารักษาต่อไป และโอกาสนี้ อดีตคนไร้บ้านได้มอบจดหมายขอบคุณผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ได้ดำเนินโครงการตรวจสุขภาพปีที่แล้ว ทำให้เขาสามารถหลุดจากวงจรคนไร้บ้านได้


