posttoday

ไขความลับ 'เซลล์ชรา' ตัวการ แก่ เจ็บ ตาย ที่โลกกำลังหาวิธีจัดการ

06 พฤษภาคม 2568

ไขข้อข้องใจ 'เซลล์ชรา' เกี่ยวข้องกับกระบวนการ แก่ เจ็บ ตาย ในมนุษย์อย่างไร? และมนุษย์กำลังท้าทายระบบแบบไหนบ้าง

KEY

POINTS

  • ไขข้อข้องใจ 'เซลล์ชรา' เกี่ยวข้องกับกระบวนการ แก่ เจ็บ ตาย ในมนุษย์อย่างไร เริ่มต้นจากเรียนรู้วิวัฒนาการความชราในระดับเซลล์
  • ทำไมร่างกายถึงปล่อยให้ 'เซลล์ชรา' อยู่รอด แม้จะรู้ว่าทำให้ร่างกายอายุสั้นลง
  • มนุษย์พยายามก้าวข้ามขีดจำกัดความชรา ด้วยหนทางใดบ้าง ณ ขณะนี้

เซลล์ชรา หรือ Senescent Cells ถูกพบเจอครั้งแรกในปี 1961 โดยนักวิจัยชื่อ ลีโอนาร์ด เฮย์ฟลิกค์ (Leonard Hayflick) และ  พอล มัวเฮด (Paul Moorhead)  โดยพบว่าเซลล์มนุษย์มีการแบ่งตัวอย่างจำกัดที่ 50 รอบเท่านั้น ซึ่งการแบ่งตัวของเซลล์มีประโยชน์มากเพราะเป็นกระบวนการพื้นฐานที่ทำให้สิ่งมีชีวิตเจริญเติบโต ซ่อมแซมตนเอง และสืบพันธุ์ได้

เฮย์ฟลิกค์ ได้เรียกเซลล์ที่หยุดแบ่งตัวนี้ว่า ‘Senescent Cells’ หรือ เซลล์ชรา ซึ่งกลายเป็นพื้นฐานแนวคิดเรื่องความชราที่ลงลึกไปถึงระดับเซลล์!

 

ไขความลับ 'เซลล์ชรา'  ตัวการ แก่ เจ็บ ตาย ที่โลกกำลังหาวิธีจัดการ

 

วิวัฒนาการความแก่ระดับเซลล์ เกิดขึ้นได้อย่างไร

จากงานวิจัยได้อธิบายถึง สาเหตุและวิวัฒนาการของความชรา สามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฎี Disposable Soma Theory หรือ ‘ร่างกายนั้นใช้แล้วทิ้งได้’ ทฤษฎีนี้เสนอว่า

 

เมื่อสิ่งมีชีวิตมีทรัพยากรจำกัด จึงต้องมีการเลือกว่าจะใช้ทรัพยากรเหล่านี้เพื่ออะไร ซึ่งคำตอบคือมีไว้เพื่อการสืบพันธุ์ เพื่อส่งต่อยีนให้แก่รุ่นถัดไป

 

ร่างกายจึงเน้นไปที่ ‘ความสำเร็จในการสืบพันธุ์’ มากกว่า 'อายุยืน' กลไกในร่างกายจึงมีไว้ซ่อมแซมร่างกายแค่พอให้อยู่รอดจนถึงวัยสืบพันธุ์เท่านั้น และใช้พลังงานที่มีอยู่อย่างจำกัดไปในช่วงเวลาดังกล่าว

พูดง่ายๆ คือเมื่อพ้นวัยสืบพันธุ์ ร่างกายก็จะเริ่มไม่ค่อยซ่อมแซมตัวเอง เพราะวัตถุประสงค์ของร่างกายนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อที่จะอยู่ตลอดไป แต่แค่อยู่เพื่อสืบพันธุ์!  นั่นจึงเป็นที่มาของการสะสมความเสียหายต่างๆ ไว้ในเซลล์ของเรา และเป็นสาเหตุของความชรา

 

ประจักษ์พยานหนึ่งที่สำคัญว่า ‘มนุษย์’ ถูกสร้างเพื่อสืบพันธุ์ ไม่ใช่เพื่อให้อยู่ตลอดไปนั่นคือ 'เซลล์ชรา'

 

เซลล์ชรา ‘Senescent Cells’  ภาวะของเซลล์ที่ธรรมชาติปล่อยให้รอด แม้จะรู้ว่าจะแก่

ธรรมชาติ ‘เอ็นดู’ วัยหนุ่มสาวเสมอ โดยจะมีกลไกวิวัฒนาการบางอย่างที่มีขึ้นเพื่อป้องกันความเสียหายตั้งแต่เยาว์วัย ตัวอย่างเช่น ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่มีหลายเซลล์ หากมีเซลล์ใดเซลล์หนึ่งเกิดความเสียหาย มันอาจกลายเป็นภัยต่อทั้งร่างกาย เช่น กลายเป็นมะเร็ง ดังนั้น ร่างกายจึงมีกลไก 'ฆ่าตัวตายของเซลล์' (apoptosis) หรือ 'การหยุดแบ่งตัวของเซลล์' (cellular senescence) เพื่อป้องกันไม่ให้เซลล์ที่เสียหายแพร่กระจาย

 

‘เซลล์ชรา’  ก็คือผลลัพธ์หนึ่งจากกลไกนั้น ร่างกายจะสั่งให้หยุดแบ่งตัวเซลล์ เพื่อป้องกันอันตรายจากมะเร็งหรือการติดเชื้อในวัยหนุ่มสาว นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยใหม่เสนอว่า ขั้นตอนนี้มีขึ้นเพื่อช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ มากกว่าจะต้านมะเร็งเพียงอย่างเดียว มันช่วยในเรื่องการสมานแผล สร้างเนื้อเยื่อใหม่ พื้นฟูอวัยวะในสัตว์บางชนิดหรือพัฒนาอวัยวะในตัวอ่อนมนุษย์

 

กลไกของเซลล์ตัวนี้คือ เมื่อเนื้อเยื่อได้รับบาดเจ็บ เซลล์บริเวณนั้นจะกลายเป็น ‘เซลล์ชรา’ และหลั่งสาร SASP เพื่อเรียกเซลล์ภูมิคุ้มกันมาช่วยซ่อมแซม กระบวนการนี้ทำให้เซลล์ชราเป็นเซลล์ที่ดื้อต่อการตาย เพราะว่าต้องอยู่จนกว่าจะซ่อมแซมเสร็จ และยังมีความสามารถพิเศษ ‘ชวน’ เพื่อนเซลล์รอบข้างให้ชราไปด้วยกัน เพื่อให้การฟื้นฟูดีขึ้นด้วย  และเมื่อซ่อมแซมเสร็จ ‘ระบบภูมิคุ้มกัน’ จะเข้ามากำจัดเซลล์ชราออกไป 

 

แต่ถ้าวันไหนระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เซลล์ชราก็จะสะสมพอกพูน จนก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง

และแย่กว่านั้นคืออายุสั้นลง

 

ไขความลับ 'เซลล์ชรา'  ตัวการ แก่ เจ็บ ตาย ที่โลกกำลังหาวิธีจัดการ

 

 

อายุสั้นลงจริงหรือ?

ในงานวิจัยปี 2018 (Ovadya et al., 2018) พบว่าหนูทดลองที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง จะมีการอักเสบเรื้อรัง เซลล์ชราภาพสะสมรวดเร็ว และอายุสั้นลงประมาณ 20%

โดยปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดภาวะเซลล์ชรา มีหลายปัจจัย เช่น เกิดความเสียหายระดับ DNA จากรังสี UV สารเคมี อนุมูลอิสระ  เกิดการกระตุ้นของยีนมะเร็ง ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม เช่น รังสี สารพิษ

นอกจากนี้ ในผู้สูงอายุระบบซ่อมแซมและภูมิคุ้มกันก็เสื่อมถอย จึงทำให้ระบบที่เคยช่วยกำจัดเซลล์ชราทำงานแย่ลง ส่งผลให้เกิดการสะสมเซลล์ชรามากขึ้นตามลำดับ  หากย้อนไปตั้งแต่ต้นบทความก็จะพบว่า ที่ร่างกายกำจัดเซลล์เหล่านี้ไม่ได้ ก็อาจจะมาจากแนวคิดที่ว่า ร่างกายไม่ได้อยากให้มนุษย์คงอยู่ตลอดไปนั่นเอง

การสะสมของเซลล์ชราส่งผลหลายประการต่อระบบในร่างกายจากบทความวิจัย "Senescence and aging: Causes, consequences, and therapeutic avenues" โดย McHugh และ Gil (2018) พบว่า

 

การสะสมของเซลล์ชรามีส่วนในการเกิดโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ เบาหวาน และโรคทางประสาท

 

 

ท้าทาย ข้ามขีดจำกัด

ใครจะหยุดจินตนาการของมนุษย์ได้? เมื่อรู้แล้วว่า ‘เซลล์ชรา’ เป็นปัจจัยสำคัญของการก่อให้เกิดโรคและทำให้อายุสั้นลง  ตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา มนุษย์จึงคิดค้นแนวทางการรักษาที่มุ่งเป้า ‘กำจัด’ เซลล์ชราไปให้สิ้นซาก เพราะเชื่อว่าจะสามารถยืดอายุและปรับปรุงสุขภาพโดยรวมได้  ยานั้นเรียกกันว่า Senolytics ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากในวงการแพทย์ เพราะหากสำเร็จนอกจากจะสามารถกำจัดโรคได้ที่ต้นตอแล้ว ยังสามารถย้อนกลับกระบวนการชราได้ - จินตนาการมนุษย์คิดเช่นนั้น

 

ปัจจุบันมีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ Synolytics หลายตัว ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองทางคลินิก ที่ศึกษามากที่สุดคือการใช้ยา Dasatinib และ Quercetin (เควซิทิน) ซึ่งมีวิจัยที่ชี้ว่าสามารถลดจำนวนเซลล์ชราในร่างกายได้อย่างมีนัยสำคัญ

Dasatinib คือยาที่เดิมใช้ในการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ส่วน Quercetin เป็นสารที่พบในพืชทั่วไป เช่น หอมแดง แอปเปิ้ล หรือองุ่น มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระและยับยั้งกระบวนการอักเสบ ซึ่งพบว่าถ้าใช้คู่กันจะมีฤทธิ์เสริมกัน

 

อย่างไรก็ตามทั้งหมดยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองทางคลินิกแทบทั้งสิ้น

 

ไขความลับ 'เซลล์ชรา'  ตัวการ แก่ เจ็บ ตาย ที่โลกกำลังหาวิธีจัดการ

 

ท้ายสุด สุดท้ายนี้ มนุษย์จะสามารถเอาชนะ ‘วิวัฒนาการตามธรรมชาติ’ ของตนเองโดยก้าวข้ามการแก่ชราหรือไม่ ก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูไปอีกยาวๆ เพราะการค้นพบ ‘เซลล์ชรา' ดำเนินมากว่า 60 ปีแล้ว แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มียาชนิดใดออกมาอย่างเป็นรูปธรรม สวนทางกับการเจ็บป่วยที่ดูเหมือนจะเพิ่มจำนวนในกลุ่มคนที่มีอายุน้อยลงทุกที.

 

อ่านเพิ่ม : จับตา! ญี่ปุ่นจดสิทธิบัตรสารสำคัญในพืชกำจัด 'เซลล์ชรา' ได้

 

 

ที่มา

https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC5748990/

https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC7744960

https://www.cancerresearchuk.org/health-professional/cancer-statistics/incidence/age

 

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68