จับตา! ญี่ปุ่นจดสิทธิบัตรสารสำคัญในพืชกำจัด 'เซลล์ชรา' ได้

กูลิโกะ (Ezaki Glico Co., Ltd.) ค้นพบสารสำคัญในต้น Persian silk tree ที่สามารถช่วยกำจัด 'เซลล์ชรา' และสามารถจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จับตาการทดลองในขั้นต่อไปกับมนุษย์เพื่อหาความเป็นไปได้ที่จะนำมาใช้ในการสู้กับโรคต่างๆ ที่เกิดจาก ‘เซลล์ชรา' ต่อไป

 

 

เซลล์ชราคืออะไร? (senescent cells )

นายโซอิชิ ทานาเบะ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและยุทธศาสตร์ บริษัท Ezaki Glico หรือ กูลิโกะ กล่าวถึงกลไกการทำงานของเซลล์ชราว่า โดยธรรมชาติเซลล์ในร่างกายจะสามารถแบ่งตัวได้ แต่เมื่อถูกกระตุ้นด้วย ปัจจัยต่างๆ เช่น รังสียูวี หรืออนุมูลอิสระ จะสูญเสียความสามารถในการแบ่งตัวและเริ่มปล่อยสารก่อการอักเสบ เซลล์เหล่านี้จะเกิดความเสียหายในระดับ DNA และเปลี่ยนสภาพเป็น ‘เซลล์ชรา’

ตามปกติ เซลล์ชรา หรือ Senescent cells นั้นจะเกิดขึ้นและถูกกำจัดออกในทุกช่วงอายุตามธรรมชาติ แต่เมื่ออายุมากขึ้นก็จะสามารถทำได้ยากขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันเสื่อมลง จนเกิดการสะสมของเซลล์ชราที่มากขึ้น

 

“เซลล์ชรา เป็นสาเหตุหลักของความแก่ และการกำจัดเซลล์ชราจะส่งผลต่อสุขภาพดีในวัยชราได้หลายอย่างด้วยกัน” นายทานาเบะระบุ

 

ทั้งนี้ แม้ว่าการแก่ชราจะเป็นกระบวนการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สามารถทำให้อัตราการแก่ หรือ แก่ช้าหรือเร็ว แตกต่างไปตามแต่ละบุคคลได้ อีกทั้งทุกวันนี้ทั่วโลกกำลังวิจัยเพื่อพยายามหาวิธีขยายอายุขัยของมนุษย์ และต้องเป็นการขยายอายุที่ดีต่อสุขภาพด้วย

 

 

การค้นพบสารสำคัญใน Persian Silk Tree

นายทาอิกิ นากาโนะ นักวิจัยบริษัท Ezaki Glico หรือ กูลิโกะ  กล่าวถึงกระบวนการวิจัยว่า ทีมวิจัยได้รวบรวมวัตถุดิบทางธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อค้นหาสารที่สามารถกำจัดเซลล์ชราได้ โดยเริ่มจากการเพาะเลี้ยงเซลล์มนุษย์ให้กลายเป็นเซลล์ชรา แล้วใส่วัตถุดิบราว 6,000 ชนิดลงไป จากนั้นจึงนับจำนวนเซลล์ชราและเซลล์ปกติ เพื่อนำมาวิเคราะห์วัตถุดิบแต่ละชนิดว่ามีความสามารถในการกำจัดเซลล์ชราได้มากน้อยเพียงใด

 

 

ต่อมาจึงได้ค้นพบ Persian Silk Tree ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นในตระกูลถั่ว ขึ้นในหลายพื้นที่ของเอเชีย เช่น อิหร่านและญี่ปุ่น ในภาษาญี่ปุ่นจะเรียกต้นนี้ว่า ต้น ‘เนมุโนะกิ’ แปลว่า ต้นไม้ที่นอนหลับ เนื่องจากจะหุบใบในตอนกลางคืน ประเทศญี่ปุ่นและจีนนิยมนำดอกและเปลือกไม้มาชงเป็นชาสมุนไพรมาช้านาน

 

ผลจากการวิจัยโดยใช้ Persian Silk Tree พบว่า เมื่อผ่านระยะเวลา 47 ชั่วโมงเซลล์ชรายังคงอยู่ แต่กลับหายไปภายในเวลาเพียง 51.5 ชั่วโมงหลังจากใส่สารสกัด ในขณะที่เซลล์ปกติไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ โดยพบว่าจำนวนเซลล์ชราลดลงเหลือประมาณ 40% จากจุดเริ่มต้น แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการกำจัดเซลล์ชราอย่างจำเพาะเจาะจง ในขณะที่เซลล์ปกติไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

 

เมื่อเปรียบเทียบกับเควซิทิน (Quercetin) สารที่มีรายงานวิจัยว่ามีฤทธิ์ใกล้เคียงกัน ( ส่วนมากจะอยู่ในพืชประเภทหัวหอม แอปเปิ้ล เบอร์รี่ ฯลฯ) พบว่าในขณะที่เควซิทินกำจัดเซลล์ชราได้มากกว่าเซลล์ปกติ 1.1 เท่า แต่ Persian Silk Tree สามารถกำจัดได้มากกว่าถึง 9.8 เท่า

 

 

Persian Silk Tree กำจัดเซลล์ชราได้อย่างไร?

นายนากาโนะ อธิบายถึงกลไกการทำงานของ Persian Silk Tree โดยระบุว่า เซลล์ชรานั้นเป็นเซลล์ที่มีความเสียหาย หากไม่ได้รับการซ่อมแซม จะเข้าสู่กระบวนการตายตามธรรมชาติ แต่ว่าเซลล์ชรากลับมีกลไกการอยู่รอดของตัวเอง โดยการใช้โปรตีนชนิดหนึ่งซึ่งจะเรียกว่า ‘โปรตีน X’ ช่วยให้เซลล์ปรับตัวและอยู่รอดจากความเสียหายได้ ทำให้เซลล์ชราสะสมในร่างกายได้ไปเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม Persian Silk Tree สามารถยับยั้งการทำงานของโปรตีน X ได้ จึงไปรบกวนกลไกดังกล่าว และทำให้เซลล์ชราตายไป โดยทางทีมวิจัยของกูลิโกะเชื่อว่า Persian Silk Tree มีฤทธิ์อย่างแม่นยำต่อโปรตีน X

 

 

อนาคตทางการรักษา

การแถลงข่าวครั้งนี้ของทาง 'กูลิโกะ' เพื่อแถลงความคืบหน้าการจดสิทธิบัตรสำหรับต้น Persian Silk Tree ในฐานะสารที่กำจัดเซลล์ชรา ที่ออกฤทธิ์เฉพาะเซลล์ชราแต่ไม่กระทบต่อเซลล์ปกติ ครั้งแรกของโลก ซึ่งได้จดสิทธิบัตรไปเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2025 ที่ผ่านมา

ทีมวิจัยยังกล่าวถึงขั้นต่อไปว่ากำลังจะเดินหน้าวิจัยเพิ่มเติม รวมถึงการวิจัยในมนุษย์ เพื่อยืนยันคุณสมบัติการกำจัดเซลล์ชราและนำไปสู่การใช้ในเชิงพาณิชย์ต่อไป ทั้งนี้ การกำจัดเซลล์ชราส่งผลต่อความชราในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น การอักเสบของข้อ  การทำงานของตับ ตา ระบบประสาท เส้นผม ผิว ไต ระบบย่อยอาหาร ระบบภูมิคุ้มกัน  หลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น.