"เป๋าตัง" เกาะติดสุขภาพผู้สูงวัย สกัด "กระดูกสะโพกหัก" ลดตาย 15%
รัฐบาลใช้ "เป๋าตัง" เป็นเครื่องมือสำคัญติดตามสุขภาพผู้สูงวัย ป้องกันพลัดตกหกล้มลดเสียชีวิตจาก"กระดูกสะโพกหัก" ได้ 15%
รัฐบาลเดินหน้ายกระดับการดูแลสุขภาพผู้สูงวัยในยุคสังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ โดยนำแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามสุขภาพและป้องกันการพลัดตกหกล้ม ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะ "กระดูกสะโพกหัก" ที่นำไปสู่ความพิการและอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 30-50%
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความสำคัญของการดำเนินงานดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ "สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์" โดยในปี 2565 มีจำนวนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปมากถึง 12.1 ล้านคน หรือคิดเป็น 18.3% ของประชากรทั้งหมด และมีแนวโน้มเผชิญปัญหาสุขภาพจากการพลัดตกหกล้มเพิ่มมากขึ้น
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่ากังวล โดยในปี 2549 พบผู้ป่วยกระดูกสะโพกหัก 23,426 ราย และเพิ่มขึ้นเป็น 34,246 รายในปี 2568 คาดการณ์ว่าตัวเลขจะสูงขึ้นถึง 56,443 รายในปี 2593 หากไม่มีมาตรการป้องกันและแก้ไขอย่างเป็นระบบ
เพื่อรับมือกับปัญหานี้ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ร่วมกับสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บริษัท กรุงไทยคอมพิวเตอร์เซอร์วิสเซส จำกัด และภาคีเครือข่าย ได้ดำเนินโครงการ "เดินดีไปด้วยกัน" โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการติดตามสุขภาพผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่องผ่านระบบ "กระเป๋าสุขภาพ" บนแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" และ LINE @NHSO
ระบบดังกล่าวจะทำหน้าที่เก็บข้อมูลโครงการต้นแบบ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบเฝ้าระวังและป้องกันกระดูกหักบริเวณรอบข้อสะโพกในผู้สูงอายุไทย รวมถึงประเมินผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ทำให้สามารถประเมินความเสี่ยงในการพลัดตกหกล้มได้อย่างแม่นยำ และวางแผนป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลการดำเนินโครงการในพื้นที่นำร่อง 11 จังหวัด 1 เขต ปรากฏผลลัพธ์ที่น่าพอใจ โดยสามารถลดอัตราการล้มใหม่และล้มซ้ำได้ถึง 10% และที่สำคัญคือ อัตราการเสียชีวิตของผู้สูงอายุ 1 ปีหลังกระดูกสะโพกหักและได้รับการผ่าตัดลดลงเหลือเพียง 15% นอกจากนี้ ยังพบว่ามีผู้สูงอายุเข้าถึงมาตรการประเมินความเสี่ยงและการติดตามสุขภาพถึง 70% ในพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการ
การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ จะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศให้มีความยั่งยืน และสามารถรับมือกับความท้าทายของสังคมสูงวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ


