กางแผนขับเคลื่อน 'นโยบาย 7 เศรษฐกิจสุขภาพ' หวังโกย 6.9 แสนล้าน 3.39% ของGDP
'รมว.สมศักดิ์' ดันนโยบาย 7 เศรษฐกิจสุขภาพ เปลี่ยนกระทรวงใช้เงิน เป็นกระทรวงหาเงิน! หวังโกย 6.9 แสนล้านบาท หรือ 3.39% ของ GDP โดยภาพรวม เน้นภูมิปัญญาไทย และนวัตกรรมการแพทย์ยุคใหม่ชูโรง!
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.กระทรวงสาธารณสุข นำทัพผู้บริหารกระทรวง เปิดยุทธศาสตร์ขับเคลื่อน '7 นโยบายเศรษฐกิจสุขภาพ' หวังเปลี่ยน 'กรมใช้เงิน' เป็น 'กรมหารายได้' เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา
ปูมหลังของนโยบายเกิดขึ้นจาก ปัจจุบันประเทศไทยใช้งบประมาณราว 3.2 แสนล้านบาทในด้านกระทรวงสาธารณสุข ไม่นับเงินบำรุง งบจากกรมบัญชีกลาง หรือในส่วนของประกันสังคม ซึ่งนับว่าเป็นภาระงบประมาณที่หนักอึ้ง!
ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข ภายใต้การนำของนายสมศักดิ์ เทพสุทินจึงมีความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว 2 ประการสำคัญ
ประการที่ 1 ความพยายามที่จะลดผู้ป่วย NCDs ซึ่งเป็นภาระทางงบประมาณที่หนักหน่วง แค่เพียงงบประมาณในการ 'ฟอกไต' ในปีนี้ สปสช.ก็ติดลบอยู่ราว 3,000 ล้านบาทแล้ว ยังไม่นับรวมค่าใช้จ่ายด้านโรคมะเร็ง หลอดเลือดสมอง เบาหวาน ฯลฯ ซึ่งเป็นโรคฮิตของคนไทย เหล่านี้ล้วนมาจาก NCDs และใช้งบประมาณมหาศาล ซึ่งทางกระทรวงมองว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายระยะกลาง-ยาวได้!
ประการที่ 2 คือความพยายามที่จะนำความสามารถทางสาธารณสุขขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ให้เป็น New Engine of Growth ของประเทศไทย
โดยมุ่งเป้าว่าในปี 2568 จะสามารถสร้างรายได้ราว 6.9 แสนล้านบาท หรือ 3.39% ของ GDP ซึ่งคิดคำนวนผลประโยชน์เศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม
กระทรวงฯ จึงได้ออก '7 นโยบายเศรษฐกิจสุขภาพ' ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นความชัดเจนและการสนับสนุนและการตั้งเป้าในแต่ละนโยบาย ประกอบด้วย
1. การตั้งสำนักงานนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพ ซึ่งจะเป็นกลไกขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญ
- มีลักษณะเป็น 'กรม' เพื่อผลักดันนโยบาย และงานวิจัยสู่ภาคปฏิบัติ
- ภายในสำนักงานดังกล่าวก็จะประกอบด้วยคนจากภาคส่วนต่างๆ และจากทุกกรมกองของกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
2. ยกระดับภูมิปัญญาไทย เน้นที่ การนวดแผนไทย
- คาดจะเพิ่มมูลคาทั้งปีได้ราว 3.6 แสนล้านบาท ด้วยการ Upskill ทั้งในเชิงวิชานวด ภาษาและวัฒนธรรม
- เน้นเพิ่ม 'นวดไทยอาชีพ' อีก 60,000 ตำแหน่งที่ขาดแคลน
- เพิ่ม 'นวดไทย'วิชาชีพ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งในส่วนนี้คาดจะเพิ่มรายได้ให้แก่นักนวดวิชาชีพกว่า 7 ล้านบาทต่อปี
3.ยกระดับสมุนไพรไทย โดยหลักที่น่าสนใจคือสมุนไพรแชมเปี้ยน ซึ่งหากสามารถเพิ่มสรรพคุณได้ตามงานวิจัยที่เพิ่มขึ้น คาดจะเพิ่มรายได้ราว 1,935 ล้านบาท ได้แก่
- ขมิ้น คงระดับน้ำตาลในเลือด
- ฟ้าทะลายโจร แก้ไข้หวัด
- กระชายดำ ควบคุมไขมัน
- ไพล แก้ปวดข้อ
- มะระขี้นก ลดระดับน้ำตาลในเลือด
- บัวบก สมองเสื่อม
- มะขามป้อม แก้ไอ
นอกจากนี้ สธ.จะสนับสนุนการส่งออก 'กระท่อม' ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีรายได้จากการส่งออกราว 675 ล้านบาท แต่คาดว่าหากมีการปรับปรุงคุณภาพมาตรฐาน และมีงานวิจัยรองรับ จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศเพิ่มกว่า 10 เท่าหรือ 6,300 ล้านบาท
4.ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
- ปี 66 มีรายได้ราว 220 ล้านล้านบาท
- คาดปี 71 จะสร้างรายได้ราว 315 ล้านล้านบาท เติบโต 7.3%ต่อปี
- สร้างแพ็คเกจทัวร์และแพ็คเกจร่วมระหว่างโรงพยาบาลและโรงแรม
- สร้าง Wellness Clinic เพิ่ม
5. ศูนย์กลางอุตสาหกรรมเครื่องมือทางการแพทย์
- มูลค่าตลาดโลกในปี 64 อยู่ที่ 8.4 หมื่นล้านล้านบาท คาดว่าจะโตขึ้นถึง 1.7 แสนล้านล้านบาท
- ประเทศไทยมีมูลค่านำเข้า 9 หมื่นล้านบาท และส่งออก 1.18 แสนล้านบาท
- เป้าหมายในปี 68-70 จะทำแซนด์บ็อกซ์ ที่ลดขั้นตอนการขออนุญาตและเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว
- สนับสนุนการเปลี่ยนจากอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์
6. ศูนย์กลางนวัตกรรมการแพทย์มูลค่าสูง ( ATMPs)
- ตั้งเป็นเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการแพทย์มูลค่าสูงระดับโลกในปี 2570
- มีการจัดทำ ATMPs Sandbox เพื่อพัฒนา ประเมิน และกำกับงานวิจัยให้ได้มาตรฐาน
- ผลักดันผลิตภัณฑ์ ATMPs และจัดตั้งสถานพยาบาลทดลอง 5 แห่งภายในปีนี้ รวมไปถึงให้ผู้ป่วยเข้ามาทดลองภายใต้งานวิจัย
7. ดูแลสุขภาพความงาม ประกอบด้วย
- เวชศาสตร์ความงาม มูลค่าตลาดเวชศาสตร์ความงามของไทย ในปี 2564 อยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 2.69% ของมูลค่าตลาดโลก อัตราเติบโตของตลาดเวชศาสตร์ความงามถึงปี 2573 อยู่ที่ 10%
- จิตเวชและพฤติกรรมบำบัด (Rehab Centre)
- อุ้มบุญและเทคโนโลยีเจริญพันธุ์ ซึ่งจ่อจะให้อนุญาตต่างชาติกับต่างชาติที่เป็นคู่สมรสสามารถเข้ามาทำอุ้มบุญในประเทศได้ และปรับปรุง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดจากการเจริญพันธุ์
- สนับสนุนเทคโนโลยี IVF และ ICSI คาดว่าจะเติบโตได้เพิ่มอีกราว 6.3 พันล้านบาทในปี 2568


